ตอนที่ 856 ชาวบ้านประท้วง
ไป๋จิ่นซิ่วไม่ได้ส่งคนรายงานเรื่องที่จักรพรรดิต้าจิ้นยื่นข้อเสนอเรื่องการสร้างหอบูชาเก้าชั้นและใช้เด็กหญิงชายจำนวนหนึ่งพันคนมาปรุงยาวิเศษเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเหลียงอ๋องให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ ไป๋จิ่นซิ่วกลัวว่าข้างกายของไป๋ชิงเหยียนจะมีแม่ทัพคนอื่นอยู่อีก
หากให้แม่ทัพคนอื่นรู้เรื่องนี้ล่วงหน้า เมื่อพวกเขาเห็นสถาพน่าเวทนาของชาวบ้านระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวง หากบรรดาแม่ทัพเหล่านี้เตรียมใจมาก่อนแล้วพวกเขาจะไม่รู้สึกเห็นใจและสงสารชาวบ้านเหล่านี้เท่าที่ควร มีเพียงให้พวกเขาเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้โดยไม่ทันตั้งตัวเท่านั้นพวกเขาจึงจะรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจชาวบ้านเหล่านี้
ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกโมโหจักรพรรดิต้าจิ้นและหลิวหงมาก “เหลียงอ๋องบุกยึดวังหลวง ควบคุมตัวฝ่าบาทไว้เพื่อสิ่งใดกัน เหลียงอ๋องเป็นคนบอกให้ฝ่าบาทสร้างหอบูชาเก้าขั้นขึ้นมาตั้งแต่แรกหรืออย่างไร เหลียงอ๋องเป็นคนให้ฝ่าบาทรวบรวมเด็กหญิงและชายจำนวนหนึ่งพันคนอย่างนั้นหรือ!”
หากไป๋ชิงเหยียนเดาไม่ผิด จักรพรรดิต้าจิ้นคงใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองกับเหลียงอ๋อง ขอให้เหลียงอ๋องสร้างหอบูชาเก้าชั้นให้เสร็จภายในสิบวันและรวบรวมเด็กจำนวนหนึ่งพันคนให้เขาให้ครบภายในสิบวัน เช่นนี้จักรพรรดิต้าจิ้นจึงจะยกบัลลังก์ให้กับเหลียงอ๋อง
หลิวหงคงเดาออก ทว่า หลิวหงไม่อยากยอมรับว่าจักรพรรดิต้าจิ้นเป็นคนผิด
ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางหลิวหง จากนั้นขึ้นเสียงสูง “แม่ทัพหลิวไม่ใช่คนเขลา แม่ทัพหลิวเดาไม่ออกเลยหรือว่าฝ่าบาททรงใช้เรื่องนี้เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเหลียงอ๋อง”
หลิวหงเม้มปากแน่น ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ใช่แล้ว…เขาเดาได้ ทว่า เขาไม่อยากยอมรับว่าจักรพรรดิต้าจิ้นจะทำเรื่องเช่นนี้
“เจ้าคือผู้ใด” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองคนของทางการที่ถูกดาบของหยางอู่เช่อจี้คอไว้
“ทูล…ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมคือคนของทางการเมืองชุนมู่พ่ะย่ะค่ะ” คนของทางการเอ่ยตอบ
ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ “เด็กที่เหลือถูกขังอยู่ที่จวนว่าการอย่างนั้นหรือ”
คนของทางการพยักหน้าอย่างระมัดระวัง “ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ทัพหลิว ให้กองทัพพักผ่อนอยู่กับที่ไปก่อน ท่านช่วยไปที่จวนว่าการเมืองชุนมู่กับข้าสักรอบเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลิวหง บางเรื่องนางต้องให้หลิวหงได้เห็นด้วยตาของตัวเอง หลิวหงจึงจะเข้าใจ
หลิวหงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ทัพหลินอยู่ควบคุมกองทัพที่นี่ พวกเราจะรีบไปรีบกลับ!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ความจริงหลินคังเล่ออยากตามไปด้วย ทว่า คำสั่งของกองทัพคือประกาศิต เขาจึงได้แต่กำหมัดรับคำ
ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปกล่าวกับสตรีสาวที่ยังคงกอดบุตรทั้งสองของตัวเองไว้แน่น “ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าผู้ใดก็แย่งลูกของเจ้าไปจากเจ้าไม่ได้”
เมื่อเห็นสตรีสาวมองไปทางหลิวหงอย่างลังเล ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวต่อ “ข้าคือคนของตระกูลไป๋ ข้าได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กว่าให้ปกป้องคุ้มครองชาวบ้าน ไป๋ชิงเหยียนขอสาบานด้วยดวงวิญญาณของบรรพบุรุษตระกูลไป๋ หากข้ายังอยู่…จะไม่มีผู้ใดแย่งลูกของเจ้าไปจากเจ้าได้เด็ดขาด!”
หลิวหงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นสตรีสาวผู้นั้นคุกเข่าคำนับไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา เขาเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
ไม่นานไป๋ชิงเหยียน หลิวหงและหยางอู่เช่อก็พาพลทหารม้าร้อยนายเข้าไปในเมืองชุนมู่
กลุ่มของไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันไปถึงประตูจวนว่าการก็ได้ยินเสียงร้องไห้เอะอะโวยวายดังมาจากจวนว่าการเสียก่อน
เมื่อกลุ่มของไป๋ชิงเหยียนและคนของทางการไปถึงจวนที่ว่าการก็มองเห็นกลุ่มคนจำนวนมากกำลังคุกเข่าออกันอยู่ที่หน้าประตูจวนว่าการ บ้างเป็นสตรีวัยกลางคน บ้างเป็นสองสามีภรรยา บ้างเป็นหญิงชรา ทุกคนกำลังคุกเข่าอ้อนวอนขอให้พวกเขาได้เห็นหน้าลูกหลานของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายอยู่ที่หน้าประตูจวนว่าการ เสียงร้องไห้คร่ำครวญน่าเวทนาจนคนได้ยินน้ำตาไหลตามอย่างอดไม่ได้
เมื่อเห็นทหารในชุดออกรบขี่ม้ามายังจวนว่าการ บรรดาชาวบ้านเหล่านั้นนึกว่าทหารเหล่านี้จะมานำตัวลูกหลานของตัวเองไปแล้ว เสียงร้องไห้จึงดังระงมกว่าเดิม หญิงชราที่อายุมากแล้วบางคนร้องไห้จนสลบไป
เสียงร้องไห้ดังระงมทั่วบริเวณภายในพริบตา บรรดาพ่อแม่ของเด็กเหล่านี้ไม่รู้จะทำเช่นไรดี พวกเขาทุบอกของตัวเองพลางคลานเข่าเข้าไปจับขาของทางการเอาไว้ กล่าวว่ายินดีมอบทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดของตัวเองให้ทางการแลกกับการที่ทางการยอมปล่อยตัวบุตรหลานของพวกเขาออกมา หากไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้พวกเขาได้เห็นหน้าบุตรหลานเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี
ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจของหลิวหง เหตุใดต้องบีบให้ชาวบ้านจนมุมถึงเพียงนี้กัน
บุรุษพิการคนหนึ่งลุกขึ้นยืนทั้งน้ำตา เขาใช้ไม้เช้าพยุงกายลุกขึ้นพลางตวาดออกมาเสียงดังลั่น “แม่งเอ้ย! ข้าไปออกรบเพื่อแคว้นต้าจิ้นจนขาพิการเช่นนี้ บัดนี้ฮ่องเต้สารเลวนั่นคิดจะใช้ชีวิตลูกชายของข้าทำเป็นยาวิเศษ เด็กหนึ่งพันคนเชียวนะ! เด็กหนึ่งพันคนต้องสังเวยชีวิตของตัวเองแลกกับการมีชีวิตยืนยาวของฮ่องเต้สารเลว! หากฮ่องเต้สารเลวเช่นนี้มีอายุยืนยาว ชีวิตของพวกเราชาวบ้านจะเป็นเช่นไรต่อไป ทุกคน!…พวกเราลุกขึ้นมาต่อต้านพวกสารเลวนี่เถิด!”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถ้อยคำปลุกใจของบุรุษพิการคนนั้นหรือไม่ ชาวบ้านทั้งหลายจึงพากันลุกขึ้นยืนอย่างฮึกเหิม
“ต่อต้านพวกสวะเหล่านี้!”
“ญาติมิตรทุกคน! ลูกหลานของพวกเราอยู่ในจวนว่าการแห่งนี้ พวกเราลำบากมาทั้งชีวิตก็เพื่อลูกหลานของเราไม่ใช่หรือ พวกเราจะสู้ตายกับพวกสารเลวเหล่านี้! ช่วยเด็กเหล่านั้นออกมาให้ได้มากที่สุด!”
ชาวบ้านพากันรับคำ ทุกคนไม่มีอาวุธเหมือนทางการ ทว่า พวกเขาต่างพากันบุกเข้าไปในประตูใหญ่ของจวนว่าการเพื่อช่วยลูกหลานของพวกเขาออกมาราวกับคนบ้าคลั่ง
บรรดาคนของทางการตกตะลึง ตวาดเสียงดังลั่น “พวกชาวบ้านชั้นต่ำคิดจะกบฏหรืออย่างไร!”
บุรุษพิการที่เคยเป็นทหารมาก่อนถือไม้เท้าเดินไปด้านหน้า จากนั้นยกไม้เท้าตีไปที่ศีรษะของคนของทางการผู้นั้น คนของทางการล้มลงบนพื้นทันที “กบฏอย่างนั้นหรือ! วันนี้ข้าจะกบฏให้เห็นเอง! วันนี้ผู้ใดกล้าขวางทางข้า ข้าจะสังหารมันใหตาย ทุกคนบุกเข้าไปช่วยลูกหลานของพวกเราออกมาเดี๋ยวนี้!”
สิ้นเสียงของบุรุษพิการผู้นั้น บรรดาพ่อแม่ของเด็กที่เอาแต่ร้องไห้อย่างไม่รู้จะทำเช่นไรต่างกรูกันเข้าไปต่อสู้กับคนของทางการอย่างไม่คิดชีวิต หน้าประตูจวนว่าเกิดเกิดความอลหม่านขึ้นทันที
คนของทางการที่นำทางพวกของไป๋ชิงเหยียนมาที่จวนว่าการรีบเข้าไปช่วยห้ามชาวบ้านเหล่านั้น
ม้าศึกของหลิวหงตกใจกับเสียงดังตรงหน้า หลิวหงกระชากบังเหียนแน่น จากนั้นตะโกนบอกไป๋ชิงเหยียนเสียงดังลั่น “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว! จะปล่อยให้ชาวบ้านก่อความวุ่นวายเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อหยางอู่เช่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนยังคงนั่งอยู่บนหลังม้านิ่ง ไม่ออกคำสั่งใดๆ ทั้งสิ้น เขาจึงไม่ขยับกายเช่นเดียวกัน เขาปล่อยให้หลิวหงมองมาทางเขาโดยที่เขาไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้น
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” หลิวหงตะโกนเรียกอีกครั้ง
ไป๋ชิงเหยียนเห็นชาวบ้านกำลังเดือดดาล หญิงสาวกลัวว่าชาวบ้านจะได้รับบาดเจ็บจึงหันไปสั่งหยางอู่เช่อ “แม่ทัพหยาง!”
หยางอู่เช่อพยักหน้ารับคำสั่งแล้วขี่ม้าไปด้านหน้า เขาตะโกนออกมาเสียงดังกังวาน “หยุดเดี๋ยวนี้!”
ทว่า ชาวบ้านเอาแต่เป็นห่วงบุตรหลานที่เอาแต่ร้องเรียกหาพวกเขาอยู่ในจวนว่าการจึงไม่สนใจเสียงตะโกนของหยางอู่เช่อ
เสื้อของทางการถูกกระชากจนขาดวิ่น ชาวบ้านตะโกนร้องให้ทางการเปิดประตูจวน ไม่นานประตูจวนว่าการจึงถูกกระแทกจนพัง ชาวบ้านกรูกันเข้าไปด้านในทันที พวกเขาตะโกนเรียกชื่อลูกหลานของตัวเองทั้งน้ำตา จากนั้นเดินตามเสียงร้องไห้และเสียงร้องเรียกของเด็กๆ ไปยังต้นเสียง
หยางอู่เช่อขี่ม้ากลับมารายงานไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว! ห้ามไม่ไหวพ่ะย่ะค่ะ! ชาวบ้านบุกเข้าไปด้านในหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้นะ ชาวบ้านอาจลุกฮือขึ้นมาประท้วงได้!” หลิวหงรู้สึกหวาดหวั่น
“แม่ทัพหลิวคิดว่าตอนนี้ยังไม่ใช่การประท้วงอีกหรือ” ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้มองไปทางหลิวหง ทำเพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “นี่เป็นเพียงแค่ในเมืองชุนมู่เท่านั้น ไม่รู้ว่าเมืองอื่นๆ ที่มีราชโองการประกาศออกไปจะวุ่นวายเช่นนี้อีกกี่เมือง”
หลิวหงเป็นได้เป็นห่วงเรื่องนี้!
“เร็ว รีบไปตามคนมาเพิ่ม! ต้องหยุดชาวบ้านเหล่านั้นให้ได้ หากปล่อยให้ชาวบ้านพาตัวเด็กเหล่านั้นหนีไปได้ พวกเราจบเห่แน่!” หัวหน้าของทางการตะโกนเสียงดังลั่น
คนของทางการที่นำทางไป๋ชิงเหยียนและหลิวหงมาที่นี่เห็นเหตุการณ์จึงรีบวิ่งเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนและหลิวหง เมื่อเห็นพวกเขาพาทหารม้าหนึ่งร้อยนายมาด้วย คนของทางการจึงโค้งกายคำนับพลางกล่าวขึ้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วและแม่ทัพหลิวหงได้โปรดช่วยเหลือด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”