War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2212
ตอนที่ 2,212 : ข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียน!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นถูกผลักเข้ารอยแยก พลังฝ่ามือมหาประลัยของจ้าวลัทธิบูชาไฟถังซวน ก็พุ่งมาดั่งฟ้าผ่าฟาดทำลายเข้าม่านพลังสีแดงเลือดที่เกิดจากการถัดทอของกระบี่พลังปริศนาอย่างจัง!!
เปรี๊ยงงง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นหล้าอุบัติขึ้น ปรากฏแรงระเบิดน่าพรั่นพรึง ดอกเห็ดหนึ่งเบ่งบานขึ้นเบื้องหน้าม่านพลังดังกล่าว! คลื่นพลังทำลายล้างมหาศาลกระจายออกไปทำลายทุกทิศทาง!!
พริบตานั้นลานว่างก็ถูกคลื่นพลังทำลายล้างกวาดซัดจนกลายเป็นซากปรักหักพัง!
ไม่เพียงเท่านั้นคลื่นกระแทกจากแรงระเบิดดังกล่าว ยังกำจายออกไปทั่วสารทิศ! ป่นปี้ทำลายสรรสิ่งโดยรอบจนราบพนาสูร!!
เรียกว่าในเวลาชั่วพริบตา ลานว่างทั้งคฤหาสน์ครึ่งหนึ่งของถังซวนก็กลายเป็นซากปรักหักพังหาชิ้นดีไม่ได้! ฝุ่นคลีคละคลุ้งตลบไปทั่ว ราวกับโลกาวินาศมาเยือน!!
หากแต่ถังซวนไม่ได้แยแสอันใด
แน่นอนว่าไม่ได้ไม่แยแส เพียงแต่ตอนนี้มันทุ่มความสนใจไปยังสิ่งอื่น…
“อะไรกัน…ปะ…เป็นไปได้อย่างไร?!”
ถังซวนตื่นตระหนกแทบตายแล้ว!
มันผนึกพลังตบฟาดฝ่ามือทำลายล้างออกไป หมายทำลายม่านพลังสีแดงเลือดนั่นเพื่อตับกุมต้วนหลิงเทียน ทว่าที่แหลกลาญก็มีแต่ความว่างเปล่ากับสรรพสิ่งโดยรอบ! ม่านพลังนั่นไม่แม้แต่จะกระเพื่อมสั่นไหว ราวกับไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย!!
ถึงแม้ว่าฝ่ามือเมื่อครู่จะไม่ใช่พลังทั้งหมดของมัน แต่ก็มีอย่างต่ำ 7-8 ส่วน!
ทว่าพลังกว่า 7-8 ส่วนของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน กลับไม่ระคายผิวม่านพลังสีแดงนั่นเลย!!
ม่านพลังสีแดงที่ถักทอร้อยเรียงจากกระบี่พลังสีเลือดนั่นยังอยู่ดี เปล่งแสงเรืองรองกลางหาว!
และด้านในม่านพลังสีแดงเลือดนั้น ตอนนี้พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 รวมถึงรอยแยกที่ฉีกเปิดกลางความว่างเปล่า ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน!
ถังซวนย่อมเห็นทุกสิ่งชัดถนัดตา
“พลังนั่นมัน…เป็นฝีมือผู้ใดกันแน่!?”
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ถังซวนไม่ได้ให้ความสนใจการหายตัวไปของพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 เลย มันได้แต่เหม่อมองม่านพลังสีแดงที่ก่อตัววขึ้นจากกระบี่พลังสีเลือดนับร้อยพันตาลอย ปากพึมพำกล่าวเสียงเครียดอย่างเหลือเชื่อ
ม่านพลังที่ปรากฏอยู่ตรงนั้น คล้ายจะแบ่งแยกโลกออกเป็นสองใบ ราวกับไม่มีทางล่วงล้ำเข้าไปได้เลย!
และต่อให้ถังซวนไม่อยากรู้สึก มันก็ยังรู้สึก!
ม่านพลังสีแดงที่เกิดจากกระบี่พลังสีเลือดนับร้อยพันนั่น มันเปล่งกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงนัก เป็นกลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นปานมันจะล้างผลาญได้ทุกสรรพสิ่งในโลก!
นอกจากนี้หลังจากซัดพลังไปปะทะมาโดยตรง ถังซวน ย่อมตระหนักดีว่าม่านพลังนั่นทั้งทรงพลังทั้งแข็งแกร่งเพียงใด ดั่งจะได้รับทราบถึงความหมายคำ ‘ไร้เทียมทาน’ อย่างแท้จริง!
กล่าวได้ว่า ยอดฝีมือที่ลงมือทำเรื่องนี้ น่ากลัวว่าจะเป็นตัวตนอันทรงพลังเหนือพลังอำนาจของโลกใบนี้ไปแล้ว!
เรื่องนี้ถังซวนย่อมบอกได้ชัดเจน…
เพราะมันเองก็เคยได้สัมผัสกลิ่นอายพลังที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อนเมื่อหลายสิบปีก่อน
เป็นพลังของท่านผู้นั้นที่ร้ายกาจปานเทพเจ้า!
ถังซวนยังจำได้ดีว่าวันนั้นยามท่านผู้นั้นเผยพลังอำนาจออกมา มันหวาดกลัวเพียงใด ร่างของมันสั่นสะท้านเพียงใด และความรู้สึกหนาวจับใจเป็นเช่นไร..
ทันใดนั้นเอง แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ถังซวนกล่าวจบคำ
ซัว!
ม่านพลังทรงกลมที่อุบัติขึ้นจากกระบี่พลังสีเลือดนับร้อยพันนั่น อยู่ๆก็สลายหายไปในความว่างเปล่า สภาพดั่งหมอกควันต้องลม สาบสูญไปต่อหน้าต่อตาถังซวน!
ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
ครู่ต่อมา ก็คงเหลือเพียงถังซวนลอยร่างอยู่ท่ามกลางอากาศเพียงผู้เดียว…
นอกจากมันแล้ว ใต้ฝ่าเท้ามันก็คงเหลือแต่ซากปรักหักพัง
“ฟืดด…”
หลังจากนั้นอยู่นาน ในที่สุดถังซวนก็ฟื้นสติ มันอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
การที่ม่านพลังสีแดงเลือดนั่นสลายหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไร้ร่องรอยนั่น…
มันไม่อาจรู้ดีไปกว่านี้แล้วว่าหมายถึงอะไร…
เพราะนี่หมายความว่า
ม่านพลังที่ปรากฏขึ้นจากยอดฝีมือลึกลับผู้นี้ สมควรลำบากเพียงกระดิกนิ้วเท่านั้น ถึงได้ก่อสร้างทั้งรั้งกลับได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!!
“ลงมือส่งๆง่ายดายปานกระดิกนิ้ว แต่กลับสร้างม่านพลังอันเข้มแข็งได้ถึงระดับนี้…ตัวตนระดับนี้ต่อให้เป็นบนระนาบเทวโลกก็สมควรไม่ใช่ตัวตนธรรมดา!”
ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ลมหายใจของถังซวนก็เปลี่ยนเป็นถี่รัว จากนั้นพักหนึ่งมันก็ค่อยๆกวาดตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง
อย่างไรก็ตาม มันมองหาเท่าไหร่ ก็ไม่พบเจอสิ่งใด
ณ ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
ด้านนอกหมู่บ้านร้างแห้งหนึ่ง…
คว่าก!
พร้อมๆกันกับที่บังเกิดเสียงบางสิ่งฉีกขาด รอยแยกหนึ่งก็อุบัติขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า แถมรอยแยกนี้ยังฉีกขยายกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีความยาวราว 10 หมี่ค่อยหยุดลง!
หลังจากที่มันหยุดขยายตัวแล้ว มันก็เริ่มหดลงอย่างรวดเร็ว
เรียกว่าดั่งสปริงคืนตัวก็ไม่ปาน หลังจากยืดออกแล้วก็หดตัวคืนกลับเร็วไว!
และในระหว่างที่รอยแยกดังกล่าวเริ่มหดตัวรง ก็ปรากฏร่าง 4 ร่างถูกดีดออกมา เป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงกับสตรีที่มีใบหน้าเหมือนกัน 2 คน ทว่าความรู้สึกที่ให้กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และในอ้อมแขนของสตรีหนึ่งในนั้น ก็ได้อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเอาไว้อีกคนหนึ่ง
“ผู้เฒ่าหั่ว!!”
หลังปรากฏตัวออกมาจากรอยแยก ชายหนุ่มในชุดสีม่วงก็หน้าเปลี่ยนสีไปไม่น้อย ยังร่ำร้องออกมาด้วยความเศร้าโศก!
อยู่ๆชายหนุ่มก็ร่ำร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกขนาดนี้ ทำให้สตรีทั้ง 2 ประหลาดใจนัก ทั้งคู่หันไปมองชายหนุ่มชุดม่วงทันที
“นายน้อยท่านเป็นอะไรไป…”
สตรีที่มีลักษณะอ่อนโยนมองชายหนุ่มชุดม่วงด้วยความวิตกกังวล เสียงที่กล่าวถามยังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกสตรีกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง หากแต่ชายหนุ่มชุดม่วงยังแน่นิ่งไม่ตอบสนอง คนยืนแน่นิ่งใบหน้าเผยความเศร้าสลด ร่างยังสั่นเทิ้มระริก ราวกับพบพานความเจ็บปวดถึงขีดสุด
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าเป็นอะไรไป”
สตรีที่ให้ความรู้สึกเย็นชาผู้ที่อุ้มเด็กหญิงคนหนึ่งเอาไว้ พลันหันมองถามชายหนุ่มชุดม่วงออกมาด้วยความสงสัย คิ้วงามย่นยู่เป็นปม
ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ก็คือต้วนหลิงเทียนนั่นเอง
เมื่อครู่นี้เขากับสตรีข้างกายทั้ง 2 รวมถึงเด็กหญิงตัวน้อย ยังอยู่ที่ลัทธิบูชาไฟในภาคตะวันตกของภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…
ทว่าตอนนี้เพียงชั่วพริบตา ทั้งหมดก็มาปรากฏกายในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว…
ทว่าต้วนหลิงเทียนสามารถตระหนักได้ทันทีขณะที่เคลื่อนย้ายมาถึง..
เขาไม่เพียงแต่ขาดการติดต่อกับผู้เฒ่าหั่วเท่านั้น
กระทั่งพันธะเชื่อมต่อระหว่างเขากับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็ขาดหายไป!
เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น ได้ผูกพันธะนายบ่าวกับเขา ตั้งแต่วันแรกที่มันชำระล้างร่างเขา…เรียกว่าพันธะของมันเหนียวแน่นไม่ต่างใดจากพันธะโลหิต ทว่าตอนนี้กลับหายไปแล้ว!
ทันทีที่ตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ ต้วนหลิงเทียนก็คาดเดาเรื่องราวได้ทันที
สมควรเป็นผู้เฒ่าหั่วใช้ออกด้วยวิชาต้องห้ามอะไรบางอย่าง ทำลายเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เพื่อใช้พลังจากการทำลายตัวของเจดีย์บังคับฉีกเปิดรอยแยกมิติระที่เชื่อมหว่างภูมิภาคเบื้องบนกับภูมิภาคเบื้องล่าง! และไม่เพียงแต่จะปกป้องพวกเขาจากพลังทำลายของถังซวน ยังส่งพวกเขากลับมายังภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้!!
หากไม่ใช่การทำลายเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพื่อสร้างพลังบางอย่าง ไหนเลยเขาถึงได้ขาดการติดต่อกับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแบบนี้?
“หากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติถูกทำลาย…ผู้เฒ่าหั่วไม่รอดแน่…”
ตอนนี้ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสะท้านสะเทือนอย่างหนัก
ตั้งแต่ที่ได้รับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติและได้รู้จักกันกับผู้เฒ่าหั่ว อีกฝ่ายคอยช่วยเหลือชี้แนะเขามาโดยตลอด
ทว่าตอนนี้เพียงเพื่อปกป้องเขา ผู้เฒ่าหั่วถึงกับสละชีวิตตัวเอง!
“ผู้เฒ่าหั่ว!!”
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ร่ำร้องออกมาเสียงหลงด้วยความโศกเศร้า ร่างทิ้งตัวทรุดลงคุกเข่า สองตาพร่ามัวมองฟ้าอย่างเลื่อนลอยเพื่อรำลึกทั้งอาลัยวิญญาณผู้เฒ่าหั่ว…ที่สมควรหวนคืนสู่สวรรค์และโลกไปแล้ว…
ถึงแม้ว่าเค่อเอ๋อจะไม่ทราบว่าผู้เฒ่าหั่วที่ต้วนหลิงเทียนเรียกหาเป็นผู้ใด…
อย่างไรก็ตามนางสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดทุกข์ใจของบุรุษนางได้ชัดเจน ดังนั้นนางจึงไปคุกเข่าเป็นเพื่อนข้างบุรุษนางอย่างเงียบงัน
ก่านหรูเยี่ยนได้แต่ยืนงงด้านข้างด้วยใบหน้าว่างเปล่า
นางไม่เพียงแต่สับสนว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้คุกเข่าทั้งเศร้าใจเพียงนั้น ยังไม่เข้าใจอีกด้วยว่าไฉนนางถึงได้มาปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้
“สถานที่แห่งนี้…หรือจะเป็นภูมิภาคเบื้องล่าง?”
ด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินในสวรรค์และโลกของงภูมิภาคเบื้องล่างนั่นเบาบางกว่าภูมิภาคเบื้องบนมาก จึงทำให้ก่านหรูเยี่ยนที่เคยอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างระยะหนึ่งจดจำได้ไม่ยาก
“เค่อเอ๋อ…”
ต้วนหลิงเทียนที่คุกเข่าด้วยความโศกศัลย์ ในที่สุดก็กล่าวออกมาเสียงแหบพร่า “ตอนนี้พวกเราได้กลับมายังภูมิภาคเบื้องล่างแล้ว…และเหตุผลที่ทำไมพวกเราถึงกลับมาภูมิภาคเบื้องล่างจากลัทธิบูชาไฟได้ ทั้งหมดเป็นเพราะผู้เฒ่าหั่วเสียสละตัวเอง…”
“สมควรเป็นท่านผู้เฒ่าหั่วเสียสละตัวเองทำลายห้วงมิติ…เพื่อส่งพวกเรากลับมายังภูมิภาคเบื้องล่าง ทำให้พวกเรารอดพ้นเงื้อมมือจ้าวลัทธิบูชาไฟ!”
กล่าวถึงท้ายประโยคไม่เพียงแต่จะโศกเศร้า ต้วนหลิงเทียนยังทุกข์ทรมานใจนัก
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อก็พอเข้าใจเรื่องราวได้
เข้าใจว่าไฉนบุรุษของนางถึงได้คุกเข่าด้วยความเศร้าโศก ทั้งแหงนมองฟ้าอย่างระทมเพียงนั้น
ที่แท้ทั้งหมดเป็นเพราะคนที่ช่วยส่งพวกนางกลับมายังภูมิภาคเบื้องล่างอย่างปลอดภัยนามว่าผู้เฒ่าหั่วนั้น ได้ทำการเสียสละตัวเองเพื่อใช้กลวิธีบางอย่าง…
“ผู้เฒ่าหั่ว เค่อเอ๋อขอบคุณท่านที่ช่วยนายน้อยกับพวกเรา ขอบคุณท่าน!”
หลังจากนั้นเค่อเอ๋อก็โขกศีรษะให้กับความว่างเปล่าเบื้องหน้า 3 ครั้ง เป็นการคารวะจากใจ กล่าวคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
ถึงแม้เค่อเอ๋อจะไม่เคยพบเจอคนที่เรียกว่าผู้เฒ่าหั่ว กระทั่งไม่รู้ถึงการคงอยู่ของผู้เฒ่าหั่วมาก่อน แต่การกระทำครั้งนี้ของผู้เฒ่าหั่วทำให้นางซาบซึ้งทั้งตื้นตันใจนัก
“ผู้เฒ่าหั่ว?”
หลังได้รับทราบเรื่องราวจากบทสนทนา ก่านหรูเยี่ยนก็พอเข้าใจเรื่องราวได้ เร่งคุกเข่าลงคารวะความว่าง 3 ครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง
มาตอนนี้ความสงสัยในใจของนางก็ได้รับการคลี่คลายแล้ว..
และไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้รู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือภูมิภาคเบื้องล่าง เพราะผู้เฒ่าหั่วในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้กล่าวบอกเอาไว้แต่แรก ก่อนที่จะทำการเสียสละตัวเองกับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เพื่อช่วยทุกคนให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของจ้าวลัทธิบูชาไฟถังซวน โดยการส่งมายังภูมิภาคเบื้องล่าง
ด้วยความรู้ความเข้าใจของต้วนหลิงเทียน ทำให้เขาคิดไปได้แค่สาเหตุนี้เท่านั้น
นอกเหนือจากนี้แล้ว เขาไม่อาจคิดคาดจินตนาการถึงความเป็นไปได้อื่นใดอีกเลย
เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็ขาดการติดต่อกับผู้เฒ่าหั่ว รวมถึงขาดการเชื่อมต่อจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปพร้อมๆกัน…
จากความรู้ของเขา เว้นเสียแต่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติถูกทำลาย หาไม่แล้วพันธะสัญญาระหว่างเขากับเจดีย์ไฉนถึงขาดสะบั้นลงได้?
แต่ความจริงเรื่องราวมันจะเป็นอย่างที่เขาคิดแน่หรือ?
……
ณ ภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ทางตะวันตกไม่ห่างจากเขตลัทธิบูชาไฟ
ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีแดงเลือดนกลอยล่องบนฟ้าสูง เหนือฝ่ามือข้างหนึ่งปรากฏเจดีย์ 7 ชั้นขนาดเล็กลอยล่องอยู่อย่างเงียบงัน
หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่เขาต้องทราบได้ทันที
ว่าเจดีย์ 7 ชั้นที่แลดูงดงามนี้ไม่ใช่ใดอื่น แต่เป็นเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ที่ขาดการเชื่อมต่อกับเขา!