บทที่ 850 อนุภรรยา ‘หงซื่อ’

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 850 อนุภรรยา ‘หงซื่อ’

บทที่ 850 อนุภรรยา ‘หงซื่อ’

ครั้นเห็นท่าทางหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการของสาวใช้ผู้นั้น ดูเหมือนว่ามีเจ้านายแบบไหน สาวใช้ก็จะเป็นแบบนั้น

กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มแผ่วเบาด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “แม่นาง สิ่งที่เจ้าพูดนั้นไม่ถูกต้อง ข้าดูถูกคุณหนูของเจ้าตั้งแต่เมื่อใด สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น”

กู้เสี่ยวหวานเน้นไปที่คำว่า ‘ความจริง’ สองคำนี้

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์โกรธมากจนใบหูของนางแดงก่ำ

นอกจากนี้ ยังมีสาวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงจากการกลั้นความโกรธ นางมองไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ด้วยความหวาดกลัว แต่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลับมองนางด้วยแววตาดุร้าย

สาวใช้คนนั้นหดหัวลงด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

เห็นได้ชัดว่าจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เองก็คร้านที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับกู้เสี่ยวหวาน และเอ่ยปากเข้าประเด็น “พี่ใหญ่ฉินล่ะ ข้าต้องการพบพี่ใหญ่ฉิน”

“ต้องขออภัยด้วย เขาไม่อยู่ที่นี่” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างเย็นชา

แม้แต่ประตูของพี่เย่จือก็ไม่ได้เห็น

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เองก็ไม่หวาดกลัวความตายเช่นกัน และตะโกนขึ้น “ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ เขาต้องอยู่ที่นั่น เขาต้องอยู่ที่นั่น!” เด็กสาวเขย่งเท้าชะเง้อคอมองเข้าไปข้างในบ้าน

แต่เมื่อมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา และไม่เห็นใครออกมาจากที่นั่น

ใบหน้าเย่อหยิ่งกลายเป็นทุกข์ทันที “ข้าไม่ได้เจอพี่ใหญ่ฉินมาสามวันแล้ว ในที่สุดข้าก็รู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่นี่ เขาต้องอยู่ที่นี่สิ”

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ฉินเย่จือไปที่เมืองรุ่ยเสียนได้สามวันแล้ว

“เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ พวกเรากลับเข้าบ้านกันเถอะ” กู้เสี่ยวหวานมองนางอย่างเย็นชา จากนั้นก็หมุนกายเตรียมกลับเข้าไปในห้อง

ครั้นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะจากไป แล้วก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย “เดี๋ยวสิ เดี๋ยวก่อนสิ กู้เสี่ยวหวาน หยุดลงเดี๋ยวนี้นะ”

กู้เสี่ยวหวานหันศีรษะกลับมาอีกครั้ง และมองไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พลางถามขึ้นเสียงแผ่วเบา “เจ้ารู้จักชื่อของข้าหรือไม่”

“ข้าจะไม่รู้จักเจ้าได้อย่างไร เจ้าเป็นเพียงเด็กสาวจากหมู่บ้านชนบททั้งหยาบคายและโง่เขลา ถ้าเจ้ามีเหตุผลก็ให้พี่ใหญ่ฉินออกมาหาข้า แต่หากเจ้ายังทำตัวไร้เหตุผล ก็ควรรู้ว่าตระกูลจ้าวของข้าทรงพลังแค่ไหน” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กล่าวอย่างดุดัน

เมื่อเห็นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พยายามข่มขู่ตน กู้เสี่ยวหวานก็คลี่ยิ้มหวาน และไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจ “คุณหนูใหญ่จ้าว กลับดี ๆ ล่ะ ข้าขอไม่ส่งนะ”

จากนั้นก็ไม่สนใจจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ที่กระทืบเท้าด้วยความโกรธและหันหลังกลับเดินตรงออกไป ออกจากบ้าน และปิดประตูบ้านลง

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เมื่อเห็นประตูถูกปิดใส่หน้า ไม่เพียงแต่ไม่เจอฉินเย่จือ แต่ในทางกลับกัน คนอื่น ๆ ก็มองนางราวกับว่าพวกเขาล้อเล่น

นางทั้งโกรธและเป็นกังวล มือพลางบิดผ้าเช็ดหน้าอย่างโกรธเคืองราวกับมันคือกู้เสี่ยวหวาน อยากจะฉีกมันเป็นชิ้น ๆ

เสี่ยวอวี้กุลีกุจอปลอบใจทันที “คุณหนู เหตุใดเราถึงไม่ไปรอที่ร้านอาหารเจ้าคะ วันหนึ่งพี่ใหญ่ฉินอาจจะปราฏตัว”

เพี้ยะ!

ยังไม่ทันที่เสี่ยวอวี้จะเอ่ยจบประโยค ฝ่ามือหนักก็ฟาดลงบนใบหน้า ร่ายกายซวนเซจนแทบจะล้มลงกับพื้น

“เจ้าเป็นใคร มีสิทธ์อันใดมาเรียกพี่ใหญ่ฉินเหมือนกับข้า เจ้าก็แค่สาวรับใช้ต่ำต้อย พี่ใหญ่ฉินสามคำที่หลุดออกมาจากปาก มันเหมือนการดูถูกเขา”

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จ้องมองเสี่ยวอวี้อย่างดุดัน ดวงตามาดร้ายเสียจนเสี่ยวอวี้ตกใจกุมใบหน้าที่ถูกตบ และคุกเข่าลงทันทีโค้งคำนับไปทางซ้ายและขวา “คุณหนูอย่าโกรธข้าน้อยเลยเจ้าค่ะ ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยสมควรตาย”

เพี้ยะ!

เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังขึ้นอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานเองก็ได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน อาโม่จึงลอบออกจากสวนดู และหยุดมองอยู่ด้านหลังของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ไกล

ใบหน้าดุร้ายราวกับสัตว์ร้าย สาวใช้ตรงหน้าที่ถูกต้องหน้าใบหน้าแดงก่ำบวมเป่ง อัปลักษณ์ยิ่งนัก

ครั้นไม่เห็นผู้ใดออกมา จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธและขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก นางพุ่งเข้าใส่สาวใช้ตัวน้อยที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นทันที

เด็กสาวบิดเนื้อบนแขนและขาอันบอบบางของสาวใช้ และสาวใช้ต่ำต้อยผู้นั้นไม่แม้แต่จะปริปากส่งเสียงร้องออกมา แม้อยากจะร้องไห้มากแค่ไหนแต่ก็ทำได้เพียงอดทน และให้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ระบายอารมณ์ใส่ตนเองต่อไป

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กระทืบเท้าอย่างแรงอยู่หน้าประตูสวนกู้ สาปแช่งอย่างรุนแรงสองสามคำ จากนั้นหมุนกายเดินกลับขึ้นรถม้า เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนเดินออกไป เสี่ยวอวี้ก็ลุกขึ้นจากพื้นทันทีและเดินตามจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลับไป

ขณะที่รถม้าแล่นออกไปไกล ดูเหมือนว่าจะยังได้ยินน้ำเสียงข่มเหงของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินคำตอบของอาโม่ ครอบครัวตระกูลจ้าวนี่เลวร้ายจริง ๆ

ประการแรก ฮูหยินจ้าวให้แม่สื่อมาคุยเรื่องแต่งงานกับนาง จากนั้นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็มาหาฉินเย่จือ

ท่าทางไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย และท่าทางที่โหดร้ายเมื่อจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ปฏิบัติต่อสาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์คนนี้ไม่ใช่คนใจดี

เมื่อนึกถึงคำขู่ของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก่อนจากไป กู้เสี่ยวหวานก็อดไม่ได้ที่จะระแวดระวังมากขึ้น

จากนี้ไปตนเองจะต้องระวังตระกูลจ้าวมากขึ้น

หลังจากที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลับไปด้วยความโกรธ หงซื่อบังเอิญอยู่ที่บ้าน และเห็นจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลับมาด้วยท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยง หงซื่อจึงรีบถามนางทันว่าเป็นอะไร

หงซื่อมีรูปโฉมงดงามจริง ๆ นางอายุประมาณสามสิบห้าหรือสามสิบหกปี สวมเสื้อผ้าสีอ่อนที่ปักลวดลายงดงาม แม้ว่านางจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังมีเต็มไปด้วยงามที่น่าหลงใหลของหญิงสาว

ฮูหยินจ้าวผู้นั้นเทียบกับนางไม่ได้ด้วยซ้ำ

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติที่เด็กสาวอย่างตนจะไปหาชายหนุ่มที่บ้าน ดังนั้นนางจึงบอกหงซื่อถึงการกระทำของตน

ครั้นหงซื่อได้ยินสิ่งนี้ คิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันแน่น และเอ่ยตำหนิจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ “เจ้าเป็นสตรี จะไปหาผู้ชายที่บ้านได้อย่างไร”

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุข และคิดว่าหากบอกเรื่องนี้กับหงซื่อ นางจะออกความเห็นเข้าข้างตน แต่ไม่คาดคิดว่าจะกลับกลายเป็นเองถูกตำหนิ ใบหน้าของนางจึงกลายเป็นบูดบึ้งทันที “ท่านแม่ ท่านห้ามข้า แต่ตัวท่านทำได้งั้นหรือ?”

หงซื่อรู้ดีว่าลูกสาวของตนหมายความว่าอย่างไร ใบหน้าของนางแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย “อวิ๋นเอ๋อร์!”

“ท่านแม่ ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ไม่มีอะไรผิดที่จะไล่ตามคนที่ข้าชอบ ท่านไม่เห็นหรอกว่า พี่ใหญ่ฉินดูดีขนาดไหน ข้าเกิดมาก็หลายปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นชายใดหล่อเหลาเช่นเขามาก่อน”