ตอนที่ 843 สำเร็จ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 843 สำเร็จ

องค์หญิงใหญ่กล่าวว่าตนเองแก่ชรามากแล้ว มองไม่ออกว่าองค์รัชทายาทหรือเหลียงอ๋องกันแน่ที่ก่อกบฏ

ทว่า องค์รัชทายาทและเหลียงอ๋องล้วนเป็นสายเลือดของราชวงศ์ องค์หญิงใหญ่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้ ให้จักรพรรดิต้าจิ้นเป็นคนตัดสินแต่เพียงผู้เดียว

เหลียงอ๋องถูกปฏิเสธจึงสั่งให้ฟ่านอวี๋ไหวนำกองกำลังรักษาพระองค์ไปล้อมจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเอาไว้ ห้ามผู้ใดเข้าออกทั้งสิ้น

วันที่ยี่สิบแปด เดือนสาม รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบแปด กองทัพหลักของแม่ทัพเซี่ยสวินโจมตีเมืองเว่ยสู่แตก ฮองเฮาแห่งแคว้นเว่ยสิ้นพระชนม์ในกองไฟ จักรพรรดิน้อยของแคว้นเว่ยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

วันที่หนึ่ง เดือนสี่ รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบแปด จักรพรรดิต้าเหลียงตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปยังเซียงเหลียงท่ามกลางการโน้มน้าวจากอัครมหาเสนาบดีชราของต้าเหลียง

บรรดาขุนนางและคนตระกูลสูงศักดิ์ต่างรีบกลับไปเก็บข้าวของเตรียมย้ายตามจักรพรรดิต้าเหลียงไปยังเมืองหลวงแห่งใหม่ ชาวบ้านในเมืองหานใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดหวั่น ต่างพากันเก็บข้าวของตามคนสูงศักดิ์ กองทัพต้าจิ้นยังมาไม่ถึงเมืองหาน ภายในเมืองหานก็เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวายแล้ว

แม้แต่ในวังหลวงของต้าเหลียงก็ยังเต็มไปด้วยความโกลาหล นางสนมและโอรสของจักรพรรดิต้าเหลียง ไม่เว้นแม้แต่ขันทีและนางกำนัลในวังหลวงต่างรีบเก็บของสำคัญของตัวเองให้เรียบร้อย กลัวว่าจะถูกจักรพรรดิต้าเหลียงทิ้งไว้ที่เมืองหลวง

การย้ายเมืองหลวงคือเรื่องใหญ่ จักรพรรดิต้าเหลียงสั่งให้ขันทีและนางกำนัลขนของใช้ที่จำเป็นไปยังพระราชวังที่เมืองเซียงเหลียงก่อน จากนั้นจักรพรรดิและนางสนมจึงจะเสด็จตามไปทีหลัง

แม้แต่นางสนมที่มีฐานะต่ำต้อยที่สุดในวังหลวงยังต้องใช้รถม้ากว่าสิบคันในการขนสัมภาระไปยังเมืองหลวงใหม่ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงจักรพรรดิต้าเหลียงเลย

มีเพียงองค์ชายสามคนเดียวเท่านั้นที่ตัดสินใจรอแม่ทัพหน้ากากผียกทัพมาช่วยเหลืออยู่ที่เมืองหาน เขาสั่งให้ภรรยาและบุตรของเขาย้ายตามจักรพรรดิต้าเหลียงไปยังเซียงเหลียง

ขณะที่จักรพรรดิต้าเหลียงเตรียมจะออกเดินทางไปยังเมืองหลวงแห่งใหม่ในวันที่สิบเอ็ด เดือนสี่ รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบแปด ขณะที่ชาวบ้านในเมืองหานอยู่ในความตื่นตระหนกหวาดกลัว กองทัพของต้าจิ้นที่นำทัพโดยจ้าวเซิ่งบุกล้อมประตูเมืองทางทิศตะวันตก ตะวันออกและทิศเหนือของเมืองหานเอาไว้

ขณะเดียวกันจักรพรรดิต้าเหลียงได้รับข่าวว่าแม่ทัพหลินเผิงเฟยที่คุ้มกันเมืองเยว่กู่ต้านทานกองทัพขององค์หญิงเจิ้นกั๋วได้สามวันก็ตัดสินใจนำทัพออกจากเมืองไปยอมจำนนและเข้าร่วมกับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว บัดนี้ทัพขององค์หญิงเจิ้นกั๋วกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองหานแล้ว

จักรพรรดิต้าเหลียงโมโหจนกระอักเลือดและสลบไป บัดนี้ถูกหามกลับไปพักในตำหนักแล้ว เมืองหานเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที

องค์ชายสามตัดสินใจเด็ดขาดให้กองทัพรีบคุ้มกันส่งจักรพรรดิต้าเหลียงไปยังเมืองเซียงเหลียงโดยเร็วที่สุด

ผู้ใดจะคิดว่าตอนที่จักรพรรดิต้าเหลียงตื่นขึ้นมาโดยยังไม่ได้ออกจากเมืองหานจะได้รับข่าวว่าเกาอี้จวิ้นจู่ที่นำทัพมุ่งหน้ามาจากเมืองต้าเฉวียนกำลังบุกทำลายประตูทิศตะวันออกของเมืองหานอยู่

อีกไม่ถึงชั่วยามก็ได้รับรายงานว่าแม่ทัพหลิวหงทำลายเมืองจงซิ่งแตกแล้ว ตอนนี้กำลังนำทัพมาทางประตูฝั่งตะวันตกของเมืองหาน

แม่ทัพหลินเผิงเฟยผู้คุ้มกันเมืองเยว่กู่ยอมจำนนแล้ว องค์หญิงเจิ้นกั๋วกำลังนำทัพมุ่งหน้ามายังเมืองหาน…

กองทัพต้าจิ้นบุกโจมตีเมืองหานจากทั้งสามด้าน ขวัญและกำลังใจของทหารต้าเหลียงสูญสิ้นแล้ว

ราชวงศ์ต้าเหลียงถูกล้อมอยู่ในเมืองหานเพราะจักรพรรดิต้าเหลียงไม่ยอมตัดสินพระทัยย้ายเมืองหลวงให้เร็วกว่านี้ มหาเสนาบดีชราของต้าเหลียงคุกเข่าขอร้องให้จักรพรรดิต้าเหลียงสละดินแดนให้ต้าจิ้นเพื่อเจรจาสงบศึก ยอมตกเป็นรัฐบรรณาการของต้าจิ้นเพื่อรักษาแคว้นต้าเหลียงให้คงอยู่สืบไป

ลึกๆ แล้วจักรพรรดิต้าเหลียงรู้ดีว่าอัครมหาเสนาบดีชราของต้าเหลียงกล่าวมีเหตุผล เขามองดูบรรดาขุนนางที่คุกเข่าอยู่บนพื้นโดยไม่ยอมลุกขึ้น ทว่า เขาตัดใจยอมแพ้เช่นนี้ไม่ได้จึงตวาดเสียงดังลั่น “แม่ทัพหน้ากากผีกำลังจะเดินทางมาถึงแล้ว! ขอเพียงพวกเราต้านทานไว้อีกสักสองสามวัน เมื่อแม่ทัพหน้ากากผีมาถึง เขาต้องช่วยคลี่คลายสถานการณ์ของต้าเหลียงได้แน่นอน”

บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าศึกสีขาวนำทัพอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน นางมองเห็นเมืองหานมาแต่ไกล ได้ยินเสียงสู้รบดังแว่วเข้ามา

“รายงาน…”

เมื่อเห็นสายลับขี่ม้าเร็วกลับมา ไป๋ชิงเหยียนจึงยกมือขึ้น บรรดาทหารในกองทัพหยุดลงโดยพร้อมเพรียงกัน

สายลับลงมาจากหลังม้า คุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งพลางกำหมัดรายงานไป๋ชิงเหยียน “ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เกาอี้จวิ้นจู่กำลังนำทัพโจมตีประตูทิศตะวันออกของเมืองหานพ่ะย่ะค่ะ”

“รายงาน…”

สายลับอีกคนหนึ่งขี่ม้ากลับมาอย่างรวดเร็วจนฝุ่นด้านหลังตลบ

สายลับลงจากหลังม้า คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น “ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว แม่ทัพหลิวหงโจมตีเมืองจงซิ่งแตกแล้ว บัดนี้กำลังมุ่งหน้าไปโจมตีประตูเมืองทิศใต้ของเมืองหานพ่ะย่ะค่ะ”

“รายงาน…”

สายลับขี่ม้าเร็วเข้ามารายงานไม่หยุดหย่อน

“ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว คนในราชวงศ์ต้าเหลียงถูกขังอยู่ในเมืองหาน บางส่วนที่หลบหนีออกมาจากเมืองหลวงถูกเกาอี้จวินจู่จับไว้หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางกำบังเหียนม้าแน่น หญิงสาวมองไปทางเมืองหลวงที่เด่นตระหง่านท่ามกลางแสงแดดเรืองรอง จู่ๆ ก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก…

แคว้นมั่งคั่งและยิ่งใหญ่ที่มีดินแดนติดกับทะเล แคว้นที่ได้ผลกำไรมหาศาลจากการค้าทางทะเลจะไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว

นี่คือการเริ่มต้นของการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเท่านั้น…

เมื่อยึดเมืองต้าเหลียงได้แล้ว สิ่งต่อไปที่ไป๋ชิงเหยียนต้องทำก็คือการโค่นล้มราชวงศ์ต้าจิ้นที่มีแต่ความเน่าเฟะ กำหนดรากฐานใหม่ที่เอาชาวบ้านเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่การปกครองที่เอื้อเฟื้อผลประโยชน์แก่ขุนนางที่มีอำนาจและคนตระกูลสูงศักดิ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีองครักษ์ลับคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นองครักษ์ลับของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวว่าได้รับคำสั่งจากฮูหยินฉินคุณหนูรองตระกูลไป๋ให้มาขอพบองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ” หยางเวยลูกน้องของหยางอู่เช่อได้รับคำสั่งให้มารายงานไป๋ชิงเหยียน

ไป๋จิ่นซิ่วส่งองครักษ์ลับมาเช่นนี้ เมืองหลวงเกิดเรื่องขึ้นอย่างนั้นหรือ

“คนอยู่ที่ใด พาข้าไปพบเขาเดี๋ยวนี้!” ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าตามหยางเวยไปอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่ออกมาจากเมืองหลวงบรรดาองครักษ์ลับเหล่านี้ก็เร่งขี่ม้ามายังต้าเหลียงโดยไม่หยุดพักทั้งวันทั้งคืน ระยะทางห้าเกือบหกวันนี้พวกเขาเปลี่ยนม้าที่โรงเตี๊ยมทุกครั้ง เมื่อหิวก็ทานอาหารบนหลังม้า เมื่อง่วงนอนจนทนไม่ไหวจริงๆ ก็มัดตัวเองไว้บนหลังม้าอย่างแน่นหนา ปล่อยให้ม้าวิ่งตามสหายของตัวเองไปด้านหน้า

พวกเขาใช้วิธีที่หักดิบที่สุดนำข่าวมาส่งให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วที่เมืองหานของต้าเหลียงภายในระยะเวลาเพียงสิบเก้าวันเท่านั้น

เมื่อทำภารกิจสำเร็จ บรรดาองครักษ์ลับเหล่านี้ล้มลงนอนบนพื้นอย่างทนไม่ไหว บางคนถึงขั้นสลบไปทันที

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนขี่ม้ามุ่งตรงมาทางนี้แต่ไกล องครักษ์ลับนามว่าซิงเฉินที่มักไปรายงานข่าวให้ไป๋ชิงเหยียนทราบที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นประจำก็รีบลุกขึ้นมาทันที

ซิงเฉินยังไม่ทันเดินไปด้านหน้าก็ถูกทหารต้าจิ้นคนหนึ่งใช้หอกยาวขวางไว้เสียก่อน เขาจึงต้องถอยหลังไปเล็กน้อย

เมื่อไป๋ชิงเหยียนหยุดม้าลง ซิงเฉินจึงปลุกสหายอีกหกคนให้ตื่นขึ้น ทุกคนคุกเข่าคำนับไป๋ชิงเหยียน

“คารวะคุณหนูใหญ่ขอรับ”

“เมืองหลวงเกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนยกแส้ม้าขึ้นเล็กน้อย สื่อให้บรรดาทหารที่ยืนคุ้มกันอยู่ถอยออกไป

“เรียนคุณหนูใหญ่ คุณหนูรองให้พวกข้านำข่าวเรื่องที่เหลียงอ๋องร่วมมือกับหลี่เม่าและฟ่านอวี๋ไหวก่อกบฏมารายงานให้นายหญิงทราบในวันที่ยี่สิบสี่ เดือนสามขอรับ” ซิงเฉินกล่าวอย่างรวดเร็ว

หยางเวยที่ยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนตกตะลึงทันที องครักษ์ลับพวกนี้ใช้เวลาเพียงสิบเก้าวันเดินทางจากเมืองหลวงของต้าจิ้นมาถึงเมืองหลวงของต้าเหลียงอย่างนั้นหรือ!

ฟ่านอวี๋ไหว เหลียงอ๋อง…หลี่เม่า

สิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนคาดการณ์ไว้เกิดขึ้นจริงๆ ด้วย

ทว่า นางส่งจดหมายไปบอกให้ไป๋จิ่นซิ่วพาวั่งเกอตามฉินหล่างไปยังไป๋ว่อตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดไป๋จิ่นซิ่วจึงยังอยู่ในเมืองหลวงอีก!

“คุณหนูรองยังอยู่ในเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถาม

“เรียนคุณหนูใหญ่ ใช่ขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนกำบังเหียนม้าแน่น เหลียงอ๋องก่อกบฏอีกครั้งในตอนนี้เพราะต้องการยัดเยียดข้อหาสังหารบิดาให้องค์รัชทายาทแล้วขึ้นครองราชย์ก่อนที่กองทัพใหญ่ของต้าจิ้นจะเดินทางนำชัยชนะจากต้าเหลียงกลับไปยังต้าจิ้นแน่นอน จากนั้นเขาจะป่าวประกาศให้ใต้หล้าได้รับรู้ ทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วงทันที

ครั้งนี้ไม่มีเสียนอ๋องเป็นแพะรับบาป เหลียงอ๋องไม่มีทางถอยหนีแล้ว หากไม่สำเร็จทุกอย่างจะจบสิ้นทันที เหลียงอ๋องต้องพยายามด้วยความสามารถทั้งหมดที่เขามีแน่นอน ต่อให้นางนำทัพกลับไปช่วยเหลือในตอนนี้ก็คงไม่ทันการแล้ว

ที่สำคัญมีเพียงองครักษ์ลับของนางมารายงานเช่นนี้ แม่ทัพหลิวหงคงไม่เชื่อและยอมยกทัพกลับไปช่วยเหลือพร้อมนางแน่นอน