ตอนที่ 835 จัดการ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 835 จัดการ

อดีตหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์เซี่ยอวี่จั่งถูกจักรพรรดิต้าจิ้นยึดตำแหน่งคืนหลังเกิดเหตุการณ์กบฏที่ประตูอู่เต๋อเพราะควบคุมลูกน้องของตัวเองไม่ดี ตอนนี้เขาใช้ชีวิตไปวันๆ อยู่ที่จวนของตัวเอง

ทว่า เซี่ยอวี่จั่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์อยู่หลายปี ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่มีตำแหน่งใดๆ ในกองกำลังรักษาพระองค์แล้ว ทว่า เขายังคงมีอิทธิพลมากในใจของบรรดาทหารกองกำลังรักษาพระองค์อยู่ดี

บางทีเซี่ยอวี่จั่งอาจช่วยเหลือองค์รัชทายาทได้

ในบรรดาคนที่ฟ่านอวี๋ไหวดึงไปเป็นพวกมีคนที่ไป๋ชิงเหยียนส่งเข้าไปในกองกำลังรักษาพระองค์แฝงตัวอยู่ด้วย ทว่า จะให้องค์รัชทายาทรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นวันหน้าหากสถานการณ์ในเมืองหลวงสงบลง องค์รัชทายาทอาจหวาดระแวงตระกูลไป๋ หวาดระแวงพี่หญิงใหญ่ได้

ไป๋จิ่นซิ่วในตอนนี้มีปัญหาที่ต้องคิดหนักอีกหนึ่งเรื่อง นางไม่รู้ว่าพี่หญิงใหญ่ต้องการสนับสนุนให้องค์รัชทายาทองค์นี้ขึ้นครองราชย์หรือต้องการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์นี้ทั้งหมดกันแน่…

แม้พี่หญิงใหญ่จะไม่เคยกล่าวออกมาตรงๆ ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วพอจะมองออกว่าพี่หญิงใหญ่ต้องการเข้าแทนที่ราชวงศ์ ความปรารถนาในการรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งของพี่หญิงใหญ่รุนแรงกว่าบรรพบุรุษคนอื่นๆ ของตระกูลไป๋มากนัก ทว่า องค์รัชทายาทไม่ใช่คนที่มีใจทะเยอทะยานถึงเพียงนั้น

หากจักรพรรดิแค่ต้องการปกป้องแคว้นของตัวเองให้อยู่รอด คนเป็นขุนนางก็ไม่ควรมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น หากมีปณิธานที่ใหญ่เกินไป…อาจถูกจักรพรรดิหวาดระแวง ไป๋จิ่นซิ่วเชื่อว่าพี่หญิงใหญ่ของนางรู้ข้อนี้ดี

ดังนั้นไป๋จิ่นซิ่วจึงเดาว่าพี่หญิงใหญ่ต้องการเข้าแทนที่ราชวงศ์หลิน

เช่นนั้นครั้งนี้องค์รัชทายาทก็จำเป็นต้องตาย ทว่า จะตายเร็วเกินไปไม่ได้ เขาต้องยัดข้อหากบฏให้เหลียงอ๋องให้ได้เสียก่อน จากนั้นนางจะปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายฆ่าฟันกันเองในเมืองหลวงจนพ่ายแพ้ย่อยยับทั้งคู่

จวนเหลียงอ๋อง

เหลียงอ๋องนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะเขียนตำรา เขาไม่ได้ดูขี้ขลาดอ่อนแอเหมือนที่เคยเห็นเป็นประจำแม้แต่น้อย เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนที่วางแขน แสงไฟจากเปลวเทียนส่องกระทบใบหน้าซีกหนึ่งของเหลียงอ๋องจนดูเยือกเย็นและลึกลับมากกว่าเดิม

“รายงานสถานการณ์รบจากต้าเหลียงต้องใช้ระยะเวลาเดินทาง หากคำนวณจากความเร็วในการบุกยึดเมืองต่างๆ ที่แล้วมาขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว ไม่แน่ตอนนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วอาจยึดเจียงตู หยางเจียง กระทั่งอาจยึดเยว่กู่และเมืองหานได้แล้วก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” หลี่หมิงรุ่ยกล่าวเสียงขรึม “องค์ชายจะรอต่อไปไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ มีเพียงฝ่าบาทและองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ องค์ชายได้ขึ้นครองราชย์อย่างชอบธรรมเท่านั้น องค์หญิงเจิ้นกั๋วและหลิวหงจึงจะทำได้เพียงยอมจำนน ไม่กล้าก่อปัญหาใดขึ้นมาอีกพ่ะย่ะค่ะ!”

หลี่หมิงรุ่ยกล่าวพลางมองไปทางฟ่านอวี๋ไหวที่เหลือดวงตาเพียงข้างเดียว “ก่อนมาที่จวนเหลียงอ๋อง กระหม่อมได้ส่งคนไปบอกให้ใต้เท้าฟ่านเปลี่ยนทหารคุ้มกันประตูเมืองเป็นคนของเราหมดแล้ว องค์ชาย บัดนี้กองกำลังรักษาพระองค์และทหารหน่วยตรวจเมืองครึ่งหนึ่งคือคนของพวกเรา องค์หญิงเจิ้นกั๋วและหลิวหงอยู่ไกลถึงต้าเหลียง นี่คือโอกาสที่เหมาะสมที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

เหลียงอ๋องเคาะนิ้วลงบนที่วางแขน หากไป๋ชิงเหยียนไม่อยู่ในเหตุการณ์กบฏที่ประตูอู่เต๋อคราวที่แล้ว เขาคงได้ขึ้นไปนั่งครองบัลลังก์อันสูงส่งนั่นไปแล้ว

หลี่หมิงรุ่ยกล่าวถูกต้อง บัดนี้กองทัพหลักของต้าจิ้นอยู่ที่ต้าเหลียง บัดนี้กองกำลังรักษาพระองค์ในเมืองหลวงอยู่ในมือของฟ่านอวี๋ไหวทหารหน่วยตรวจเมืองก็ถูกฟ่านอวี๋ไหวดึงมาเป็นพวกได้เกือบครึ่ง นี่คือโอกาสและเวลาที่เหมาะสมที่สุด

เขามีสายเลือดของราชวงศ์อยู่ในตัว ขอเพียงเขาทำสำเร็จ ส่งราชโองการไปยังหลิวหงและไป๋ชิงเหยียน ทุกอย่างก็จะสำเร็จเรียบร้อย

มิเช่นนั้นหากทุกอย่างยังไม่สำเร็จแล้วหลิวหงและไป๋ชิงเหยียนนำกองทัพหลักกลับมายังเมืองหลวงก่อน ทุกอย่างคงสายเกินไปแล้ว

หลังผ่านเหตุการณ์กบฏที่ประตูอู่เต๋อคราวที่แล้ว ถึงแม้สนมที่ได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อเป็นอย่างมากในวังหลวงจะช่วยแก้ต่างแทนเขา ทว่า ความเชื่อใจของเสด็จพ่อที่มีต่อเขามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หากไม่ถือโอกาสนี้ก่อกบฏ เขาคงยากที่จะได้ครอบครองบัลลังก์ที่สูงส่งนั่น

เมื่อตัดสินใจได้เหลียงอ๋องจึงเงยหน้ามองไปทางฟ่านอวี๋ไหว “เช่นนั้นฝากใต้เท้าฟ่านจัดการเรื่องทุกอย่างด้วย!”

หลี่หมิงรุ่ยยิ้มกว้างออกมาทันที “ใต้เท้าฟ่านคือขุนนางที่มีความดีความชอบในการคุ้มครองฝ่าบาทและองค์รัชทายาทในเหตุการณ์กบฏครั้งที่แล้ว หากใต้เท้าฟ่านบอกกับทุกคนว่าองค์รัชทายาทกักบริเวณฝ่าบาทเพราะต้องการควบคุมอำนาจไว้เอง กองกำลังรักษาพระองค์ต้องเชื่ออย่างไม่กังขาแน่นอน! เมื่อเหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ ใต้เท้าฟ่านก็จะกลายเป็นแม่ทัพใหญ่หู้กั๋ว[1]ของแคว้นต้าจิ้นของเรา”

ทุกคนล้วนรับรู้ดีว่าจักรพรรดิต้าจิ้นกำลังหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องปรุงยาวิเศษ มอบเรื่องในราชสำนักทั้งหมดให้องค์รัชทายาทจัดการ

ฟ่านอวี๋ไหวได้ยินคำกล่าวของหลี่หมิงรุ่ยแล้วรู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาทันที เขาพยักหน้า จากนั้นยกมือคารวะเหลียงอ๋อง “กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

“พรุ่งนี้องค์รัชทายาทต้องไปคารวะยามเช้าฝ่าบาทในวังหลวงก่อนไปว่าราชการแน่นอน…” หลี่หมิงรุ่ยมองไปทางเหลียงอ๋อง “เมื่อองค์รัชทายาทเข้าไปในวังหลวง องค์ชายจะทรงรับสั่งให้พวกเราจับกุมตัวองค์รัชทายาทเอาไว้ จากนั้นยัดข้อหาสังหารบิดาให้เขา!”

“ใต้เท้าฟ่านทำตามแผนที่วางไว้ได้เลย” หลี่หมิงรุ่ยกล่าวกับฟ่านอวี๋ไหว

ฟ่านอวี๋ไหวลุกขึ้นยืนทำความเคารพ “องค์ชายไม่ต้องทรงเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ”

ฟ่านอวี๋ไหวเดินออกมาจากห้องตำราของเหลียงอ๋องด้วยสีหน้าตื่นเต้น หากเหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ เขาจะกลายเป็นแม่ทัพใหญ่หู้กั๋ว!

ฟ่านอวี๋ไหวกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น ตอนเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อองค์หญิงเจิ้นกั๋วเคยกล่าวว่าฝ่าบาทไม่มีทางลืมความดีความชอบของเขาที่เสี่ยงชีวิตไปช่วยเหลือฝ่าบาท! กล่าวว่าเขาจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์

ทว่า เขาเสี่ยงชีวิตจนสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่งกลับได้มาเพียงตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ของฮ่องเต้ ฟ่านอวี๋ไหวไม่พอใจ ทว่า เขาต้องแสร้งทำเป็นรับมาอย่างมีความสุข

หากจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาท เขาคงมาได้ไกลที่สุดเพียงแค่นี้เท่านั้น ทว่า เหลียงอ๋องเป็นโอรสของฮ่องเต้เช่นเดียวกัน เขาที่มีส่วนร่วมทำให้เหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ต้องได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างมากแน่นอน ถึงเวลานั้นตระกูลของเขาคงมีแต่ความรุ่งเรืองรออยู่

ไป๋จิ่นซิ่วมองส่งเสิ่นไป่จ้งพามารดาและวั่งเกอจากไปอยู่ที่ประตูข้างของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว หญิงสาวสั่งให้หลัวหมัวมัวไปที่จวนฉิน ส่วนตัวเองขี่ม้าไปยังจวนองค์รัชทายาท

ระหว่างทางที่ไปจวนองค์รัชทายาท ไป๋จิ่นซิ่วขี่ม้าผ่านจวนเซี่ย หญิงสาวบังเอิญพบกับเซี่ยอวี่จั่งที่เดินออกมาจากจวนพอดี…

ตอนที่เซี่ยอวี่จั่งได้ยินไป๋จิ่นซิ่วเล่าให้ฟังว่าหลี่หมิงรุ่ยและฟ่านอวี๋ไหวร่วมมือกับเหลียงอ๋องคิดสังหารองค์รัชทายาทและแย่งชิงบัลลังก์มาครอบครอง เซี่ยอวี่จั่งไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจแม้แต่น้อย

เซี่ยอวี่จั่งยกมือคารวะไป๋จิ่นซิ่ว “ไม่ปิดบังฮูหยินฉิน ลูกน้องในกองกำลังรักษาพระองค์ที่สนิทสนมกับข้าเคยมาเล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟังที่จวนเซี่ยแล้ว”

“แม่ทัพเซี่ยเดือดร้อนในเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อ บัดนี้อยู่แต่ในจวนโดยไม่มีงานทำ กล่าวกันว่ากลียุคก่อเกิดวีรบุรุษ แม้ครั้งนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงจะอันตรายมาก ทว่า นี่คือโอกาสอันดีที่แม่ทัพเซี่ยจะได้ทำความดีชดใช้ความผิด ขอเพียงแม่ทัพเซี่ยคุ้มครององค์รัชทายาทให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ แม่ทัพเซี่ยจะกลายเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ทันที” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวกับเซี่ยอวี่จั่งเสียงจริงจัง

เซี่ยอวี่จั่งมองหน้าคุณหนูรองตระกูลไป๋ ไป๋จิ่นซิ่วแล้วก็นึกถึงองค์หญิงเจิ้นกั๋วขึ้นมา หากเป็นสตรีตระกูลอื่นได้ยินเรื่องเช่นนี้คงตกใจจนทำตัวไม่ถูกไปแล้ว

จริงสิ…คุณหนูรองตระกูลไป๋ผู้นี้ก็เคยติดตามเจิ้นกั๋วอ๋องไปออกรบมาก่อน สตรีตระกูลไป๋ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา

เซี่ยอวี่จั่งเม้มปากแน่น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กำหมัดแน่นจากนั้นกล่าวออกมาอย่างไม่แน่ใจ “ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทจะกล้าใช้ข้าอยู่หรือไม่”

“เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว ขอเพียงแม่ทัพเซี่ยยินดีนำทัพมาคุ้มครององค์รัชทายาท ท่านจงไปรวบรวมลูกน้องเก่าของท่านมาทันที จำไว้ว่าต้องทำอย่างระมัดระวังและเป็นความลับที่สุด” ไป๋จิ่นซิ่วกำหมัดหมัดแน่น “หากข้าเดาไม่ผิดหลี่หมิงรุ่ยและฟ่านอวี๋ไหวคงกำลังรอคนอยู่ บางทีพวกเขาอาจเริ่มลงมือในคืนนี้”

เซี่ยอวี่จั่งพยักหน้า “พวกเขาคงได้ข่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วใกล้จะบุกไปถึงเมืองหานแล้ว พวกเขาคงกลัวว่าหากช้าไปกว่านี้แล้วเกาอี้จวิ้นจู่และแม่ทัพหลิวหงนำทัพกลับมา พวกเขาคงไม่มีโอกาสอีกต่อไป!”

[1] แม่ทัพใหญ่หู้กั๋ว ตำแหน่งจอมพลพิทักษ์ชาติ