บทที่ 852 มีคนถูกใจเสี่ยวหวานอีกแล้ว
บทที่ 852 มีคนถูกใจเสี่ยวหวานอีกแล้ว
ร่างกายของจ้าวสวิ่นค่อนข้างได้สัดส่วน รูปหน้าสี่เหลี่ยมและมีร่างกายกำยำเล็กน้อย หากแต่หน้าตาค่อนข้างธรรมดา
แต่เนื่องจากภูมิหลังระดับสูงของตระกูลจ้าว จ้าวสวิ่นจึงมีบรรยากาศรอบกายอันสูงส่งที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้
เพียงแวบเดียวหัวใจของหงซื่อเองก็แอบเห็นด้วย
หงซื่อพยายามอย่างเต็มที่ที่จะติดต่อกับจ้าวสวิ่น
และโชคก็เข้าข้างนางเช่นกัน
นางสวยและอ่อนโยน ซึ่งทุกอย่างขัดแย้งกับภรรยาของจ้าวสวิ่นทุกอย่าง
ฮูหยินจ้าวเป็นคนขี้ระแวงและมองโลกในแง่ร้าย จ้าวสวิ่นอาศัยอยู่กับคนแบบนี้ก็รู้สึกเหมือนติดอยู่ในคุก
จ้าวสวิ่นเป็นคนหยิ่งยโสมาก ตอนที่พ่อและแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ ตนเองไม่เคยถูกลงโทษเช่นนี้มาก่อน
ต่อมาเมื่อได้พบกับหงซื่อ จ้าวสวิ่นก็รู้สึกว่าความรักของเขามาถึงแล้ว
เพื่อทุ่มเทให้หงซื่อ จ้าวสวิ่นจึงหันหลังให้กับภรรยาของตนเอง และเอาอกเอาใจนางจนละเลยภรรยา
โชคดีที่พวกเขาอยู่ที่นี่โดยไม่เกิดสิ่งใดกับพวกเขา
ครั้นนึกถึงเรื่องราวในอดีค ใบหน้าของหงซื่อก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ
หากแต่นางยังสงสัยเกี่ยวคนแซ่ฉิน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนแซ่ฉินนี้ชื่ออะไร
นางทำได้เพียงแค่คิดในใจและเอ่ยถามลูกสาว “อวิ๋นเอ๋อร์ บอกข้ามาว่าพี่ใหญ่ฉินที่เจ้าพูดถึงมาจากครอบครัวใด”
“ครอบครัวของเขาย้ายจากหมูบ้านแห่งหนึ่ง และสร้างบ้านในแถบชานเมือง” บ้านของกู้เสี่ยวหวานสร้างได้ดี และนางยังมีที่ดินจำนวนมาก” หงซื่อเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากที่อื่นและยังได้ยินมาว่าเจ้าของบ้านเป็นเด็กหญิงอายุเพียงสิบเอ็ดขวบที่พ่อแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว โดยพึ่งเพียงกิจการตุ๊กตาจนทำให้มีกิจการขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้
ได้ยินมาว่าบ้านหลังนี้หลังใหญ่โอ่อ่า
เมื่อหงซื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของนางเปล่งประกาย “เขาคือคนของครอบครัวนั้นหรือ”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้า “ใช่แล้ว วันนี้ข้าไปดูมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อยู่บ้าน”
เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ก้มหน้าลงด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจ
เมื่อหงซื่อได้ยินว่าเขาเป็นสมาชิกของครอบครัวนั้นจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “มีบ้านหลังใหญ่และที่ดินมากมาย ครอบครัวนี้น่าจะไม่เลวเช่นกัน”
เมื่อได้ยินว่ามารดาของตนพอใจกับความมั่งคั่งของพี่ใหญ่ฉิน จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็ยิ้มอย่างมีชัย “ท่านแม่ ท่านอาจจะยังไม่รู้ ข้ายังได้ยินมาว่าตอนนี้พี่ใหญ่ฉินเป็นผู้ดูแลของร้านจิ่นฝูด้วยอิทธิพลของพ่อเขาในเมืองหลิวเจีย ในอนาคตร้านจิ่นฝูก็จะไม่เป็นของพี่ใหญ่ฉินหรือ”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์คิดแล้วก็ภาคภูมิใจ ร้านจิ่นฝูเป็นร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลิวเจีย ถ้าพี่ใหญ่ฉินกลายเป็นเถ้าแก่ของร้านจิ่นฝูจริง ๆ ในอนาคตนางก็จะกลายเป็นเถ้าแก่เนี้ย
นางจะได้รับความเคารพอย่างสูงจากครอบครัว และมีเงินมากมายให้จับจ่ายใช้สอย
เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูด ดวงตาของหงซื่อก็เบิกกว้าง “จริงหรือ?”
หากเป็นเช่นนี้แล้ว คาดว่าครอบครัวแซ่ฉินนี้ย่อมไม่ใช่คนร่ำรวยระดับธรรมดา
“ท่านแม่ ข้าจะโกหกท่านไปเพื่อสิ่งใด” เมื่อเห็นหงไม่เชื่อ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็กล่าว “ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าหลี่ฝานใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างคนทำบัญชีหญิง”
“ข้ารู้ เกรงว่าทุกคนในเมืองหลิวเจียเองก็จะรู้เรื่องนี้เช่นกัน และทุกคนรู้ว่ามีนักบัญชีหญิงคนหนึ่งในร้านจิ่นฝู”
จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์อยู่ในร้านจิ่นฝูเป็นเวลานานเพียงเพื่อดูฉินเย่จือ และไม่คิดใส่ใจเรื่องอื่น
นางคอยสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดของฉินเย่จือ
อย่างไรก็ตาม คนที่นางถามย่อมรู้เรื่องนี้เป็นธรรมดา และนางก็ได้ยินเพียงว่าฉินเย่จือเป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลกู้ และมาที่นี่เพื่อช่วยกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานพูดเรื่องนี้กับคนภายนอกอยู่เสมอ
นางถามทุกสิ่งรวมถึงเรื่องของกู้เสี่ยวหวานก็เช่นกัน
เมื่อได้ยินดังนั้น หงซื่อก็ถามอย่างมีความสุขว่า “ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่เลวเลย งดงามเลยทีเดียว” ก่อนที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูดจบ นางมองไปที่หงซื่อและพูดหยอกล้อ “ท่านแม่ ท่านไม่ได้ถูกใจผู้หญิงคนนั้นหรอกใช่หรือไม่”
“เจ้าเด็กโง่ เจ้ารู้อะไรหรือไม่ เด็กคนนั้นเป็นที่โปรดปราน” หงซื่อดูประหลาดใจและตื่นเต้นราวกับพบเจอหยกในกองหิน
“โปรดปรานอะไรหรือ นางไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่จะแต่งงานในอนาคตหรอกหรือ?” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม ราวกับไม่คิดว่าตนเองก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน
“เจ้าลูกคนนี้ เจ้ารู้อะไรหรือไม่ แม้ว่านางจะแต่งงานแล้ว แต่การที่นางมีทักษะที่ดีเช่นนี้ นางควรถูกพาตัวไปอยู่บ้านสามีของนาง นางมีเงินเดือนมากกว่าสิบตำลึงเงินจากร้านจิ่นฝู”
ถ้านี่คือคนที่เจี๋ยเอ๋อร์จะแต่งงานด้วยในอนาคต และเขาจะไม่มีวันอดตายโดยไม่ต้องทำอะไร
ไม่ต้องพูดถึงสาวน้อยคนนั้นมีทรัพย์สินในครอบครัวมากมายเพียงใด
หงซื่อได้วางแผนอย่างดีสำหรับลูกชายของนาง
เมื่อจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นก็ล้วนเป็นเหตุผลเดียวกัน ถ้าพี่สะใภ้ในอนาคตของนางสามารถทำเงินได้ มันเป็นการดีที่นางจะขอเงินได้เป็นครั้งเป็นคราว
ยิ่งไปกว่านั้น พี่ใหญ่ฉินยังเป็นพี่ชายของสาวน้อยคนนั้น
เมื่อพูดแบบนี้ ถ้าตนเองได้แต่งงานกับฉินเย่จือ ตัวเองก็จะกลายเป็นพี่สะใภ้ของนาง เช่นนั้นก็จะเป็นการได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะสนับสนุนหงซื่อ “ท่านแม่ รอช้าอันใดอยู่ เรื่องดีเช่นนี้ทำไมถึงไม่รีบไปหารือเรื่องการแต่งงานของพี่ชายล่ะ”
“เจ้าเด็กโง่ จะรีบร้อนไปไย รอพ่อของเจ้ากลับมาก่อน เรื่องนี้ยังต้องปรึกษากับเขา” หงซื่อตื่นเต้นและกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
“ท่านแม่ หากข้าคุยกับท่านพ่อ แล้วเขาไม่ตกลง ข้าควรทำเช่นไรดี อีกอย่างครอบครัวของเด็กหญิงคนนั้นไม่ได้มีภูมิหลังที่ดีนัก นางเป็นเพียงเด็กสาวจากหมู่บ้าน เกรงว่าท่านพ่ออาจจะคิดว่าสถานะครอบครัวของนางต่ำเกินไปและไม่เห็นด้วย” ตอนนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ต้องการให้พี่ชายของตัวเองแต่งงานกับกู้เสี่ยวหวานคนนั้น
“ย่อมใช่ อวิ๋นเอ๋อร์สิ่งที่เจ้าพูดมีเหตุผล” เป็นเรื่องยากที่หงซื่อจะได้ยินจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูดในสิ่งที่สมเหตุสมผล
“อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านพ่อไม่เห็นด้วย ก็ให้หญิงคนนั้นเป็นเพียงนางบำเรอ” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม
เมื่อนึกถึงใบหน้าเย็นชาของเด็กหญิงคนนั้นตอนที่นางได้พบกันครั้งแรก จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์โกรธเคืองเป็นอย่างมาก
หวังว่านางจะได้แต่งเข้ามาเป็นนางบำเรอ และตัวเองต้องแสดงความยินดีกับนาง
หงซื่อมีแผนของตัวเองอยู่ในใจ
เมื่อมองไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ และในใจก็มีแผนการ
หงซื่อรู้สึกตื่นเต้นมาก โดยคิดว่าหลังจากที่จ้าวสวิ่นกลับมา นางจะหารือเรื่องนี้กับจ้าวสวิ่นทันที