War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2198
ตอนที่ 2,198 : การปะทะกันของยอดฝีมือระดับแนวหน้า

กระทั่งผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟ จังหวะนี้ยังถึงกับต้องมองถังซวนอีกกครั้งด้วยสายตาแปลกออกไป!

เพราะพวกมันเองก็รู้สึกว่าท่าทีครั้งนี้ของจ้าวลัทธิของพวกมันผิดปกตินัก!

“เป็นเพราะพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนหรือไม่…ที่ทำให้ท่านจ้าวลัทธิไม่คิดจะละทิ้งมัน?”

จังหวะนี้พวกมันอดไม่ได้ที่จะคิดกันไปทำนองดังกล่าว

เพราะสุดท้ายแล้วหากตัดสินจากความสำเร็จของต้วนหลิงเทียน แม้กระทั่งมองผ่านไปตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็เป็นหนึ่งไม่มีสอง…

อย่างไรก็ตามพอฉุกคิดอีกครั้ง พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะปัดความคิดดังกล่าวให้ตกไป…

เพราะถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ แต่ในสายตาของพวกมันมองว่าสมควรเกี่ยวข้องกับ ‘สิ่ง’ ที่ถูกทิ้งไว้ของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้งสิ้น!

พวกมันคาดเดาว่า…

ระนาบเทียมแห่งนั้น…ไม่เชิงเป็นกับดักเสียทีเดียว! แต่ผู้คนส่วนใหญ่เพียงตกตายในนั้นมากกว่า!!

และมีเพียงผู้ที่โชคดีเท่านั้นที่สามารถรอดชีวิตอยู่ในกับดักนั่นได้ และได้รับวาสนาทั้งหมดในระนาบเทียมแห่งนั้น

ในสายตาของพวกมัน…

ความสำเร็จในวันนี้ของต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าก็จริงที่เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ส่วนตัวอยู่บ้าง แต่ความดีความชอบทั้งหมดสมควรยกให้ ‘คลังสมบัติ’ ที่เหลือทิ้งไว้ด้วยน้ำมือของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะมากกว่า!!

บางทีพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้อาจจะทัดเทียมกับเซียนสววรรค์ 8 เปลี่ยนจริง…

แต่หากจะก้าวหน้าไปให้ไกลกว่านี้อาจจะเป็นเรื่องยาก!

เพราะสุดท้ายแล้วพรสววรรค์ส่วนตัวของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ท้าทายสวรรค์อะไรขนาดนั้น!

เรื่องนี้สามารถเห็นได้ชัดจาก พรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินที่ต้วนหลิงเทียนเคยเปิดเผยออกมาเมื่อหลายปีก่อน

และในขณะที่เหล่า 4 ผู้พิทักษ์กำลังคิดทบทวนว่าไฉนจ้าวลัทธิของพวกมันถึงมีทีท่าแบบนี้นั้นเอง…

ปงงงง!!

ทันใดนั้นบังเกิดเสียงสนั่นลั่นดังไปทั่ว ปานจะสะท้านสะเทือนไปทั้งโลกหล้า!!

ครู่ต่อมาคลื่นอากาศอันรุนแรงเปี่ยมพลังสะท้อนสุดไพศาลก็ซัดกระแทกออกมาจากจุดที่ หล่างเชียนจิน อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬเคยลอยอยู่!!

เป็นคลื่นกระแทกอันน่าพรั่นพรึง! กวาดกำจายออกไปรอบทิศ! มองไกลๆยังคล้ายมีดอกเห็ดผุดขึ้น!!

ทันใดนั้นทุกคนยกเว้นหล่างเชียนจินและจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถึงกับถูกระเบิดซัดออกมา!

แม้แต่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนไม่กี่คน ก็ยังถูกคลื่นพลังโดยมีจุดที่หล่างเชียนจินเคยอยู่เป็นจุดศูนย์กลางซัดจนปลิวกระเด็นออกมา! เพราะพวกมันไม่ได้เตรียมตัวรับแต่แรก…สภาพทุลักทุเลกันไม่น้อย!!

คนอื่นๆยิ่งสภาพย่ำแย่ไปกันใหญ่!

กลับกัน ด้านต้วนหลิงเทียนที่ได้ผู้เฒ่าหั่วกล่าวเตือนเอาไว้แต่แรก ได้ใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกินทันท่วงที ทำให้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดทั่วร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และเขายังร่ายปราการเต่าทมิฬออกมาป้องกันไว้อีกชั้น!

เรียกว่าถึงแม้สุดท้ายแล้วเขายังถูกคลื่นกระแทกดังกล่าวซัดจนปลิวกระเด็นไปเหมือนกัน แต่สภาพก็ไม่ได้แลดูสะบักสะบอมอะไรเหมือนเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนไม่กี่คนในที่นี้

‘แพะเฒ่านั่นมันหัวร้อนจนทนไม่ไหวแล้วงั้นเหรอ…’

ต้วนหลิงเทียนที่กระเด็นปลิวออกไป เมื่อหยุดร่างลงกลางหาวแล้วก็คิดไปอย่างหวั่นใจ

เขาบอกได้คำเดียว

ว่าหล่างเชียนจินนั่นสมควรเดือดจนทนไม่ไหวแล้วแน่นอน ถึงได้บันดาลโทสะลงมือแบบนี้

“ถังซวน ในเมื่อเจ้าอยากรบ เช่นนั้นข้าก็จะรบ!!”

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดถึงเรื่องนี้ หล่างเชียนจินก็อันตรธานร่างหายไป เป็นความเคลื่อนไหวอันรวดเร็วเหนือกกว่าที่เขาจะมองตามได้ทัน!

ปงงงงง!!

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตั้งตัวอะไร เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นออกมาอีกครั้ง เดาได้ไม่ยากว่าสมควรเป็นถังซวนที่ปะทุพลังลงมือตอบโต้แล้ววแน่นอน!!

สิ้นเสียงดังปานระเบิดภูเขาสนั่นขึ้นอีกครา! คลื่นพลังอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลปะทุขึ้นกลางหาว!!

มองไปคล้ายดอกเห็ดเบ่งบานขึ้นอีกดอก เมฆพัดปลิวหายวุ่นวาย อากาศเหนือฟ้ากลับกลายวิปริตแปรปรวน!

และพร้อมกันกับที่เมฆปานดอกเห็ดปรากฏขึ้น คลื่นกระแทกอันน่าพรั่นพรึงที่คราวนี้สมควรเกิดจากการปะทุพลังของถังซวนก็กวาดทำลายออกมาเช่นกัน!!

คราวนี้ต่อให้ผู้คนทั้งหมดในที่นี้รวมถึงต้วนหลิงเทียนนจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกตกใจนัก!

ยิ่งรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬทั้ง 2 ที่พลังฝึกปรือเพียงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน แม้จะเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว แต่ยังอดไม่ได้ที่จะกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ หลังถูกคลื่นกระแทกดังกล่าวซัดจนปลิวละลิ่วไปไกลลิบกว่าใครเขา…

เห็นได้ชัดว่าพวกมันได้รับบาดเจ็บจากคลื่นกระแทก! ยังบาดเจ็บไม่น้อย!!

พลังของคลื่นกกระแทกระรอกนี้ รุนแรงกว่าก่อนหน้าเล็กน้อย!!

และคลื่นกระแทกที่กวาดสะท้านออกไปทุกทิศทางนั่น ทำให้แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุดก็ไม่ต่างใดจากปลาในบ่อ พลอยได้รับเคราะห์ไปด้วย!!

คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวสองขุม แม้จะกวาดถล่มลงมาจากฟากฟ้าไกลห่างจนพลังทำลายส่วนใหญ่ลดทอนไปกับระยะทาง แต่อาศัยพลังที่เหลือก็ยังทำร้ายเหล่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยจนตกตายไปไม่น้อย!!

กล่าวได้ว่าเหล่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว ไม่มีใครสามารถต้านทานพลังอำนาจดังกล่าวได้เลย!

กระทั่งเหล่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่พลังฝึกปรือค่อนข้างสูง แม้พวกมันจะโชคดีที่รอดมาได้แต่ก็ถูกซัดจนเปลี้ย! แต่ละคนกระอักโลหิตคำโตออกมาไม่ขาดสภาพย่ำแย่นัก!

เรียกว่าในเวลาชั่ววพริบตา แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวก็เสมือนตกลงสู่ขุมนรก!

“คลื่นพลังสองขุมนี่มัน…ท่านจ้าวลัทธิกับอาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬปะทะกันแล้ว!?”

“ย่ำแย่นัก! พลังสะท้อนจากการประมือของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนช่างรุนแรงเหลือเกิน! แค่คลื่นพลังระลอกแรกก็คร่าชีวิตเหล่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเราไปกว่าครึ่ง…น่ากลัวอะไรจะขนาดนี้!!”

ทุกทั่วหัวระแหงของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อาวุโสหลายคนกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ ทั้งหมดเป็นกังวลนัก ยังรีบเร่งอพยพเหล่าศิษย์เป็นการด่วน!

สำหรับสถานที่อื่นๆของลัทธิบูชาไฟ ตอนนี้พวกมันก็รู้แล้ววว่าจ้าวลัทธิของพวกมันสมควรปะทะกับอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬ หล่างเชียนจิน!

“ต้วนหลิงเทียนนั่นมันมีดีอันใดกัน ไฉนท่านจ้าววลัทธิถึงยอมออกตัวปกป้องมันขนาดนี้!?”

หลังได้รับทราบว่าถังซวนลงมือแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวินเยี่ยนหรือปู้หงก็ชักสีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก

ในความคิดของพวกมัน

ไม่ว่าจะเป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกมันอย่างถังซวน หรืออาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬอย่างหล่างเชียนจิน ล้วนแล้วแต่เป็นตัววตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของแดนดิน!

ตัวตนเช่นนี้ย่อมไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาเลย…

เพราะสุดท้ายแล้วหากตัวตนระดับนี้ลงมือสู้กัน ก็คงยากที่ใครจะออมรั้งยั้งมือ สมควรมีหนึ่งคนต้องตายจากการปะทะ!

ผู้คนเราย่อมหวงแหนชีวิตตัวเอง

และในบรรดาผู้คน เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน สมควรหวงแหนชีวิตตัวเองกว่าใคร!

เพราะเปลี่ยนที่ 9 ของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้นเรียกว่า เปลี่ยนสู่สวรรค์หรือเปลี่ยนสู่เซียนอมตะ! หมายความว่าหากสามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ผ่านพ้นการเปลี่ยนแปลงสุดท้าย ก็จะได้ขึ้นสู่ระนาบเทวโลกในฐานะเซียนอมตะ!!

หากต้องมาพลาดพลั้งตกตายไปตอนนี้ ย่อมหมายความว่าหมดสิ้นโอกาสเยื้องย่างขึ้นสู่แดนสวรรค์ในตำนาน ไม่ว่าใครก็ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!!

เช่นนั้นปกติแล้วย่อมไม่มีเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคนไหนยินดีสู้กันเอง เว้นเสียแต่จะเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้แล้วจริงๆ!!

ด้วยเหตุนี้ปู้หงกับเวินเยี่ยนจึงไม่อาจเข้าใจได้ ว่าไฉนถังซวนถึงเลือกลงมือแตกหักกับหล่างเชียนจินเพียงเพื่อปกป้องต้วนหลิงเทียน! ขณะเดียวกันพวกมันยังไม่อยากยอมรับนัก จึงได้แต่สบถออกมาทำนองว่า “ต้วนหลิงเทียนมีดีอะไร ถึงทำให้ถังซวนทำถึงขนาดนี้!!”

“ท่านจ้าวลัทธิลงมือแล้ว!?”

“เช่นนั้นหมายความว่าคราวเคราะห์ครั้งนี้ของน้องหลิงเทียนสมควรผ่านพ้นไปได้…”

พี่น้องสกุลหลิวไม่ว่าจะหลิวมู่หรือหลิวอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะพวกมันย่อมตระหนักได้ว่าแรงระเบิดของพลังมหาศาลนั่น คือสัญญาณการลงมือของถังซวน!

เรียกว่าชั่วพริบตานี้ ทั่วทั้งลัทธิบูชาไฟก็ใจสะท้านไปเพราะการกระทำของถังซวนทั้งสิ้น!

ด้านนอกลัทธิบูชาไฟ

ทันทีที่คลื่นพลังกระแทกซัดกวาดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดถึงขั้นเข่นฆ่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวไปแล้วกว่าครึ่ง ถังซวนก็คล้ายตระหนักได้สำนึกเทวะอันเลิศล้ำว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องราวใด! หน้ามันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ก่อนที่จะวูบร่างหายไปเหลือแต่เงาติดตา!

หลังจากที่เงาติดตาของถังซวนเลือนหาย ภายใต้สายตาของต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ร่างถังซวนก็คล้ายจะสาบสูญไปเลย!

ซัววว!!

ร่างอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬหล่างเชียนจินเองก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนเช่นกัน

‘จ้าวลัทธิจงใจล่อหล่างเชียนจินไปจากที่นี่…’

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เห็นสิ่งนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจเจตนาถังซวนทันที

ปงงงงง!!

และต้วนหลิงเทียนยังคิดไม่ทันจบดี เสียงสนั่นก็ลั่นดังให้เขาได้ยินอีกครั้ง

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นได้ชัดถนัดตา

ปรากฏแรงระเบิดจนมวลอากาศคล้ายดอกเห็ดเบ่งบานขึ้นไกลตาห่างออกไปหลายลี้ ราวกับอยู่ๆก็มีบางสิ่งระเบิดออก!

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนยังเห็นแรงระเบิดอุบัติขึ้นอีกจุด! เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นถังซวนกับหล่างเชียนจินที่ย้ายไปปะทะกันบริเวณนั้น!!

‘อะไรกัน!? แค่พริบตา พวกมันก็ไปกันไกลขนาดนั้นแล้ว?’

ครู่ต่อมาคลื่นกระแทกจากดอกเห็ดทั้ง 2 ก็กวาดมาถึง!

พลังสะท้อนอันน่าพรั่นพรึงเริ่มเคี่ยวกรำต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆอีกครั้ง!!

แน่นอนว่าพลังสะท้อนทั้งคลื่นกระแทกคราวนี้อ่อนด้อยลงกว่าก่อนหน้ามาก เหตุเพราะระยะห่าง!

กระทั่งรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬ 2 คนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดในที่นี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร

อนิจจาเหล่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวหลายคนยังคงล้มลงอีกครั้ง!

หากแต่จำนวนผู้ที่ถึงกับตกตายคาที่ลดกว่าเดิมมากและที่ตายก็เป็นศิษย์ที่รอดมาด้วยสภาพสาหัสในรอบแรกทั้งสิ้น…

แต่จะอย่างไรก็ตามเมื่อคลื่นพลังอันน่ากลัว 2 ระลอกนี้กวาดซัดมา ก็ทำให้ศิษย์และเหล่าอาวุโสทั้งหลายในแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวทั้งหมดหวาดกลัวจับใจ…ผู้ที่รอดตายก็ขวัญหนีดีฝ่อกันหมด ผู้ที่ทนไม่ไหวจนตกตายก็ได้แต่นอนตายตาไม่หลับ แววตาสุดท้ายฉายชัดถึงความไม่ยินยอม…

พวกมันหลายคนล้วนมีความฝัน…แต่ความฝันทั้งหมดทั้งมวลล้วนต้องมลายเพราะ ‘ลูกหลง’ ไหนเลยจะมีใครยินยอมพร้อมใจทานรับได้…

นอกเขตลัทธิบูชาไฟ

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

เมื่อเห็นถังซวนและหล่างเชียนจินพลางสู้พลางห่างออกจากลัทธิบูชาไฟ ผู้พิทักษ์ทั้ง 5 รวมถึงต้วนหลิงเทียนก็เร่งรุดเหินตามไปเป็นธรรมดา

อย่างไรก็ตามหลังจากพยายามติดตามอยู่พักหนึ่ง แต่เสียงการต่อสู้ก็ยิ่งไกลห่างออกไป มันเบาลงทุกที…

นี่เผยให้รู้ชัดว่ายิ่งสู้ถังซวนกับหล่างเชียนจินก็ยิ่งห่างไปจากพวกเขาทุกขณะ…

สุดท้ายก็ไม่อาจได้ยินอะไรเลย กระทั่งไม่อาจแลเห็นดอกเห็ดจากการระเบิดของพลังอันใดได้อีก

ทั้งหมดคลาดกันแล้ว…

“ให้ตาย…นี่น่ะเหรอ ความเร็วของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน”

หลังคลาดกัน สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เผยความจริงจังไม่น้อย ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มเข้าใจถึงความน่ากลัวของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว

“ผู้เฒ่าหั่ว ขอบคุณท่าน…”

ครู่ต่อมาหลังจากที่ฟื้นตัว ต้วนหลิงเทียนก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวขอบคุณผู้เฒ่าหั่วทันที

เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อครู่ก็เป็นเพราะผู้เฒ่าหั่วกล่าววเตือนเขาได้ทันเวลา ทำให้เขาเตรียมตัวป้องกันได้ทันก่อนที่คลื่นพลังกระแทกจากหล่างเชียนจินจะกวาดทำลายมาถึง ทำให้เขาไม่ต้องมีสภาพน่าสังเวชเหมือนคนอื่นๆ

“ผู้เฒ่าหั่ว?”

ในอดีตตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณ ผู้เฒ่าหั่วมักตอบคำกลับมาทุกครั้ง แต่ทว่าอยู่ๆคราวนี้ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกผิดปกติทันที

อย่างไรก็ตาม อยู่ๆเขาพลันสัมผัสได้ว่ามีสายตาคมกล้า 3 คู่จับจ้องมองมาที่เขา ทำให้ต้วนหลิงเทียนละความสนใจจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมาสนใจเรื่องราวรอบกายก่อนทันที ไม่มีเวลามัวมาสนทนากับผู้เฒ่าหั่วสืบไป

และสายตาคมกล้าทั้ง 3 คู่นั่น ก็มาจากจ้าวลัทธิอารามทมิฬ รวมถึงรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬทั้ง 2 คน…

ภายในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ

ผู้เฒ่าหั่วมองไปยังร่างสูงที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก “เจ้า…เจ้าเป็นผู้ใด?”