ตอนที่ 227-2 อุ่นไอรักกลางท้องทะเล

ข้างใต้ดาดฟ้าเรือมีห้องเล็กๆ แคบๆ อยู่หลายห้อง แต่ละห้องพอวางเตียงเล็กๆ หลังหนึ่งได้พอดี เฉียวเวยกับจีหมิงซิวห้องหนึ่ง เซวียหรงหรงคนเดียวห้องหนึ่ง ส่วนไซน่าอิงไม่มีห้อง เขาขึ้นไปยืนอยู่บนดาดฟ้า คอยชี้บอกทางให้คนเรือ

อี้เชียนอินเดินอาดๆ ตามเขาไปเรื่อยๆ

จีอู๋ซวงเดิมทีอยู่ห้องเดียวกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ย แต่เยี่ยนเฟยเจวี๋ยที่เป็นถึงยอดฝีมือแห่งยุทธภพกลับเมาเรือ จึงอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง จีอู๋ซวงคลื่นไส้แทบทนไม่ไหว จึงเดินขึ้นไปรับลมบนดาดฟ้าเรือเสียเลย!

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยแทบจะอาเจียนเอาน้ำดีออกมาอยู่แล้ว ในขณะที่เขากำลังวิงเวียนอยู่นั้น คล้ายมีมืออันอ่อนนุ่มข้างหนึ่งแตะลงบนหน้าผากเขา เขาพยายามลืมตา จึงได้เห็นใบหน้าน้อยๆ อันแสนอ่อนหวานของเซวียหรงหรง

เซวียหรงหรงเอ่ยเสียงเบาว่า “ฮูหยินให้ข้ามาป้อนยาเจ้า”

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่พร่ามัว

เซวียหรงหรงตักยาขึ้นมาช้อนหนึ่ง เป่าเบาๆ แล้วป้อนให้เยี่ยนเฟยเจวี๋ย “ดื่มลงไปสิ”

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยอ้าปาก ยาที่ขมราวกับน้ำดีไหลเข้ามาในปาก แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความขม ในทางกลับกันยังรู้สึกหวานลิ้นอยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ

ในห้องด้านข้าง จีหมิงซิวนั่งเงียบๆ อยู่บนเตียง เฉียวเวยนั่งอยู่ข้างเขา นางเหลือบมองทีหนึ่งเห็นอีกฝ่ายอ่านหนังสืออยู่ ตาจึงเป็นประกาย เอามือกดตรงขมับพลางบอกว่า “ให้ตายสิ ข้ามึนหัว”

พูดจบก็ตัวโงนเงนไปทางเขา

จีหมิงซิวเบี่ยงตัวหลบ เฉียวเวยพิงได้แต่ความว่างเปล่า นางมองอีกฝ่ายอย่างโปรยเสน่ห์แล้วเอ่ยเสียงอ้อนว่า “นายน้อย อย่าไม่เห็นใจกันเช่นนี้สิ คนเขาไม่เคยออกทะเลมาก่อน คลื่นลมตั้งแรงเพียงนี้ ข้ากลัวจริงๆ นะ”

จีหมิงซิวเอ่ยเสียงเย็นว่า “เฟิ่งชิงเกอเจ้าพอได้แล้วนะ!”

เฉียวเวยดึงคอเสื้อให้ต่ำลง “นายน้อย มาสิ ไม่มีใครรู้หรอก ท่านไม่พูดข้าไม่พูด ใครจะรู้ว่าพวกเราทำอะไรกัน ท่านไม่ไว้ใจปากข้าหรือ ข้าไม่มีทางแพร่งพรายให้ฮูหยินน้อยรู้เป็นอันขาด”

จีหมิงซิวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ห้องอี้เชียนอิน

เฉียวเวยทิ้งตัวลงบนเตียง แล้วทุบเตียงพลางหัวเราะเสียงลั่น

ตกกลางคืน หัวหน้าคนเรือเป็นกังวลว่าพายุใกล้จะมาถึง ประกายสีแดงตรงขอบฟ้าพลันมีเมฆดำเคลื่อนมาปกคลุม คล้ายมีมือหนึ่งดึงม่านสีดำลงมากะทันหัน ทั่วทุกทิศมีแต่ความมืดมัว ไม่นานก็เริ่มมีฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดให้เห็น

คลื่นลมรุนแรงเช่นนี้ หากกางใบเรือหลัก เสากระโดงจะต้องหักแน่ คนเรือเลยรีบสั่งให้ลูกน้องหุบใบเรือลง สองมือเกาะขอบเรือไว้แน่น พยายามใช้หัวเรือรับคลื่นลมนี้ ไม่อย่างนั้นหากคลื่นใหญ่ขนาดนี้ซัดมาจากด้านข้าง ก็เป็นไปได้มากที่จะซัดเรือให้พลิกคว่ำได้

แต่คลื่นลมในเวลานี้ก็ลูกใหญ่และรุนแรงเกินไปจนหมุนหางเสือไม่ได้ ไซน่าอิงผลักคนที่คุมอยู่ออกไปแล้วใช้กำลังภายในหันหางเสือกลับมา คลื่นลูกหนึ่งซัดเข้ามาจากข้างหน้า น้ำทะเลเค็มๆ สาดเข้าเต็มหน้าเขา

หัวหน้าคนเรือถูกคลื่นซัดจนล้มอยู่บนดาดฟ้า

เฉียวเวยกับจีหมิงซิวออกมาจากห้องของตนเอง พอเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าก็เจอปลายคลื่นซัดกระเด็นเข้าหน้าพอดี จีหมิงซิวใช้แขนเสื้อบังเอาไว้ให้ตนและเฉียวเวย

คลื่นลูกนี้ทำเขาเปียกไปครึ่งตัว เขาสะบัดแขนเสื้อ มองไปทางลูกคลื่นที่ดูจะยิ่งโหมกระหน่ำหนักขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าจึงดูไม่สู้ดีนัก

เวลานี้เฉียวเวยนึกอยากจะเรียกเจ้าไซน่าอิงนั่นมาซัดให้หมอบสักยก อะไรที่เรียกว่าไม่ฟังคำผู้ใหญ่ ผลเสียเห็นได้ในทันตาก็คือเช่นนี้แล!

เฉียวเวยมองท้องทะเลที่มีทั้งคลื่นลมและสายฟ้าฟาดด้วยสีหน้าซับซ้อน เขาคว้าตัวคนเรือคนหนึ่งที่ถูกคลื่นซัดกระเด็นเอาไว้ “บนเรือพวกเจ้ายังมีใบเรือที่เตรียมเผื่อไว้หรือไม่”

คนเรือพยักหน้า “มีขอรับมีขอรับ!”

“มีกี่อัน” จีหมิงซิวถาม

คนเรือเลิ่กลั่กตอบว่า “สาม สามอันหรือว่าสองอันแล้วนะ”

เฉียวเวยทำสีหน้าจริงจัง “ไปหามาให้หมด”

“หา?” คนเรือตกใจ

เฉียวเวยตบตรงข้างหูอีกฝ่าย “ให้เจ้าไปหาก็ไปหา! ยืนบื้ออยู่ไย อยากตายหรือ!”

คนเรือรีบไปด้วยความหวาดกลัว เขาออกทะเลมาหลายปีไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอพายุมาก่อน แต่ไม่เคยรุนแรงและรวดเร็วเท่าครั้งนี้ เมื่อครู่ที่ถูกคลื่นซัด หากไม่ได้คุณชายท่านนั้นคว้าตัวเอาไว้ เขาคงถูกซัดตกทะเลไปแล้ว

จีหมิงซิวมองเฉียวเวยด้วยสายตาซับซ้อน สีหน้าเผยให้เห็นแววครุ่นคิด

คนเรือไปเรียกเพื่อนมา เอาใบเรือที่เตรียมไว้ยกออกมาให้ “นี่ขอรับ มีอยู่อันเดียว!”

เฉียวเวยยกมือสัมผัสทิศทางลม “อี้เชียนอิน เจ้ามานี่”

อี้เชียนอินรีบเดินเข้ามา “เฟิ่งชิงเกอ นายน้อย พวกท่านออกมาทำอะไร”

เฉียวเวยไม่ตอบคำถามเขา แต่บอกว่า “กางใบเรือออก”

อี้เชียนอินสะบัดมือกางใบเรือ เฉียวเวยทำท่าบอกว่า “สองส่วนนี้ ตัดออก”

“อ้อ” อี้เชียนอินชักกระบี่ออกมา แล้วตัดใบเรือที่เป็นสี่เหลี่ยมจนเหลือเป็นรูปสามเหลี่ยม

เฉียวเวยชี้ไปทางเสากระโดง “เอาขึ้นไปแขวน ตรงมุมข้าจัดการเอง”

คลื่นลูกใหญ่ขนาดนี้ ควรจะเก็บใบเรือถึงจะถูก เหตุใดนางถึงให้ยกใบเรือขึ้นอีก อี้เชียนอินมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาดก่อนจะหันไปหาจีหมิงซิว จีหมิงซิวพยักหน้า อี้เชียนอินเลยหอบเอาใบเรือสามเหลี่ยมไป

อี้เชียนอินมีกำลังภายในเป็นเลิศ ดึงใบเรือสีขาวไว้แล้วเอาแขวนเข้ากับเสากระโดง

หัวหน้าคนเรือตกใจจนหน้าถอดสี “เจ้าจะทำอะไร ลงมาเดี๋ยวนี้นะ! เล่นพิเรนทร์อะไร! ในเวลาเช่นนี้เหตุใดถึงยกใบเรือขึ้น รีบเก็บเดี๋ยวนี้นะ!”

เฉียวเวยจับมุมด้านข้างไว้ ดึงใบเรือสีขาวจนโค้งเต็มที่แล้วใช้ตะปูเหล็กยึดเอาไว้อย่างแน่นหนา

ชั่วขณะนั้น เหตุการณ์ประหลาดพลันเกิดขึ้น ตัวเรือที่เดิมทีถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดจนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ เวลานี้ถึงกับเริ่มกินลมและเคลื่อนตัวต่อไปได้!

ทุกคนพากันตกใจใหญ่ แต่ละคนได้แต่อ้าปากกว้าง

อี้เชียนอินกระโดดกลับลงมาอยู่ข้างๆ จีหมิงซิว เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ก็ตกใจจนพูดติดอ่าง “เฟิ่งๆๆๆๆ… เฟิ่งชิงเกอเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

จีหมิงซิวมองคนร่างเล็กที่ไม่หวาดหวั่นแม้ในสถานการณ์คับขัน เขาหรี่ตาลงอย่างอันตราย “เฟิ่งชิงเกอ? หึ”