บทที่ 857 ไม่ใช่การสร้างปัญหา

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 857 ไม่ใช่การสร้างปัญหา

บทที่ 857 ไม่ใช่การสร้างปัญหา

ทันใดนั้นเสี่ยวเถียนก็ได้ยินเสียงระบบแจ้งว่า ได้รับคะแนนเพิ่มขึ้น 3000 แต้ม เด็กสาวได้แต่สับสน เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา แถมพี่ ๆ ก็อยู่ที่บ้านกันหมด ไม่น่าจะทำภารกิจสำเร็จอะไรได้นะ แล้วทำไมจู่ ๆ ก็ได้คะแนนล่ะ

ตัวเธอไม่ได้นึกเลยว่า เป็นเพราะคำพูดที่เอ่ยออกไปได้ทำให้ชายหนุ่มผู้หลงทางกลับไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ดังนั้นตัวระบบจึงตัดสินใจให้ว่า สิ่งที่เสี่ยวเถียนได้ทำคือการสั่งสอน และมีการเรียนรู้ จึงได้รับคะแนนกลับมา

คูณป้าผู้จำหน่ายตั๋วมองฉากนี้ทั้งน้ำตา ไม่ว่าตอนไหนโลกใบนี้ย่อมมีคนเลวอยู่แล้ว แต่ก็โชคดีที่มีคนดีอยู่ด้วย! และบนนี้ยังมีคนดีมากกว่า ในไม่ช้า ความวุ่นวายทางฝั่งนี้ก็ส่งไปถึงทางเจ้าหน้าที่

เดิมทีตำรวจรถไฟคิดว่าเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นคงจะมีคนสร้างปัญหา แต่พอเดินมาดูกลับพบฉากอันน่าสะเทือนใจ

“อาจารย์เสิ่นรับรู้ถึงความรู้สึกทุกคนแล้วนะ แต่ว่าที่นี่คือช่องจำหน่ายตั๋ว ถ้าทุกคนขวางกันแบบนี้ มันจะส่งผลกระทบต่อผู้อื่นเอานะครับ” ตำรวจวัยสี่สิบปีให้การแนะนำ

“ใช่แล้วครับ ทุกคนกลับไปทำธุระของตัวเองกันเถอะ พวกเราต้องออกเดินทางอย่าทำให้รถไฟเสียเวลาเลยนะ” เสิ่นจื่อเจินรีบบอกทุกคน

ท้ายที่สุดฝูงชนก็ค่อย ๆ แยกย้ายกันไป ชายวัยกลางคนได้แต่อึดอัดขณะโอบอาหารไว้เต็มอ้อมแขน

สองหลานมองผู้ใหญ่ ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา

“ไม่เคยได้รับการยกย่องขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่นึกเลยว่าจะได้ทำหน้าที่นี้สักนิด!” เสิ่นจื่อเจินยกยิ้มพึงพอใจ

ผู้คนมักบอกว่า ถ้วยเงินถ้วยทองไม่ดีเท่าชื่อเสียง แต่สำหรับเสิ่นจื่อเจินเพียงเท่านี้ก็ถือได้ว่าคุ้มแล้ว

“เรายังต้องเดินทางกันอีกไกล อาจารย์เสิ่นมานั่งที่สำนักงานก่อนไหมครับ?” เหล่าหลิว ตำรวจรถไฟวัยสี่สิบกว่ายกยิ้ม แล้วชวนอีกฝ่ายไปพักที่สำนักงาน

ถ้าได้คนเช่นนี้มานั่งอยู่ในห้อง คงมีเรื่องให้อวดไปอีกครึ่งค่อนชีวิต

เสิ่นจื่อเจิน “ผมยังมีเพื่อนอีกสองคนรออยู่ข้างนอกน่ะ คงไปไม่ได้หรอกครับ แต่ว่าอยากถามหน่อยว่า ที่นี่มีโทรศัพท์หรือเปล่า ผมอยากโทรไปเมืองหลวงน่ะ”

เขาเอ่ยด้วยท่าทางใจดี ไม่มีความหยิ่งผยองทำให้คนเห็นชื่นชม

“ที่ห้องทำงานผมมีครับ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน อาจารย์ไปโทรศัพท์แล้วเดี๋ยวผมให้สหายตัวน้อยทั้งสองพาไปรับเพื่อนมาแล้วกันครับ” เหล่าหลิวแนะนำด้วยรอยยิ้ม

เสิ่นจื่อเจินตอบตกลง ทีแรกก็อยากเลี้ยงข้าวสองพี่น้องคู่นั้น แต่จากสถานการณ์คงเป็นไปไม่ได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเล่นเอาเขาลำบากเลยทีเดียว

“ขอบคุณมากครับสำหรับความช่วยเหลือ” จากนั้นก็ตรงไปยังสำนักงานทันที

มีสองลุงหลานที่สำนักงาน ส่วนซานกงพาเหล่าหลิวไปตามสองพี่น้องอัน ทีแรกก็คิดว่าลุงเขยจะโทรหาป้าเถาฮวา แต่กลายเป็นว่าเขาโทรไปที่มหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงแทน

พวกเขาสนทนากันสั้น ๆ บอกเล่าสถานการณ์ที่ได้พบเจอ และสอบถามเรื่องสอบกลางภาคอย่างจริงจัง เพราะทางมหาวิทยาลัยใจกว้างพอให้เสี่ยวเถียนลาหยุด แล้วถ้าทำคะแนนสอบได้ไม่ดีก็จะให้เธอเรียนซ้ำอีกปี

แต่ไม่คาดคิดว่าอธิการจะช่างพูดแล้วบอกว่า ทางเราได้ปรึกษากันแล้ว หากเสี่ยวเถียนกลับไปไม่ทันจะให้โอกาสในการสอบนอกเวลาแทน

เรื่องราวเป็นไปตามนั้น ถ้าเสี่ยวเถียนกลับมาทันก็แค่ต้องเลื่อนสอบวิชาแรกออกไป ส่วนวิชาอื่นเข้าสอบได้ตามปกติ

เสิ่นจื่อเจินละอายใจเกินกว่าจะถามรายละเอียดเพิ่มเพราะค่าโทรศัพท์ไม่ใช่ราคาถูก ๆ และหลังจากได้ยินข่าวก็โล่งใจได้ในที่สุด

“รอดแล้วเสี่ยวเถียน อธิการบอกว่าถ้าเรากลับไปก็แค่เลื่อนสอบวิชาแรกเท่านั้น ส่วนวิชาอื่นเข้าสอบได้ตามปกติ”

จากนั้นก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นได้

“พวกเราเดินทางกันมานาน แถมหลานไม่ได้เข้าเรียนด้วย ปีนี้อยู่ปีสองมีหลักสูตรวิชาชีพหลายตัวเลยใช่ไหม ถ้าสอบแล้วจะทำได้หรือเปล่า?”

เสี่ยวเถียนเป็นเด็กหัวกะทิมาแต่ไหนแต่ไร เธอเสียเวลาเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แถมยังไม่สามารถสอบตามปกติได้อีก แบบนี้จะไม่ทำให้การเรียนของหลานรั้งท้ายคนอื่นเขาเหรอ?

เสี่ยวเถียนปลอบใจ “ลุงเขยคะ หนูฉลาดมากนะ อีกอย่างเนื้อหาพวกนั้นหนูเรียนมาหมดแล้วค่ะ ถึงจะไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสอบได้ดี แต่ขอแค่สามอันดับแรกก็พอ”

“…” เสิ่นจื่อเจิน

ถ้าสามอันดับแรกไม่ถือว่าดี แล้วแบบไหนเรียกว่าดีมากล่ะ?

มันคือผลลัพธ์ที่ใครต่อใครต่างใฝ่ฝัน แล้วทำไมพอกลายเป็นเสี่ยวเถียนแล้วกลับโดนดูแคลนเสียอย่างนั้น?

“ถ้าอย่างนั้นลุงค่อยวางใจหน่อย!” สุดท้ายก็ตอบออกไปได้แค่นี้

ขณะคุยกันก็เห็นซานกง เหล่าหลิว ตำรวจยศน้อย และอันหรงเสวี่ยสี่คนเดินถือถุงข้าวเข้ามา

“อาจารย์เสิ่นครับ ข้าวพวกนี้คงต้องให้คุณตำรวจช่วยขนแล้วครับ ผมกับหรงหัวคงต้องกลับก่อน”

เพราะคิดว่าจะได้ส่งอีกฝ่ายขึ้นรถไฟ แต่กลายเป็นว่าจะต้องแยกกันแบบนี้เสียอย่างนั้น

เสิ่นจื่อเจินพยักหน้า “ขอบคุณที่สละเวลานะหรงเสวีย เลขาตู้บอกไว้ว่าจะช่วยแก้ปัญหาเสี่ยวซู่ให้ แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอก ลำบากคุณต้องดูแลเขาอีกสักพักนะ”

“นี่คือสิ่งที่เราควรทำครับ อาจารย์ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะดูแลเขาอย่างดี”

แม้ใจจะไม่ยอมรับแต่ก็ทำได้แค่ยิ้ม และเอ่ยรับปากเสียงหนักแน่น ตอนเดินไปส่งเสิ่นจื่อเจินก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไร น่าเสียดายที่ไม่ได้เลี้ยงข้าว และหาที่พักดี ๆ ให้พวกเขา

“อาจารย์เสิ่นเป็นห่วงว่าพวกเราจะไม่มีที่พักตอนกลางคืนเหรอครับ?” เหล่าหลิวเหมือนล่วงรู้ความคิดนี้ จึงถามเคล้ารอยยิ้ม