บทที่ 865 เผชิญหน้ากับคนทั้งสาม

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 865 เผชิญหน้ากับคนทั้งสาม

บทที่ 865 เผชิญหน้ากับคนทั้งสาม

เขากางมือออก ทำท่าทางเหมือนกับทำสิ่งใดไม่ถูก “ฟางสี่ เจ้าหมายความว่าอะไร การที่ของในบ้านของเจ้าหายไป แต่กลับมาโทษว่าเป็นผีมือของข้าเนี่ยนะ ข้าไม่ได้อยู่ที่สวนกู้มานานแล้ว เจ้าคงไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานผู้นี้ไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้า จึงถูกคนมาขโมยของไป มาโทษข้าเช่นนี้ ข้ายอมรับไม่ได้หรอก”

เฉียนเหล่าซานและหูปาได้พูดคุยรายละเอียดกับหลิวชิงซานแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวชิงซานได้ร่วมมือกับพวกเขา สิ่งที่เขาพูดและการกระทำของเขาดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำผิดเลย

“หลิวชิงซานอย่าพูดเรื่องไร้สาระ เสี่ยวหวานมีจิตใจดี นางจะทำให้คนอื่นขุ่นเคืองได้อย่างไร แม้ว่านางอยากจะรุกรานก็คงเป็นพวกอันธพาลเช่นเจ้า”

กู้ฟางสี่กัดฟันพูด นางกัดริมฝีปากแน่นข่มอารมณ์เพื่อไม่ให้ตนก้าวไปข้างหน้า และทุบตีหลิวชิงซาน

หลิวชิงซานหัวเราะเบา ๆ โดยไม่ได้มองไปที่กู้ฟางสี่ที่กำลังโกรธแค้น เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่มีท่าทางสงบนิ่ง ใบหน้าของนางไร้ความรู้สึก นั่นทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล แต่ก็กลับมามีสติในทันที

เขาเดินไปด้านข้างอย่างเย่อหยิ่งและนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่สนใจดวงตาที่เบิกกว้างของกู้ฟางสี่

ทำตัวราวกับที่นี่เป็นบ้านของเขา และเอื้อมมือไปหยิบถ้วยชาบนโต๊ะ และดื่มมันโดยไม่ถือว่าตัวเองเป็นคนนอก

กู้เสี่ยวหวานจ้องมองอย่างเย็นชา ในขณะนี้หลิวชิงซานมีท่าทางนิ่งสงบ

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะ “ไม่เจอกันนานเลยนะ”

หลิวชิงซานโบกมือราวกับว่าเขาไม่ต้องการมองกู้เสี่ยวหวานและตำหนิว่า “กู้เสี่ยวหวาน มันเป็นความผิดของเจ้า เราไม่ได้เจอกันมานานแล้ว แต่การมาเจอกันเช่นนี้ คนของเจ้าทุบตีข้าจนหมดสติและจับข้ามาที่นี่ เจ้าทำผิดกฎหมาย กู้เสี่ยวหวาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าข้าไปที่ศาลาว่าการเพื่อฟ้องร้องเจ้า เจ้าจะต้องคุกเข่าลงกับพื้นและสารภาพกับข้า” หลิวชิงซานพูดอย่างเย็นชา

“เจ้า เจ้า เจ้า เจ้ากล้าดีอย่างไร” เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินว่าหลิวชิงซานกำลังจะไปศาลาว่าการเพื่อฟ้องร้องกู้เสี่ยวหวาน นางจึงยื่นมือที่สั่นเทาออกมา แล้วชี้ไปที่หลิวชิงซานและพึมพำอยู่กับตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ และไฟแค้นในแววตาของนางก็แทบแผดเผาหลิวชิงซานให้มอดไหม้

“ฟางสี่ อย่าตื่นเต้นไป เราเป็นสามีภรรยากัน เราไม่ได้ปฏิบัติต่อกันด้วยความอ่อนโยนมานานแล้ว นับว่าเป็นโอกาสดีที่เราได้เจอกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้นี่” หลิวชิงซานหัวเราะอย่างมีเลศนัย หรี่ตาลงและมองไปที่กู้ฟางสี่

ไม่เจอกันนาน กู้ฟางสี่ดูดีขึ้นกว่าเดิม

หลิวชิงซานสังเกตเห็นว่าใบหน้านั้นเนียนละเอียดกว่าเมื่อก่อน

อีกทั้งช่วงนี้ยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ร่างกายก็อวบอิ่มกว่าเดิม ในขณะนี้นางดูเป็นสาวเจ้าเสน่ห์จริง ๆ

หลิวชิงซานรู้สึกเพียงว่า บางอย่างภายใต้กางเกงของตนกำลังแข็งทื่อ จึงรีบยกมือขึ้นปกปิดมันทีนที

กู้ฟางสี่มองตามการกระทำของเขา เมื่อเห็นดังนั้นใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความโกรธ และเบี่ยงตัวไปยืนอยู่หน้าหลิวชิงซานเพื่อปิดกั้นการมองเห็นของกู้เสี่ยวหวาน

“หลิวชิงซาน เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง” กู้ฟางสี่หน้าแดงกัดฟันพูดด้วยความโกรธ

หลิวชิงซานยิ้มอย่างลามก “ข้าไร้ยางอายอย่างไร เราเป็นสามีภรรยากัน”

“ข้ากับเจ้าหย่ากันแล้ว” กู้ฟางสี่คำรามเสียงดัง

“นั่นก็เพราะโดนพวกเจ้าบังคับ ข้าไม่ได้อยากหย่ากับเจ้า กู้ฟางสี่ พวกเราแต่งงานกันมาห้าปีแล้ว อย่างที่คำโบราณว่าไว้ คู่แต่งงานย่อมมีความรู้สึกลึกซึ้ง เจ้าไม่เคยคิดถึงข้าแม้แต่สักนิดเลยหรือ” หลิวชิงซานพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ในช่วงเวลานี้ ข้าคิดถึงเจ้ามาก ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด”

“ข้าคิดถึงเจ้า ข้าต้องคิดถึงเจ้าแน่นอน ข้าต้องการให้เจ้าตาย” เมื่อเห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของหลิวชิงซาน กู้ฟางสี่ก็โกรธมากจนก็แทบจะกระโดดไปตบหลิวชิงซาน

เมื่อเห็นหลิวชิงซานหยอกล้อกู้ฟางสี่อย่างไร้ยางอาย ป้าจางที่อยู่ด้านข้างก็ดึงกู้ฟางสี่ที่ใบหน้าแดงก่ำออกไปทันที นางชี้หน้าของหลิวชิงซานและสาปแช่ง “เจ้าคนอันธพาล นางกับเจ้าหย่ากันแล้ว! ฟางสี่กับเจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไปแล้ว!”

เมื่อหลิวชิงซานเห็นจางซื่อสาปแช่งตนเอง เขาก็ไม่แสดงท่าทีอ่อนแอและตอกกลับ “ยายแก่ตัวเหม็น เรื่องของเราไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ในเวลานั้น ถ้าพวกเจ้าไม่เข้ามายุ่ง ข้าและฟางสี่คงมีชีวิตที่ดีไปแล้ว”

“หลิวชิงซาน ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าอีกต่อไป” กู้ฟางสี่กัดฟันเอ่ยออกมาทีละคำด้วยความโกรธ

หลิวชิงซานไม่เคยเห็นกู้ฟางสี่เป็นเช่นนี้มาก่อน

เขารู้สึกอยู่เสมอว่ากู้ฟางสี่เป็นคนใจเย็น ยอมให้ตัวเองบงการ หากเขาพูดให้ไปทางทิศตะวันออก นางจะไม่กล้าไปทางทิศตะวันตก หากเขาพูดว่าจับไก่ นางจะไม่กล้าไล่ตามสุนัข

กู้ฟางสี่ที่เขาเคยเห็นมักจะขมวดคิ้ว ดูขี้ขลาด เขาเคยเห็นท่าทางดุร้ายของนางขนาดนี้เมื่อไร กัน?

หลิวชิงซานไม่เคยคิดว่ากู้ฟางสี่กล้าโต้เถียงกับเขา โทสะในใจเพิ่มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เขาเคยชินกับการเอาชนะกู้ฟางสี่มาตลอด หลิวชิงซานก้าวไปข้างหน้า ง้างมือขึ้นสูงเตรียมฟาดอย่างเต็มแรง

กู้ฟางสี่เห็นหลิวชิงซานรุดหน้าขึ้นมาและเตรียมทำร้ายตนเอง นางไม่รู้ว่าจะต่อต้านอย่างไร เมื่อเห็นฝ่ามือขนาดใหญ่กำลังจะฟาดลงมา นางก็รีบหลับตาอย่างช่วยไม่ได้ และรอรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากรออยู่เป็นเวลานานก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เมื่อนางลืมตาก็เห็นหลิวชิงซานกุมมือของตนเองไว้ และร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัว “อ๊า… ปล่อย ปล่อย เจ็บ เจ็บ!”

ความเจ็บปวดของเขาเกิดจากอาโม่

อาโม่คว้าแขนของหลิวชิงซานไว้ และผลักอีกฝ่ายออกไปด้วยฝ่ามือเดียว

กู้ฟางสี่เกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจ

“อาโม่ มัดเขาแล้วส่งไปยังศาลาว่าการวันพรุ่งนี้” กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ได้ ต้องส่งเขาไปหาใต้เท้าหลิวในเมืองรุ่ยเสียน ใต้เท้าหลิวเป็นคนดี เป็นขุนนางที่รักประชาชนราวกับลูก ข้าเชื่อว่าเขาจะตัดสินให้ข้าได้”

ในตอนแรก หลิวชิงซานมีความสุขมากเมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะส่งเขาไปที่ศาลาว่าการ อย่างไรก็ตาม กู้ฉวนลู่คุ้นเคยกับลวี่เทาที่ศาลาว่าการมาก่อน เมื่อถึงเวลา กู้ฉวนลู่เพียงพูดไม่กี่คำ ลวี่เทาก็จะสามารถปล่อยตัวเองออกมาได้

แต่ต่อมา เมื่อกู้เสี่ยวหวานบอกว่ากำลังจะส่งเขาไปยังศาลาว่าการในเมืองรุ่ยเสียน หลิวชิงซานก็ตื่นตระหนก

“กู้เสี่ยวหวาน เจ้า… เจ้าจะทำอะไร ทำไมเจ้าถึงส่งข้าไปที่ศาลาว่าการโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้”

หลิวชิงซานยังทำเหมือนว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วนางจะกลั่นแกล้งตัวเขาได้อย่างไร

“หลิวชิงซาน เจ้าช่างไร้ยางอาย! เฉียนเหล่าซานและหูปาสารภาพหมดแล้ว เจ้าสมรู้ร่วมคิดที่จะขโมยมันเทศของครอบครัวข้า แล้วให้หูปาไปหากู้ฉวนลู่และขายมันเทศให้เขา” ป้าจางเอ่ยคำสารภาพที่ได้มาทีละข้อ

“อย่าฟังเรื่องไร้สาระของพวกเขา ข้าถูกใส่ร้าย” หลิวชิงซานคิดกับตัวเองว่ามันจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเฉียนเหล่าซานและหูปาจะได้สารภาพทุกอย่างออกมาแล้ว

หลิวชิงซานรู้สึกรำคาญเล็กน้อยในใจ ตนเองพาพวกเขาไปหาเงิน แต่แล้วเหตุใดถึงกลับมาหักหลังกันเช่นนี้

และคิดว่าถ้ามีเรื่องดี ๆ แบบนี้อีก ต่อไปเขาจะไม่เรียกหาพวกเขาอีก

หลิวชิงซานกลอกตา แต่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาขโมยของบางอย่างไป

“นำพวกเขาสองคนมาที่นี่” เมื่อเห็นว่าหลิวชิงซานไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา กู้เสี่ยวหวานจึงไม่สุภาพกับหลิวชิงซานอีกต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน เฉียนเหล่าซานและหูปาก็ถูกนำเข้ามาโดยฉือโถว ทั้งสองมีโซ่คล้องอยู่ที่มือ และเดินตามหลังฉือโถวมาด้วยความงุนงง

เมื่อเห็นหลิวชิงซาน หูปาก็เริ่มมีสีหน้าบูดบึ้ง

ใบหน้าของเฉียนเหล่าซานเป็นสีแดงสลับม่วงและหูปาก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาถูกเฉียนเหล่าซานฉีกเป็นชิ้น ๆ

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวาน หูปาก็คุกเข่าลงก่อนแล้วพูดด้วยใบหน้าโศกเศร้า “แม่นาง ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ได้โปรดยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะ เพราะตาข้าหามีแววไม่จึงมาทำให้แม่นางขุ่นเคือง”

เวรเอ๊ย แม่นางคนนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง

อย่าดูเพียงอายุของนาง แต่คนข้างกายนางฝีมือศิลปะการต่อสู้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ราวกับซ่อนความลับไว้

เดิมทีหูปาต้องการวิ่งไปโดยใช้ประโยชน์จากความมืด เขาต้องการวิ่งหนี แต่ไม่รู้ว่าเขาจะถูกอาโม่กระชากกลับก่อนที่เขาจะออกไปเสียอีก

กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการให้ความสนใจกับเขา และมองไปที่อีกสองคนที่เหลือ “เจ้าสองคน ใครจะพูดก่อน”

เฉียนเหล่าซานและหลิวชิงซานมองหน้ากัน และพวกเขาเห็นความไม่พอใจในดวงตาของกันและกัน

“ข้าพาเจ้าไปหาเงิน แต่เจ้ากลับหักหลังข้า”

“ใครใช้ให้เจ้าออกความคิดแย่ ๆ แล้วขโมยของจากสาวน้อยคนนี้กันล่ะ”

“เฮ้ย ในตอนนั้นไม่ใช่เจ้าหรือที่เห็นด้วย เจ้าบอกว่าสาวน้อยคนนี้เป็นคนไม่ดี นางทำให้เจ้าขุ่นเคือง และบอกให้ขโมยของของนาง และร่วมกันสอนบทเรียนให้นางไม่ใช่หรือ” หลิวชิงซานจ้องไปที่เฉียนเหล่าซานและพูดอย่างไม่พอใจ

“…” เฉียนเหล่าซานไม่ตอบ แต่มองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้านบนด้วยสีหน้าว่างเปล่า รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยในใจของเขา

สาวน้อยคนนี้เป็นอันตรายกว่าที่เห็นภายนอก

เฉียนเหล่าซานรู้สึกประหม่า ถ้าเขารู้ว่าหลังจากหลอกลวงนางในครั้งนั้นทำให้เขาไม่ได้เปรียบเลยสักนิด และยังถูกสาวน้อยคนนั้นแทงสวนกลับ เขาควรจะตระหนักว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ง่ายที่จะต่อกร

และปาดคอตัวเองด้วยคมมีดของคนอื่นอีก

ยิ่งเฉียนเหล่าซานคิด เขาก็ยิ่งหวาดกลัว ครั้งนี้เขาขโมยของไปมากมาย ไม่ใช่แค่เล็กน้อยและขายทั้งหมดไปได้หลายร้อยตำลึงเงิน พวกเขาคงจะไม่ติดคุกเป็นเวลาหนึ่งปีหรอกหรือ?