อารมณ์ของนิรุตติ์ราวกับจะดีขึ้นในทันใด พลันหัวเราะออกมาเสียงดัง
หลังจากที่หัวเราะอยู่สักพัก เขาก็มองไปยังพงศกร “วางใจได้ คุณไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นแน่ ”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”พงศกรพูดอย่างเย็นชา
หลังจากนั้น ทั้งสองก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ต่างยืนอยู่ในที่ของตัวเอง
ยืนกันอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ชายร่างใหญ่หัวโล้นที่ไปทำตามคำสั่งของนิรุตติ์ก็กลับมา
นิรุตติ์ทิ้งก้นบุหรี่ และถามว่า “ว่ายังไง ?”
ชายร่างใหญ่หัวโล้นส่ายหน้า “นายครับ ผมให้หมอไปตรวจมาแล้ว การผ่าตัดประสบความสำเร็จ และไม่มีอะไรผิดปรกติครับ”
“อืมฉันรู้แล้ว ”นิรุตติ์พยักพเยิดหน้าให้ จากนั้นก็หันไปหาพงศกร“บอกตามตรง คุณไม่ได้เล่นตุกติก ทำผมประหลาดใจไม่น้อยเหมือนกัน แต่มันก็แสดงให้เห็นว่า คุณอยากจะหาตัวปาจรีย์จริงๆ ไม่อย่างนั้นคุณรู้ดีว่าถ้าผมเจออะไรที่มันไม่ชอบมาพากล ผมไม่มีทางให้ที่อยู่ของเธอกับคุณอย่างแน่นอน”
ดวงตาพงศกรไหววูบ และกลับคืนสภาพในทันที พูดอย่างเย็นชาว่า“ในเมื่อตอนนี้ก็รู้แล้วว่าการผ่าตัดเป็นไปด้วยดี แล้วไหนล่ะที่อยู่ !”
นิรุตติ์หัวเราะเสียงเบา“ ไม่ต้องห่วง ผมไม่ผิดคำพูดหรอก”
พูดจบ เขาก็หยิบมันออกจากกระเป๋า กระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งถูกยื่นมาให้ “นี่คือที่อยู่ปัจจุบันของตระกูลจิรดำรงค์”
เมื่อได้ยินคำนี้ พงศกรก็คว้ากระดาษแผ่นนั้นมาทันที ก้มมอง เมื่อเห็นที่อยู่ในนั้น คิ้วก็ขมวดกันแน่น “ไปอยู่ประเทศนั้นได้ยังไง !”
“ตระกูลจิรดำรงค์อยู่ที่นั่นจริงๆ ประเทศนั้นใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย สภาพอากาศก็เหมาะมาก เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการพักผ่อน ตระกูลจิรดำรงค์ถูกคุณกดขี่ซะขนาดนั้น ไปที่นั่นก็เหมาะสมแล้ว ”นิรุตติ์พูดเสียงเรียบ
พงศกรกำกระดาษในมือแน่น“ได้ ผมจะเชื่อคุณสักครั้งแล้วกัน แต่ผมอยากรู้ คุณไปได้ที่อยู่นี้ของตระกูลจิรดำรงค์มาจากไหนกัน ?”
คนของตระกูลจิรดำรงค์ นัทธีเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง
ด้วยอำนาจอิทธิพลของนัทธี หากต้องการที่จะซ่อนที่อยู่ของตระกูลจิรดำรงค์นั้น เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
และอิทธิพลของเขาก็มีไม่เท่านัทธี ดังนั้นก็จึงไม่มีทางหาตระกูลจิรดำรงค์ที่นัทธีซ่อนเอาไว้เจอ
ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นที่อยู่ที่นิรุตติ์เอามาให้ เขาจึงฉงนสงสัย
เพราะในแง่ของอิทธิพล นิรุตติ์ก็ยังห่างไกลจากนัทธีอยู่มาก แต่เพราะนิรุตติ์อยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด อิทธิพลในต่างประเทศของนัทธีก็จึงมีไม่มากนัก และทำให้จับตัวนิรุตติ์ไม่ได้สักที
แต่นิรุตติ์กลับเจาะอิทธิพลของนัทธีได้ สืบหาที่อยู่ของตระกูลจิรดำรงค์จนเจอ ซึ่งมันทำเขาไม่เข้าใจอย่างมาก
“เรื่องนี้ มันง่ายมาก” นิรุตติ์ดันไปที่กรอบแว่น ดวงตาเป็นประกายและตอบว่า“เพราะผมมีสายอยู่รอบตัวเขา คนทุกคนย่อมเห็นแก่ได้ ขอแค่ผมจ่ายคนที่อยู่รอบตัวเขา ได้มากกว่าที่เขาจ่ายให้ ก็ย่อมต้องมีคนที่ตาโต ยอมทำงานให้ผมอย่างลับๆ ”
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” มุมปากพงศกรยกหยักและพูดเสียดสี“ คุณนี่มันช่างร้ายกาจและเจ้าเล่ห์กว่านัทธีจริงๆ”
“ชมเกินไปแล้ว!”นิรุตติ์มองดูนาฬิกาบนข้อมือ“หากจะพูดถึงความร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ นัทธีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผมเลย เพียงแค่คนแบบเขาไม่นิยมทำอะไรแบบนี้ ดังนั้นกลอุบายของเขา ก็จึงต้องแพ้ให้ผมอยู่ซ้ำๆ ”
แต่หากนัทธีเป็นพวกที่ชอบเล่นสกปรก เขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ก็เป็นได้
เมื่อก่อนคุณปู่ชอบพูดอยู่บ่อยๆ ว่าลูกพี่ลูกน้องอย่างพวกเขาสองคนที่ทั้งเก่งและมากความสามารถ แต่เขาก็มักจะด้อยกว่านัทธีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญาหรือความสามารถ ก็สู้นัทธีไม่ได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาใช้มันได้ดีกว่านัทธี นั้นก็คือเล่ห์กล
คนแบบนัทธี ชอบทำอะไรเปิดเผย ไม่ชอบการลอบกัด เพราะรู้สึกว่ามันลดคุณค่าตัวเอง
และเขาไม่คิดแบบนั้น เขาคิดแค่ว่า ขอแค่เอาชนะได้ ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ได้ทั้งนั้น ดังนั้นมีเพียงเรื่องนี้ที่เขาเอาชนะนัทธีได้
“พอแล้ว ผมไม่ได้อยากรู้เรื่องการแข่งขันกันของคุณกับนัทธี คุณให้คนจองตั๋วให้ผมด้วย ผมต้องการจะเดินทางไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”พงศกรเก็บกระดาษในมือ แล้วพูดกับนิรุตติ์
ในเมื่อรู้ที่อยู่ของตระกูลจิรดำรงค์แล้ว เขาก็ไม่อยากจะรอช้าอีก
เขาต้องไปที่นั่น เพื่อดูว่าปาจรีย์ลืมเขาไปแล้วจริงๆเหรอ !
พงศกรครุ่นคิดอย่างหน้าดำคร่ำเครียด
นิรุตติ์หยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรออก ให้คนช่วยจองตั๋วให้พงศกร
ผ่านไปไม่กี่นาที ก็จองตั๋วเสร็จเรียบร้อย พงศกรเดินทางออกจากโรงพยาบาล มุ่งตรงไปยังสนามบิน
วารุณีกับปาจรีย์ต่างไม่มีใครรู้ว่าพงศกรหาที่อยู่ของตระกูลจิรดำรงค์เจอแล้ว อีกทั้งก็กำลังมุ่งหน้าไปที่นั่น
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พงศกรก็เดินออกจากสนามบิน และเรียกรถคันหนึ่งที่ด้านนอกของสนามบิน
เมื่อมองดูรถที่กำลังแล่นไปยังจุดหมายปลายทาง มุมปากที่ยกหยักของพงศกรก็กระตุกขึ้นอีกครั้ง
ปาจรีย์ ฉันมาแล้ว !
ขณะเดียวกัน ที่ตระกูลจิรดำรงค์
ปาจรีย์ลืมตาโพลง แล้วลุกพรวดขึ้นนั่งบนที่นอน เหงื่อผุดซึมเต็มกรอบหน้า ใบหน้าซีดเซียว
เห็นชัดว่า เธอฝันร้าย จนสะดุ้งตื่น
ในความฝัน เธอฝันเห็นชายคนหนึ่ง สวมใส่เสื้อกาวน์สีขาว ในมือถือมีดผ่าตัด มัดเธอไว้กับเตียงผ่าตัด จากนั้นก็ผ่าท้องของเธอ เอาเด็กในท้องของเธอออกมาตัวเป็นๆ
ความฝันนั้นน่ากลัวมาก ทำเธอสะดุ้งตื่น แม้จะรู้ว่าความฝันนั้นเป็นเรื่องหลอก แต่ภายในใจของเธอก็ยังไม่สามารถสงบลงไปง่ายๆ หัวใจเต้นรัว แล้วยังมีความหวาดกลัวบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกปะปนอยู่ด้วย ทำเอาเธออดที่จะขดตัวเกร็งไม่ได้
และชายในฝันคนนั้น แม้เธอจะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่เธอก็รู้ดี ว่าคนคนนั้นต้องเป็นพงศกรอย่างแน่นอน
เพราะลูกในท้องเป็นลูกของพงศกร และมีแค่เขาเท่านั้นที่อยากจะให้เธอเอาเด็กออก
บวกกับเขาก็เป็นหมอด้วย ดังนั้นทุกอย่างก็จึงสอดคล้องกับชายในฝันคนนั้นที่สุด
ดังนั้นผู้ชายคนนั้น จะต้องเป็นพงศกรอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
ปาจรีย์ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ ทำไมตัวเองถึงต้องฝันเห็นพงศกรคนนั้นด้วย
ตั้งแต่เธอลืมเรื่องของผู้ชายคนนั้น เธอก็กินอิ่ม และนอนหลับมาโดยตลอด
แต่คืนนี้ จู่ๆเธอก็มาฝันถึง มันทำให้เธอรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไร
ราวกับเหมือนมีอะไรกำลังจะเกิดขึ้นยังไงอย่างนั้น
แน่นอนว่า นี่อาจจะเป็นเพราะตัวเองคิดมากไป เพราะพงศกรไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยู่ที่ไหน จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นได้ยังไงกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น ปาจรีย์อดไม่ได้ที่จะตบใบหน้าตัวเอง เพื่อให้เธอใจเย็นและมีสติ อย่าคิดมากกับมัน เพราะมันจะทำตัวเองหวาดกลัวเปล่าๆ
แต่ถึงแม้จะพูดปลอบตัวเองแบบนั้น แต่ปาจรีย์ก็รู้สึกได้ ว่าในใจของตัวเองนั้นไม่ได้สงบลงเลย และกระวนกระวายอย่างมาก
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป พิงไปที่หัวเตียงแล้วมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกหน้าต่าง ไม่รู้สึกง่วงนอนอีก
จนกระทั่งรุ่งสาง โทรศัพท์มือถือที่เธอวางอยู่ข้างเตียงดังขึ้น เธอจึงฝืนพาตัวเองออกจากความร้อนรนกระวนกระวายใจนั้น หยิบโทรศัพท์มาแล้วมองดูหน้าจอ
มันเป็นเบอร์แปลกๆที่โทรมาจากต่างประเทศ ใบหน้าของปาจรีย์เต็มไปด้วยความสงสัย
น่าแปลก มีเบอร์แปลกๆจากต่างประเทศโทรหาเธอได้ยังไงกัน ?
เบอร์นี้ของเธอก็เพิ่งจะเปลี่ยนมันใหม่ เปลี่ยนตอนที่มาประเทศนี้ บอกไปแค่ไม่กี่คน บวกกับได้ตั้งค่าเอาไว้ให้ปิดกั้นเบอร์โทรแปลกๆ ดังนั้นตามหลักแล้ว ไม่น่าจะมีใครโทรเข้ามาได้
ดังนั้นสายนี้ที่สามารถโทรมาได้ มันทำเธอสงสัยไม่น้อย
แต่ปาจรีย์ก็ไม่ได้คิดมากอะไร กดรับสายในทันที
เพราะหากเป็นคนรู้จักโทรมาล่ะ
คิดได้ดังนั้น ปาจรีย์ก็แนบโทรศัพท์ไปที่ใบหู เอ่ยถาม “ฮัลโหล ใครคะ?”
ปลายสาย เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ดวงตาของพงศกรก็หรี่เล็กลง มือที่กำโทรศัพท์อยู่ ก็กำมันแน่นขึ้นไปอีก แม้แต่การเต้นของหัวใจ ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
“ฉันเอง”พงศกรพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
ปาจรีย์ฟังเสียงของเขา แม้ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่หัวใจของเธอ ก็หดตัวเกร็งอย่างน่าประหลาด สีหน้าก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
นี่มันอะไรกัน ?
ทำไมหัวใจเธอถึงได้เต้นรัวเร็วอย่างนี้ !
และยังความหวาดกลัวที่รุนแรงนี้อีกมันคืออะไร ?
ร่างกายของปาจรีย์อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเล็กน้อย เธออยากให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ แต่ก็ไม่สามารถทำมันได้ กลับรู้สึกกังวลและหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
ความเจ็บปวดและหวาดกลัว ก็พอทำเธอเดาได้ว่าคนปลายสายนั้นเป็นใคร พงศกร!