บทที่ 862 จับเฉียนเหล่าซาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 862 จับเฉียนเหล่าซาน

บทที่ 862 จับเฉียนเหล่าซาน

“ใช่ ๆๆ ข้าไร้ยางอาย ข้าไร้ยางอาย ข้ารู้ว่าข้าผิด ข้ารู้ว่าข้าผิด ได้โปรด ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” เป็นของเสียงเฉียนเหล่าซาน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

แต่ได้ยินเสียงหลิวต้าจ้วงสถบเสียงดัง “ถุย เฉียนเหล่าซาน อย่าพูดว่าเราจะไม่ยกโทษให้เจ้า แม้ว่าเจ้านายตัวน้อยจะแสดงความเมตตาและไม่ถือโทษเอาความเจ้าในวันนี้ แต่เราจะรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าหมู่บ้านและไล่เจ้าออกจากหมู่บ้านเสีย”

“ใช่แล้ว จะปล่อยให้หมู่บ้านของเรามีพวกเศษสวะเหล่านี้ได้อย่างไร กว่าชีวิตพวกเราจะดีขึ้นนั้นไม่ง่ายเลย พวกเรามีทั้งหมดนี้ก็เพราะเจ้าน้อยตัวน้อย แต่เจ้ากลับยังปฏิบัติตัวเช่นนี้ เจ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่”

เสียงร้องไห้อ้อนวอนของเฉียนเหล่าซานดังเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และหลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นเฉียนเหล่าซานถูกหิ้วออกมาราวกับผ้าขี้ริ้วและถูกโยนออกไป

และบังเอิญกระเด็นมาไม่ไกลจากปลายเท้าของกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานกุมมือทั้งสองข้างตน ยืนอยู่ที่นั่นและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา

แสงจากคบเพลิงรอบกายทำให้ใบหน้างดงามของนางดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ราวกับเซียนที่บรรลุสวรรค์ทั้งเก้า บริสุทธิ์และเยือกเย็น ท่าทางที่ไม่ธรรมดาแตกต่างจากคนทั่วไปที่อยู่รอบตัวนาง ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้

เฉียนเหล่าซานทรุดตัวลงแทบเท้าของเด็กหญิง กู้เสี่ยวหวานยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน และมองเขาอย่างเย็นเยือก แววตาดูถูกเหยียดหยามราวกับว่ากำลังมองมดที่ใต้เท้า

เฉียนเหล่าซานสั่นสะท้านไปทั้งตัว และกำลังจะคลานกลับด้วยร่างกายอันสั่นเทา ทว่ากู้เสี่ยวหวานกลับรุดขึ้นหน้า และหลุบตามองชายผู้นั้นด้วยแววตาเย็นชา

“สาวน้อย ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้า… ข้าแค่สับสนไปชั่วครั้งชั่วคราว โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ยังมีหญิงชราตาบอดรอข้าอยู่ที่บ้าน”

ครั้นเฉียนเหล่าซานถูกคนจับได้ เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธแม้แต่น้อย และร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้า น้ำหูน้ำตาไหลเต็มหน้า “ข้ายังต้องเลี้ยงแม่ชรา ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ข้าก็คงไม่ต้องขโมยแบบนี้หรอก”

“ไอ้สารเลวเฉียนเหล่าซาน เจ้าทำเรื่องเลวร้าย ทั้งยังดึงแม่ผู้แก่ชราของเจ้ามาแก้ต่างอีกหรือ? แม่ของเจ้าบอกให้เจ้าขโมย แม่ของเจ้าบอกให้เจ้าแย่ง เช่นนั้นข้าหวังให้แม่ของเจ้าจะตัดแขนตัดขาของเจ้า จะได้ไม่ออกมาทำร้ายคนอื่นตลอดไป” ครั้นเห็นเฉียนเหล่าซานนิ่งงัน หลิวต้าจ้วงก็ขึ้งเคียด และเปิดโปงความชั่วร้ายของเฉียนเหล่าซานอีกครั้ง “เจ้าเล่นพนันทุกวี่ทุกวัน เจ้าล้างผลาญเงินของตัวเอง ปล่อยให้แม่ตาบอดของเจ้ากินไม่อิ่มสวมเสื้อผ้าที่ไม่อุ่น”

“ใครก็ตามที่พูดแบบนั้น เจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระนะ” ทันทีที่เฉียนเหล่าซานได้ยิน หลิวต้าจ้วง เปิดเผยความจริงของตนต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน เขาก็รีบปฏิเสธทันควัน “แม่ของข้ากินอิ่ม สวมเสื้อผ้าอบอุ่น อย่าได้พูดไร้สาระต่อสาวน้อยคนนี้”

“ฮึ่ม คนที่กำลังจะตายเป็นเจ้าเสียมากกว่า ถ้าไม่ใช่ข้าลงมือวันนี้ก็ไม่ใช่วันหลังแล้ว” เมื่อเห็นว่าเฉียนเหล่าซานยังคงปฏิเสธ ก็เลียนแบบสิ่งที่เฉียนเหล่าซานกล่าวกับแม่ตาบอดของเขา

ครั้นเฉียนเหล่าซานได้ยินพลันชะงักงันไปครู่หนึ่ง มันเป็นถ้อยคำที่ตนเองเอ่ยกับมารดาอย่างโหดเหี้ยม

เหล่าชายชุดดำที่ถูกจับตัวได้ถูกหลิวต้าจ้วงจับมัดอย่างแน่หนา และโยนเข้าไปในโกดัง วางแผนที่จะส่งพวกเขาไปยังศาลาว่าการในวันรุ่งขึ้น

หลิวต้าจ้วงยังสั่งเถาต๋าอย่างเคร่งขัดว่าต้องให้คนมาเฝ้าหน้าประตูและจับตาโจรชุดดำเหล่านั้นไว้

กู้เสี่ยวหวานเห็นหลิวต้าจ้วงคิดทุกอย่างรอบคอบ พลันรู้สึกประทับใจ

ฝูงชนมากมายรอบด้านชูคบเพลิงขึ้น กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการรบกวนเวลาพักผ่อนของทุกคนอีกต่อไป ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนกลับบ้านไปพักผ่อน

หลิวต้าจ้วงและคนอื่นต่างบอกลากัน จากนั้นแยกย้ายกันกลับบ้าน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะจากไป ยังหันมาย้ำว่าหากมีเรื่องด่วนต้องการความช่วยเหลือ ให้ฉือโถวไปตามพวกเขาได้เลย

กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มและพยักหน้า

หลิวต้าจ้วงและคนอื่น ๆ ถูกเรียกมาโดยกู้เสี่ยวหวาน

เมื่อพิจารณาว่าในครอบครัวมีไม่กี่คน คนที่มาขโมยมันเทศจะต้องไม่ใช่แค่คนสองคนเป็นแน่ ดังนั้นจึงคิดว่าจะเรียกคนมาเพิ่มอีกสองสามคน และจะได้มีพยานมาขึ้น

หลิวต้าจ้วงไม่รู้ว่ามันเทศในบ้านของกู้เสี่ยวหวานถูกขโมย ครั้งนี้เมื่อเสี่ยวหวานมาหาพวกเขา นางบอกว่ามีคนกำลังจะขโมยมันเทศของพวกนาง ดังนั้นเขาจึงขอให้หลิวต้าจ้วงตามคนมาช่วยเหลือ

หลิวต้าจ้วงจึงตอบตกลงทันที

ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานกลับไป หลิวต้าจ้วงและภรรยาของเขาก็รีบออกมาและบอกว่าจะตามคนมาช่วย

กู้เสี่ยวหวานมองเห็นชายหญิงลูกเด็กเล็กแดงและคนชรา หัวใจพลันรู้สึกซาบซึ้ง “วันนี้ทุกคนเหนื่อยมากแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

หลิวต้าจ้วงบอกลาทุกคนก่อนจะจากไป

กู้เสี่ยวหวานพูดคุยกับหลิวต้าจ้วงและเถาต๋า จากนั้นขอให้อาโม่มัดตัวเฉียนเหล่าซานเอาไว้ และพาตัวมาที่สวนกู้

เฉียนเหล่าซานถูกโยนเข้าไปในห้องโถง

กู้เสี่ยวหวานใช้ประโยชน์จากสถานการณ์และนั่งที่ ทุกคนมารวมตัวกันในห้องโถงยกเว้นกู้เสี่ยวอี้ พวกเขาจ้องมองที่เฉียนเหล่าซานโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เฉียนเหล่าซานรู้สึกหวาดกลัวหลังจากถูกคนเหล่านี้เฝ้าดู และตะโกนด้วยความไม่พอใจ “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าต้องการทำอะไร เจ้าจะฆ่าข้าหรือ?”

การฆ่าคนไม่ใช่เพียงการพยักหน้า แต่ไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานหวาดกลัวหรือไม่กล้ากันแน่

เมื่อเห็นท่าทางก้าวร้าวของเขา กู้เสี่ยวหวานไม่ได้โกรธเคือง อย่างไรก็ตาม ขโมยถูกจับได้แล้วและมันเทศก็ถูกขายไปแล้ว

ตอนนี้นางต้องการระบายอารมณ์ออกไป

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา และตอนนี้ยังคงมองตัวเองด้วยรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ เฉียนเหล่าซานที่ถูกจับได้ก็รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองทันที “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าต้องการอะไร อย่าคิดว่าจับข้าได้แล้วจะทำอะไรได้ ข้าชินกับการอยู่ในห้องขังแล้ว ข้าไม่กลัวหรอก ต่อให้ออกมาข้าก็จะยังมารังควานเจ้าอยู่ดี”

“โอ้ อย่างนั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเรียบนิ่ง หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉียนเหล่าซานพูดออกมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “ฆ่าคนไม่ได้เป็นเพียงบาดแผลเท่าชาม เฉียนเหล่าซาน เจ้าไม่กลัวตายจริง ๆ หรือ?”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เฉียนเหล่าซานรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานถามว่าเขากลัวความตายหรือไม่

ร่างกายของเฉียนเหล่าซานพลันสั่นสะท้านโดยไม่ตั้งใจ

คนขี้ขลาดเช่นเขากลัวตายเสียยิ่งกว่าอะไร

เมื่อเห็นท่าทางของเฉียนเหล่าซาน กู้เสี่ยวหวานก็กระตุกยิ้มเย็น “ไม่สนุกเลย พูดก็พูดเถอะนะ หากเจ้าอยากตาย เจ้าจะไม่ได้ตายเพราะโดนลงโทษข้อหาเป็นหัวขโมยหรอก แต่เจ้าจะตายเพราะโดนรุมประชาทัณฑ์เสียมากกว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว…”

กู้เสี่ยวหวานข่มขู่ แต่น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น ไม่มีร่องรอยของความดุร้าย

“จะ… จะ… จะ… เจ้า เจ้ากล้าหรือ?” น้ำเสียงของเฉียนเหล่าซานสั่นเครือ