War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2195
ตอนที่ 2,195 : อาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬ!
ภูมิภาคตะวันตกวันนี้…ได้ปรากฏร่างแขกที่ไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งจากทางตะวันออกมาเยือน…
หลังล่วงล้ำเข้าสู่ภาคตะวันตกแล้ว แขกไม่ได้รับเชิญเหล่านี้ ก็มุ่งหน้าตรงดิ่งไปยังทิศทางหนึ่งโดยไม่คิดจะหันมองทางอื่น…
และทิศทางนั้น ก็คือทิศทางที่ตั้งของลัทธิบูชาไฟ!
กลุ่มนี้มีด้วยกันทั้งสิ้น 7 คน!
ในบรรดาพวกมันผู้ที่เหินร่างนำอยู่หน้าสุดก็คือชายชราที่แลดูแก่หง่อม แก่เสียจนราวกับเท้าข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าไปอยู่ในโลงแล้ว…!
ชายชราผู้นี้มาในชุดคลุมสีเทา เส้นผมขนคิ้วขาวโพลน และเหตุผลเดียวที่กล่าวว่าเสมือนเท้าข้างหนึ่งของมันก้าวเข้าไปอยู่ในโลงแล้วก็คือ…มันแลดูชราอย่างมาก! ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง ใบหน้าหรือมือ ไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ยังมีจุดฝ้าทั้งรอยด่างดำมากมาย!!
หากมันเป็นชายชราปกติล่ะก็ เกรงว่าคงไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังจะนอนหลับไหลไปไม่ยอมตื่นเพราะสิ้นสุดบั้นปลายของชีวิต…
อย่างไรก็ตามชายชราที่แลดูแก่หง่อมจนราวกับเท้าข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าไปอยู่ในโลงศพแล้วนั้น ยามมันเหินร่างข้ามฟ้าก็ช่างฉับไวประหนึ่งภูตผี!
แถมนอกจากสตรีในชุดสีม่วงกับชายหนุ่มในชุดสีขาวที่อยู่ด้านหลังมันแล้ว ก็ยังปรากฏร่างอีก 4 ร่างที่มันหอบหิ้วเดินทางไปด้วย!
แม้มันจะหอบหิ้วร่างทุกคน ทว่าความเร็วในการเหินข้ามฟ้าก็ยังน่าฉับไวจนเหลือเชื่อ!
รวดเร็วเกินไป!!
กลุ่ม 7 คนเหินร่างตัดฟ้าเข้าสู่ภูมิภาคตะวันตกมาอย่างผ่าเผย พวกมันมุ่งหน้าไปยังลัทธิบูชาไฟโดยตรง และไม่นานพวกมันก็บรรลุถึงด้านนอกเขตของลัทธิบูชาไฟ
เมื่อมาถึงด้านนอกเขตลัทธิบูชาไฟแล้ว ชายชราที่เหินร่างนำทั้งหมดก็หยุดลง
“ลัทธิบูชาไฟ!”
ขณะมองไปยังเขตลัทธิบูชาไฟเบื้องหน้า สองตาผู้ชราก็ทอประกายเยียบเย็นหนึ่งขึ้น หลังจากนั้นค่อยกล่าวออกมาเสียงเย็นห้วนๆว่า “หล่างเชียนจินแห่งลัทธิอารามทมิฬ พร้อมด้วยจ้าวลัทธิอารามทมิฬ พญามังกรเสื้อม่วง จ้าวพยัคฆ์ขาว และรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬอีก 2 คนมาขอคารวะทักทายผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียน สักครา!”
ถึงแม้ว่าเสียงของชายชราฟังดูจะไม่ได้ดังมากมายอะไร หากแต่คล้ายแฝงเร้นไปด้วยพลังวิเศษสามารถกวาดไปทั่วลัทธิบูชาไฟ!
เรียกว่าในลัทธิบูชาไฟไม่ว่าจะเป็นผู้ใด อยู่ในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ในพื้นที่ทำเหมือง เขตรอบๆดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอง ต่างได้ยินวาจาที่มันกล่าวชัดถ้อยชัดคำ!
“หล่างเชียนจิน…นามนี้ไฉนคุ้นหูข้านักนะ?”
ที่แท่นบูชานกไฟ ผู้อาวุโสหลายต่อหลายคนของแท่นบูชานกไฟได้แต่ขมวดคิ้วย่นเป็นปม ด้วยมันรู้สึกว่าเสมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง แต่ยังไม่อาจนึกได้ออก
“เจ้ายังจะไม่คุ้นหูได้รึไง เจ้าไม่ได้ยินคำพูดต่อมาขอมันรึ?! มันบอกว่าจ้าวลัทธิอารามทมิฬ รวมถึงพญามังกรเสื้อม่วง และจ้าวพยัคฆ์ขาวก็มาด้วย! การที่มันพูดชื่อตัวเองก่อนย่อมบอกให้รู้ว่าอำนาจของมันเหนือกว่าทั้ง 3 คนนั่น…แล้วคนที่มีอำนาจสูงกว่าทั้ง 3 คนนั่น ก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น!”
ขณะที่กล่าววาจาประโยคนี้ออกมา ลึกลงไปในแววตาของอาวุโสแท่นบูชานกไฟอีกคน ก็เผยให้เห็นความหวาดกลัวชัดเจน
“สวรรค์ช่วย…มันมาด้วยตัวเองเลยหรือ! อย่าบอกนะว่าที่มันพาคนมามากมายขนาดนี้เพราะคิดล้างแค้นให้ เซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของพวกมัน! ข้าเกรงว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนจะเจอปัญหาแล้วล่ะ…”
เสียงกล่าวของอาวุโสคนหนึ่งสั่นเครือ
“พวกเจ้าหมายความว่า…มันคืออาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬคนนั้นจริงๆหรือ?”
อาวุโสของแท่นบูชานกไฟคนแรกกสุดที่สงสัยฐานะผู้มา หลังฟังคำสหายก็พอตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
พอได้รับคำใบ้มันก็ย่อมจดจำได้ทันที ยังนึกออกได้ทั้งหมด “ข้าไม่อยากจะเชื่อ…หล่างเชียนจิน ยอดฝีมืออันดับ 2 ในรายนามยอดเซียน กระทั่งยังเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬจะมาเอง!”
คิดถึงจุดนี้อาวุโสของแท่นบูชานกไฟยังอดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี “แถมมันยังไม่ได้มาคนเดียว…ยังมีพญามังกรเสื้อม่วง จ้าวพยัคฆ์ขาว และจ้าวลัทธิอารามทมิฬมาด้วย…”
“หนึ่งเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน 2 เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน กับอีก 1 เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนชนชั้นสุดยอดฝีมือ…ลำพังแค่นี้ไม่ต้องกล่าวถึงผู้อื่น ก็นับเป็นกำลังรบสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬแล้ว! นี่ผู้ที่เข้มแข็งที่สุดของพวกมันมากันพร้อมหน้าเลยหรือ?!”
“ลัทธิอารามทมิฬ เดิมทียังมีเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอยู่อีก 2 คนก็คือมหาธรรมราชาอย่างจ้าวราชสีห์ขนทองกับจ้าวค้างคาวปีกเขียว…แต่ทั้งหมดก็อย่างที่ทราบกันว่าจ้าวค้างคาวปีกเขียวตายในกับดักปีศาจเมื่อ 3 ปีก่อน ส่วนจ้าวราชสีห์ขนทองก็ถูกผู้พิทักษ์หลิงเทียนฆ่า”
“แต่วันนี้พวกมันกลับระดมกำลังรบสูงสุดของพวกมันออกมาทั้งหมด…ข้าเกรงว่าที่ดีคงไม่มา ที่มาคงไม่ดี!!”
“พวกมันระดมกำลังรบสูงสุดของพวกมันมาเยือนลัทธิบูชาไฟเรา…ถึงแม้จะเป็นท่านจ้าวลัทธิ ข้ากลัวว่าคงยากจะปกป้องผู้พิทักษ์หลิงเทียนเอาไว้ได้ใช่หรือไม่?”
…
ในตอนนี้ ไม่ใช่แค่แท่นบูชานกไฟเท่านั้น แต่อีก 3 แท่นบูชาของลัทธิบูชาไฟ กระทั่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟเองก็สะท้านไปทันที เมื่อได้รับทราบการมาเยือนของคณะอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬ
หล่างเชียนจิน! อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน…
มันได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 2 ของแดนดิน! เป็นรองก็แต่เพียงเนี่ยอู๋เทียนอันดับ 1 ในรายนามยอดเซียนคนเดียวเท่านั้น!
ตัวตนเช่นนี้กลับมาเยือนลัทธิบูชาไฟด้วยตัวเองพร้อมนำขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของลัทธิอารามทมิฬมาด้วย เพื่อขอคารวะทักทายผู้พิทักษ์หลิงเทียน? ยังมีผู้ใดเชื่อได้ลงคอว่าพวกมันมาแค่คารวะทักทายคนจริงๆ?
“ท่านจ้าวลัทธิกับท่านผู้พิทักษ์ทั้งหลาย…คงไม่ปะทะแตกหักกับพวกมันหรอกนะ?”
“ด้วยพลังฝีมือของตัวตนอันทรงพลังเหล่านั้น หากปะทะกันขึ้นมาย่อมมิใช่เรื่องล้อเล่น! ไม่เพียงแต่พวกเราจะพลอยถูกลูกหลง กระทั่งทั่วทั้งลัทธิบูชาไฟ ไม่ 8 ก็ 9 ส่วนต้องถูกลูกหลงสาหัสแน่!!”
“ถูกแล้ว การต่อสู้ของตัวตนระดับนั้น พลังสะท้อนมิต่างอันใดกับคลื่นสมุทรอันสุดไพศาล ต่อให้พวกเราหลบหนีออกไปไกลห่างเพียงใด สุดท้ายก็ไม่พ้นปลาในบ่อ!”
“ตอนนี้ข้าเพียงหวัง…ว่าขออย่าให้ยอดฝีมือเหล่านี้สู้กันเลย…”
“การต่อสู้ย่อมมิใช่ไม่มีหนทางหลีกเลี่ยง…เว้นเสียแต่ท่านจ้าวลัทธิกับเหล่าผู้พิทักษ์ทั้งหลายจะเลือกส่งตัวผู้พิทักษ์หลิงเทียนให้พวกมันแต่โดยดี…ในเมื่อตัวอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬมาด้วยตัวเองแบบนี้ เห็นชัดว่าพวกมันได้ประกาศเจตนารมณ์ออกมาชัดเจนแล้ว”
“ทำอยางไรได้ ผู้พิทักษ์หลิงเทียนของพวกเราสังหารจ้าวราชสีห์ขนทองของพวกมันจริง แต่ตอนนั้นเพราะผู้พิทักษ์หลิงเทียนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกมันจึงไม่อาจสืบสาวเอาเรื่อง…ตอนนี้พอผู้พิทักษ์หลิงเทียนกลับมาลัทธิบูชาไฟ พวกมันย่อมไม่อาจนั่งเฉยอยู่ได้สืบไป! หาไม่แล้วผู้คนคงมองลัทธิอารามทมิฬของพวกมันว่ากลัวพวกเรา!!”
…
กลุ่มคนของลัทธิอารามทมิฬพึ่งมาถึงได้ไม่ทันไร เรียกว่ายังไม่ทันเข้าในเขตลัทธิบูชาไฟด้วยซ้ำ ลำพังแค่วาจาของอาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬ หล่างเชียนจิน ก็เสมือนทำให้ภายในลัทธิบูชาไฟวุ่นวายประหนึ่งบังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่!
จากเรื่องนี้สามารถเห็นได้ชัดเจน ถึงอำนาจขู่ขวัญจากชื่อเสียงของอาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬ!
“มาคารวะทักทายข้า?”
ทันทีที่เสียงของหล่างเชียนจินดังขึ้นไปทั่วลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียนผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงย่อมได้ยินด้วยเป็นธรรมดา
ทันใดนั้นสองตาเขาหดหยีลง ยังเผยประกายเยียบเย็นหนึ่ง
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน ท่านจ้าวลัทธิให้ข้ามาเรียกท่าน”
หลังจากนั้นไม่นาน ต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงสตรีนางหนึ่งเรียกหาจากด้านนอก
เสียงนี้ก็ไม่ใช่เสียงแปลกหูเขาแต่อย่างไร
เป็นเสียงของผู้พิทักษ์สตรีเพียงหนึ่งเดียวของลัทธิบูชาไฟ หงอวิ๋น
“ผู้พิทักษ์หงอวิ๋น”
แทบจะทันทีกับที่เสียงของหงอวิ๋นดังจบคำ ร่างต้วนหลิงเทียนก็เหินออกจากที่พักบนเกาะส่วนตัวหลังเดิมที่เขาเคยอาศัยในตอนที่ยังเป็นศิษย์ที่แท้จริง
ตอนนี้เมื่อเขาเป็นผู้พิทักษ์แล้ว แน่นอนว่าเขาต้องได้รับเกาะส่วนตัวสำหรับผู้พิทักษ์ ทว่ามันยังสร้างไม่เสร็จ!
สร้างเกาะให้ลอยกลางอากาศนั้นง่ายดายนัก แต่ที่ยากก็คือสร้างคฤหาสน์หลังเขื่องให้สวยงาม ทั้งสลักจารึกอาคมอำนวยความสะดวกอะไรทั้งหลายมากมาย ตอนนี้เหล่าศิษย์และอาวุโสในดินแดนศักดิ์สิทธิ์รวมถึงช่างมากฝีมือที่จ้างวานมาก็กำลังเร่งมือกันเต็มกำลัง
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน กลุ่มคนจากลัทธิอารามทมิฬมาเยือนครานี้เห็นทีจะไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่…เกรงว่าคราวนี้คงต้องยุ่งยากไม่น้อยแล้ว”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างออกมา หงอวิ๋น ก็กล่าวออกอย่างทอดถอนใจ
“ข้าก็ว่างั้นล่ะ…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเห็นด้วย
ยังไม่ชัดอีกรึ!?
กระทั่งอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬชนชั้นยอดฝีมืออันดับ 2 ในแดนดินมาด้วยตัวเอง ยังจะไม่ให้เรื่องมันไม่ยุ่งยากได้อย่างไร?
“แต่ท่านไม่ต้องกังวลหรอก…ท่านจ้าวลัทธิอย่างไรก็ทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว ท่านจ้าวมิจำเป็นต้องกริ่งเกรงหล่างเชียนจินอีกต่อไป!”
ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นกล่าวตอบ
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนจะเหินร่างขึ้นฟ้าไปพร้อมๆกับหงอวิ๋น เพื่อไปพบจ้าวลัทธิบูชาไฟ
เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึง ไม่เพียงแต่เขากับหงอวิ๋นเท่านั้น เขายังพบว่าตอนนี้ผู้พิทักษ์อีก 3 คนก็มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้พิทักษ์สื่อเฟิง ผู้พิทักษ์ชิงหั่ว และสุดท้ายก็เป็นผู้พิทักษ์เหลิ่งอิง
“ท่านจ้าวลัทธิ…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าทักทายถังซวน ค่อยหันไปมองผู้พิทักษ์ทั้ง 3 ที่มาถึงก่อนพลางพยักหน้าทักทายด้วยรอยยิ้ม
ทั้งหมดคุ้นชินกับทีท่าสบายๆแลดูเป็นกันเองแบบนี้ของต้วนหลิงเทียนแต่แรกแล้วจึงไม่แปลกใจอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของลัทธิบูชาไฟ ย่อมไม่ใช่เวลาที่ใครจะมาเจ้ายศเจ้าอย่าง!
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน..”
จ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างตรงไปตรงมา “ข้ากับผู้พิทักษ์ทั้ง 4 คิดจะไปเผชิญหน้ากับกลุ่มคนลัทธิอารามทมิฬโดยตรง…แต่ข้าไม่แน่ใจว่าท่านอยากไปด้วยหรือไม่ ข้าล้วนเคารพการตัดสินใจของท่าน”
“ทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ จะให้ข้าหนีได้ยังไง?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพร้อมยักไหล่
ได้ยินวาจาทั้งแลเห็นท่าทีไม่อีนังขังขอบของต้วนหลิงเทียน ผู้พิทักษ์สื่อเฟิง ชิงหั่ว หงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาชื่นชม
กระทั่งผู้พิทักษ์เหลิ่งอิงที่ไม่ค่อยจะญาติดีกับต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่ แววตายังลดทอนความแข็งกร้าวลงหลายส่วน
การเลือกของต้วนหลิงเทียนทำให้พวกมันชื่นชม
“ประเสริฐ! เช่นนั้นพวกเราก็ไปเผชิญหน้ากับพวกมัน!!”
ได้รับคำตอบของต้วนหลิงเทียน ลูกตาถังซวนก็กระพริบวาบด้วยประกายดุร้ายเยียบเย็น จากนั้นมันก็เหินร่างนำทุกคนทะยานข้ามฟ้า มุ่งหน้าไปยังจุดที่กลุ่มของลัทธิอารามทมิฬเฝ้ารออยู่ทันที!
หากเรื่องราววันนี้มันไม่อาจจัดการให้เหมาะสม ไม่เพียงแต่มันจะเสียหน้าในฐานะจ้าวลัทิบูชาไฟ กระทั่งทั้งลัทธิบูชาไฟยังต้องเสียหน้าผู้คนทั้งแดนดิน!
“ไป!”
เมื่อเห็นถังซวนทะยานนำหน้าไปอย่างดุร้าย ทุกคนที่เหลือไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็ทะยานร่างตามไปติดๆ
ในขณะที่กลุ่มต้วนหลิงเทียนทั้ง 6 คนกำลังเหินร่างข้ามฟ้าไปหมายเผชิญหน้ากับแขกไม่ได้รับเชิญอย่างคนของลัทธิอารามทมิฬนั้น…
ในลัทธิบูชาไฟ ก็ยังมีบางคนที่กลัวโลกหล้ายังวุ่นวายไม่พอ “ข้าหวังว่าลัทธิอารามทมิฬจะดุร้ายเอาเรื่องให้มากสักหน่อย ให้พวกมันฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งไปเลยได้ยิ่งดี!!”
“นับเป็นข่าวอันประเสริฐนัก…ในเมื่ออาวุโสสูงสุดอย่างหล่างเชียนจินมาด้วยตัวเอง คราวนี้พวกลัทธิอารามทมิฬไม่มีวันยอมเลิกราแน่หากไม่บรรลุเป้าหมาย! ผู้พิทักษ์หลิงเทียนหรือ ข้ากลัวว่าหลังจากนี้เจ้าจะเป็นคนตาย!!”
“ตัวบัดซบต้วนหลิงเทียน ขอให้เจ้ารีบลงนรกไปเสีย!!”
…
ในบรรดาผู้ที่กลัวโลกจะวุ่นวายไม่พอ ทั้งกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ประสบเหตุร้าย ก็ย่อมไม่ขาดปู้หงกับศิษย์น้องของมันอย่างเวินเยี่ยน
ส่วนคนที่เหลือก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เคยมีเรื่องกับต้วนหลิงเทียนมาก่อนทั้งสิ้น กระทั่งเป็นสหายหรือญาติกับคนที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่า พวกมันย่อมปรารถนาให้ต้วนหลิงเทียนถูกฆ่าตาย!!