ตอนที่ 229-2 ท่านแม่กับท่านตา

เฉียวเวยระบายยิ้ม “ป้าหลิง ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่นัก เหตุใดพวกท่านถึงได้รีบร้อนไปตามตัวข้ากลับมา ท่านแม่ข้าเล่า ข้ายังคิดว่านางให้ไซน่าอิงมาตามหาข้าเสียอีก”

ไซน่าฮูหยินถลึงตาใส่บุตรชายอย่างไม่มีเกรงใจ “ดูเจ้าทำเข้า ให้เจ้าไปตามหานาง แต่ไม่เล่าอะไรให้นางเข้าใจเลยหรือ”

ไซน่าอิงถูกมารดาต่อว่า สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนไปสักนิด แต่เฉียวเวยสัมผัสได้ว่าไอสังหารบนตัวเขากลายเป็นไออบอุ่นจางๆ โดยไม่รู้ตัว ดูท่าต่อให้เป็นนักฆ่าที่เลือดเย็นเพียงใด ยามอยู่ต่อหน้ามารดาอย่างไรก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น

ไซน่าฮูหยินเช็ดน้ำตา “แขกข้างนอกนั่นเป็นอะไรกับเจ้าหรือ”

เฉียวเวยตอบด้วยสีหน้ายินดี “สามีของข้ากับลูกน้องสามคนของเขา”

“เช่นนั้นก็เป็นแขกสำคัญน่ะสิ” ไซน่าฮูหยินเช็ดใบหน้าที่ร้องไห้จนเปรอะเปื้อน “สภาพข้าในตอนนี้ไม่สะดวกออกไปพบเจอผู้คน อาอิง เจ้ารีบออกไปรับรองแขกสิ!”

ไซน่าอิงออกไปอย่างเชื่อฟัง

พวกจีหมิงซิวนั่งกันอยู่ในห้องโถง อี้เชียนอินมองซ้ายมองขวาแล้วถามด้วยความใคร่รู้ว่า “นายน้อย บ้านตระกูลไซน่าแห่งนี้ดูแล้วใหญ่โตมากทีเดียว ฮูหยินตระกูลพวกเขากับเฉียวฮูหยินเป็นอะไรกันหรือ เหตุใดพอได้พบเฟิ่งชิงเกอถึงตื่นเต้นเพียงนั้น ฮูหยินคงไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่ตกลงหมั้นหมายกับไซน่าอิงตั้งแต่อยู่ในท้องกระมัง”

จีหมิงซิวสะบัดสายตาเย็นเยียบใส่อีกฝ่าย อี้เชียนอินจึงหุบปากฉับ

ไซน่าฮูหยินเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้ากับแม่เจ้าโตมาด้วยกระโปรงตัวเดียวกัน ข้าเป็นเพื่อนร่วมเรียนของนาง ตอนนางเด็กๆ ซุกซนเอาเรื่องทีเดียว ทำเพื่อนร่วมเรียนโกรธจนหนีไปเป็นยี่สิบคน มีเพียงข้าที่อยู่ไหว อยู่ไปอยู่มาก็นานถึงสิบปี แม่เจ้าไม่มีพี่น้อง จึงเห็นข้าเป็นประหนึ่งพี่สาวแท้ๆ ของนาง ในใจข้านางเองก็ใกล้ชิดกับข้ามากกว่าพี่น้องในตระกูลมากนัก ข้าแต่งงานก่อนนางสองปี ในวันแต่งงานข้าบอกกับนางว่า หากวันหน้าพวกเรามีลูก จะให้แต่งงานครองคู่กัน”

เฉียวเวย “?!”

ไซน่าฮูหยินอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “แต่คนขี้ลืมอย่างนาง ลืมคำสัญญานี้ไปนานแล้ว ไม่ใช่ว่านางคลอดเจ้าออกมาได้ไม่เท่าไร ก็ยกเจ้าให้แต่งงานกับนายน้อยตระกูลจีแล้วหรอกหรือ”

ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินที่ท่านแม่นางขี้ลืม!

“ป้าหลิง ท่านแม่ข้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”

ไซน่าฮูหยินเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “ยังอยู่สิ เจ้ารอเดี๋ยว”

ไซน่าฮูหยินพูดพลางตบมือเฉียวเวยเบาๆ แล้วลุกไปเปิดตู้ หยิบเอาภาพเหมือนภาพหนึ่งออกมา “เจ้าดูสิ นี่คือท่านแม่ของเจ้า ข้าวาดให้นางเมื่อปีนี้เอง”

เฉียวเวยมองใบหน้าคนในภาพที่มีส่วนคล้ายนางอยู่สามส่วนห้าส่วน ในใจบังเกิดความรู้สึกยากจะบรรยายอย่างประหลาด

ไซน่าฮูหยิน “แม่เจ้ากำลังปิดประตูครองสันโดษอยู่ ต้องอีกเป็นเดือนถึงจะออกมาได้”

อีกเป็นเดือนกว่าจะพาตัวท่านแม่ไปได้เลยหรือ เฉียวเวยผิดหวัง “นางปิดประตูครองสันโดษแล้วให้คนไปตามหาตัวข้าเพื่ออะไรหรือ”

ไซน่าฮูหยิน “เป็นเพราะสุขภาพของท่านตาเจ้าไม่สู้ดีแล้ว ข้าเลยอยากให้เจ้าได้รีบกลับมาพบหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

สายตาเฉียวเวยพลันสั่นไหว “ข้ายังมีท่านตาด้วย?”

ไซน่าฮูหยินพยักหน้า “มีสิ ท่านตาเจ้าเป็นผู้นำชนเผ่าถ่าน่า เป็นดั่งพระอาทิตย์ในหัวใจพวกเราทุกคน เขาเองก็รู้ข่าวเรื่องเจ้าแล้ว เขาอยากพบเจ้ามาก”

ท่านตานาง…เป็นพระอาทิตย์แห่งชนเผ่าลึกลับ?

เหตุใดเรื่องราวถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ได้ ที่นางมาชนเผ่าลึกลับเพียงเพราะอยากนำเอาผลสองภพกับท่านแม่นางกลับไป แต่อยู่ดีๆ กลับมีท่านตาที่เก่งกาจเกรียงไกลโผล่มาอีกคน ท่านตานางใกล้จะไม่ไหวเต็มที เขาอยากพบนาง เช่นนั้นก่อนหน้านี้ท่านตานางมัวทำอะไรอยู่

“ข้าไม่อยากพบเขา” เฉียวเวยบอก

“อะไรนะ” ไซน่าฮูหยินตกใจ

เฉียวเวยเอ่ยกับนางด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าขอถามท่าน ตอนนั้นที่ท่านแม่กับท่านพ่อข้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันด้วยดีที่จงหยวน ใช่เขาหรือไม่ที่ส่งคนไปจับตัวท่านแม่ข้ากลับมา”

ไซน่าฮูหยินถอนหายใจยืดยาว “เรื่องในตอนนั้น…อันที่จริงจะโทษท่านตาเจ้าก็ไม่ได้ เจ้าไม่ได้เติบโตในชนเผ่าถ่าน่า จึงไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่ คนของชนเผ่าถ่าน่าไม่สามารถออกจากชนเผ่าได้ ชนเผ่านี้เป็นที่เกิดและที่ตายของพวกเรา หากไปจากชนเผ่า พวกเราจะเหมือนต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่ห่างพระอาทิตย์ จะค่อยๆ แห้งเหี่ยวไปเรื่อยๆ”

ประหลาดเพียงนี้เชียว

เฉียวเวยขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “ไซน่าอิงก็ออกไปมาแล้วไม่ใช่หรือ ยังมีท่านแม่ข้าอีกคน”

ไซน่าฮูหยินบอกว่า “เขากินยาตัวหนึ่งลงไป สามารถออกไปได้ชั่วครู่ชั่วยาม สมัยแม่เจ้าก็เช่นกัน แต่ต่อให้มียามากเพียงใดก็มีเวลาจำกัด ในปีที่เจ้าอายุได้ห้าขวบ ท่านแม่เจ้าก็ทนต่อไปไม่ไหว นางตัดสินใจกลับมาที่ชนเผ่า ท่านพ่อเจ้ากลับมาพร้อมกับนาง แต่น่าเสียดายที่ระหว่างทางไปเจออุทกภัยเข้า ทั้งสองเลยพลัดหลงกัน”

ที่แท้นี่คือเหตุผลแท้จริงที่ท่านพ่อกับท่านแม่นางต้องเดินทางลงใต้

ไซน่าฮูหยินถอนใจเอ่ยว่า “คนในชนเผ่าหาแม่เจ้าเจอ จึงพาแม่เจ้ากลับมา แม่เจ้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้นางทำเรื่องบ้าคลั่งอะไรอีก ท่านตาเจ้าจึงไม่อนุญาตให้นางแอบหนีออกมาอีก”

สายตาเฉียวเวยมืดครึ้มลงเล็กน้อย “เขามาเอาตัวท่านแม่ข้าไปเช่นนี้ ไม่คิดบ้างหรือว่าเด็กห้าขวบอย่างข้าจะเสียใจหรือไม่”

ไซน่าฮูหยินถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ “เด็กน้อย เขาไม่รู้อะไรเลยน่ะสิ ท่านแม่เจ้าทำอะไรบ้างตอนอยู่จงหยวน นางเล่าให้ข้าฟังคนเดียว ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดนางต้องปิดท่านตาเจ้า แต่ในเมื่อข้ารับปากแม่เจ้าแล้วว่าจะเก็บความลับนางให้สนิท ข้าก็ต้องทำตามที่พูด เดิมทีข้าคิดจะให้ความลับนี้ตายไปพร้อมกับตัวข้า แต่ท่านตาเจ้าป่วยเกินจะเยียวยา ดูท่าใกล้จะไม่ไหวเต็มที ด้วยความจนใจข้าจึงต้องบอกเรื่องนี้กับเขา พอเขารู้ว่าที่แท้เขายังมีหลานอยู่ในโลกนี้อีกคน ก็ดีใจจนแม้แต่เทพแห่งสวรรค์เรียกหาก็ไม่สนใจ ดึงดันจะอยู่รอเจ้าที่นี่ให้จงได้

เขาเป็นเพียงชายชราที่น่าสงสาร เด็กน้อย ไปพบเขาหน่อยเถิด”