บทที่ 701 ผ่าตัด (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 701 ผ่าตัด (2)

ตระกูลเซวียนหยวนมีราชาม้าเฮยเฟิงทั้งหมดเป็นม้าตัวผู้ แต่มีม้าตัวเมียตัวหนึ่งซึ่งตั้งแต่เด็กก็แสดงพลังและความเร็วที่ไม่ธรรมดา มันวิ่งได้เร็วกว่าพี่ชายของมันทั้งหมด เมื่ออายุได้สามขวบก็แซงพ่อของตัวเอง เมื่ออายุได้หกขวบก็เอาชนะราชาม้าเฮยเฟิงรุ่นก่อนและกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของหน่วยม้าเฮยเฟิง

มันแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะมันว่าเป็นม้าตัวเมีย

กู้เจียวและกู้เหยี่ยนไม่รู้เรื่องพวกนี้ พวกนางคิดว่ามันเป็นม้าป่วยน่าสงสารที่ถูกเจ้าของทอดทิ้ง

กู้เจียวเอ่ยกับกู้เหยี่ยน “ไปพักผ่อนเถอะ นอนให้พอ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผ่าตัด”

กู้เหยี่ยนตอบรับอย่างว่าง่าย “ได้ เจ้าก็นอนเร็วๆ นะ”

กู้เจียวพยักหน้า “ข้าจะนอนหลังจากฉีดยาให้มันเสร็จแล้ว”

กู้เหยี่ยนลุกขึ้นและเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง

“อาเหยี่ยน ไม่ต้องกลัวนะ” กู้เจียวเอ่ยกับเขา

กู้เหยี่ยนหันกลับมาและยิ้มอย่างมีความสุข “มีเจ้าอยู่ ข้าไม่กลัว”

วันรุ่งขึ้น ทุกคนในเรือนตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่สว่าง

ห้องผ่าตัดได้ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว กู้เหยี่ยนจะได้เข้ารับการผ่าตัดเสียที ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้น

“วันนี้เจ้าทำมื้อเช้าเถอะ” อาจารย์แม่หนานเอ่ยกับอาจารย์หลู่ “ข้าทำอาหารไม่เก่ง เดี๋ยวเจียวเจียวกับอาเหยี่ยนจะท้องเสียเอา”

อาจารย์หลู่คิดในใจ นางรู้ตัวแล้วหรือว่านางทำอาหารไม่เก่ง แล้วเหตุใดยังบังคับให้กู้เฉิงเฟิงกับเจียวเจียวเอาผักดอง ผักแห้งและอาหารอื่นๆ ไปฝากลิ่วหลังกับจิ้งคงอยู่ทุกวัน

อาจารย์หลู่ต้มข้าวเหนียว นึ่งซาลาเปาไส้หมู และทอดแผ่นแป้งโรยต้นหอม กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณบ้าน

กู้เหยี่ยนนั่งลงอย่างงุนงง ยังไม่ทันได้สติ เขาตักช้อนข้าวเหนียวต้มเข้าปาก แต่ถูกกู้เจียวห้ามไว้

“เจ้าต้องอดอาหาร” กู้เจียวเอ่ย

ท้องของกู้เหยี่ยนร้องโครกคราก เขาเอ่ยอย่างน่าสงสาร “แต่วันนี้ท่าทางดูมื้อเช้าอร่อยมากเลยนะ”

อาจารย์แม่หนานหัวเราะเจื่อน

หากรู้แต่แรกให้นางเป็นคนทำยังจะดีเสียกว่า ดูสิดูเด็กหิวแย่แล้ว

เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว กู้เจียวและกู้เหยี่ยนก็ขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปยังตำหนักกั๋วซือ

กู้เจียวยืนกรานไม่ให้ราชาม้าลากรถ แต่ใช้ม้าอีกตัวที่บ้านแทน ผู้อาวุโสเมิ่งก็ขึ้นรถม้าไปด้วย

อาจารย์แม่หนานใจเต้นแรง นางรู้สึกกังวลมาก แม้ว่าจะรู้ว่ากู้เจียวมีฝีมือทางแพทย์สูงส่ง แต่ก็อดกังวลไม่ได้

อาจารย์หลู่ปลอบใจนาง “กู้เหยี่ยนโชคดี สวรรค์คงคุ้มครองเขา ที่สำคัญมีเจียวเจียวอยู่ด้วย เจียวเจียวจะไม่ยอมให้กู้เหยี่ยนเป็นอะไรหรอก”

“ข้า ข้า… ข้ารู้ แต่ข้าก็…” อาจารย์แม่หนานบรรยายความรู้สึกนี้ไม่ถูก

จริงๆ แล้วอาจารย์หลู่ก็เก่งแต่ปาก แต่ลึกๆ แล้วเขาก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน

คนที่ใจเย็นที่สุดกลับเป็นกู้เหยี่ยน

ราวกับว่าคนที่จะไปผ่าตัดไม่ใช่เขา

กู้เสี่ยวซุ่นยืนอยู่ที่หน้าต่างรถเอ่ยกับเขา “เจ้าอย่ากลัวไปเลย ท่านพี่เก่งมากนะ ตอนพี่เขยยังเดินไม่ได้ หมอทุกคนบอกว่ารักษาไม่หาย แต่ท่านพี่ก็รักษาให้หายได้ เจ้าก็จะต้องหายได้เหมือนกัน”

กู้เหยี่ยนกุมหน้าอกเล็กๆ ของเขาพลางเอ่ย “เจ้าว่าแบบนี้ ข้าก็กลัวขึ้นมาบ้างแล้ว”

กู้เสี่ยวซุ่นหน้าซีดเผือด “อะไรนะ”

กู้เหยี่ยนหัวเราะ “ล้อเล่นน่า”

กู้เจียวเอ่ย “เสี่ยวซุ่น อย่าลืมลาจากสำนักบัณฑิตนะ”

กู้เสี่ยวซุ่นตอบรับ “รู้แล้วขอรับ ท่านพี่!”

กู้เสี่ยวซุ่นโบกมือลารถม้า มองดูรถม้าหายลับไปในสุดถนน “ขอให้ทุกอย่างราบรื่นนะ กู้เหยี่ยน”

ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าก็มาถึงตำหนักกั๋วซือ

อวี้เหอรออยู่หน้าประตูมาหลายชั่วโมงแล้ว

เขามองเห็นรถม้าของกู้เจียวและผู้อาวุโสเมิ่งมามาแต่ไกล ทันทีที่ทั้งสองคนลงจากรถ เขารีบเดินไปต้อนรับด้วยท่าทางนอบน้อม “ผู้อาวุโสเมิ่ง ท่านชายเซียว”

กู้เจียวถามเขา “เอ๊ะ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่”

“ข้ามารอพวกท่านอยู่ที่นี่” อวี้เหอเอ่ย

กู้เจียวประหลาดใจ “เจ้ารู้หรือว่าข้าจะมาวันนี้”

อวี้เหอหัวเราะพลางเอ่ย “กั๋วซือท่านบอกข้าแล้ว พวกท่านจะมาถึงก่อนเวลา”

ตานั่นเป็นเทพเซียนหรือไร แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังเดาถูก

เมื่อวานเพิ่งบอกว่าถ้าร่างกายของกู้เหยี่ยนเอื้ออำนวยก็มาผ่าตัดทันที

แล้วเขามั่นใจได้อย่างไรว่าร่างกายของกู้เหยี่ยนไม่มีข้อขัดข้อง

กู้เจียวถามอย่างสงสัย “ท่านกั๋วซือของพวกเจ้าส่งคนมาติดตามข้าเหรอ”

อวี้เหอเอ่ยอย่างอดขำไม่ได้ “ท่านชายเซียวล้อเล่นหรือขอรับ กั๋วซือท่านจะไม่ติดตามท่านชายเซียวหรอกขอรับ ท่านแค่ทำนายทายทักได้ พยากรณ์ฟ้าดิน”

ทำนายทายทักได้ พยากรณ์ฟ้าดินอย่างนั้นหรือ

เอาเถิด เดี๋ยวค่อยมาพิสูจน์เรื่องนี้กัน ตอนนี้ต้องรีบทำการผ่าตัดให้กู้เหยี่ยนก่อน

กู้เหยี่ยนลงจากรถม้า

กู้เจียวเอ่ยแนะนำ “นี่คือเพื่อนของข้า กู้เหยี่ยน ชื่ออาเหยี่ยน นี่คืออวี้เหอ ศิษย์ของตำหนักกั๋วซือ”

ทั้งสองคนทักทายและทำความเคารพกัน

กู้เจียว “ขอบคุณน้องอวี้เหอที่ช่วยนำทาง”

อวี้เหอยิ้ม“ไม่ต้องเกรงใจของรับ”

เนื่องจากประสบการณ์จากเมื่อวาน อวี้เหอจึงจัดให้ศิษย์สองคนเฝ้ารถม้าของกู้เจียวในวันนี้

กู้เจียว “จริงๆ ไม่ต้องก็ได้ เพราะราชาม้าก็ไม่ได้อยู่นี่”

อวี้เหอพาสามคนไปยังห้องส่วนตัวของกั๋วซือ จากคำอธิบายของอวี้เหอ กู้เจียวจึงรู้ว่านั่นเป็นห้องทำงานของกั๋วซือ กั๋วซือทำงานราชการทั้งหมดในห้องนั้น ส่วนเรือนไผ่เมื่อวานเป็นที่พบปะเพื่อนฝูงของกั๋วซือ

“แขกทั้งสามคนที่มาเมื่อวานเป็นคนพิเศษ ดังนั้นจึงพาไปที่นั่น ปกติแล้วทุกๆ เดือน กั๋วซือท่านจะพบปะแขกในตำหนักฉีหลิน

สื่อเป็นนัยว่ากู้เจียวก็เป็นแขกพิเศษคนหนึ่ง

กู้เจียวนึกถึงนักพรตชิงเฟิง ดูท่าทางก็คงเป็นแขกพิเศษ ไม่รู้ว่าสามคนเมื่อวานนั้น พิเศษกันตรงไหนบ้าง

“เมื่อวานแขกคนแรกคือใครหรือ สะดวกบอกข้าไหม ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร”

“คืออันกั๋วกงขอรับ” อวี้เหอตอบอย่างตรงไปตรงมา

“อันกั๋วกง” ผู้อาวุโสเมิ่งคิ้วขมวดเล็กน้อย

“มีอะรึ” กู้เจียวถาม

ผู้อาวุโสเมิ่งอธิบาย “จวนอันกั๋วกงกับตำหนักกั๋วซือเป็นศัตรูกัน เมื่อก่อนอันกั๋วกงบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น ใช้ชีวิตอยู่แบบคนตายมาหลายปี ก็ยังไม่ยอมมาขอความช่วยเหลือจากตำหนักกั๋วซือเลย”

กู้เจียวมองไปที่ผู้อาวุโสเมิ่ง “พวกเขามีเรื่องบาดหมางกันหรือ”

“ก็…น่าจะใช่กระมัง” ผู้อาวุโสเมิ่งมองไปที่อวี้เหอ ไม่รู้แน่ใจว่าที่ตัวเองนินทากั๋วซือต่อหน้าลูกศิษย์จะเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่า

อวี้เหอรู้ทัน จึงเดินนำหน้าไปก่อน

ผู้อาวุโสเมิ่งเอ่ย “จวนอันกั๋วกงกับตระกูลเซวียนหยวนเป็นญาติกัน ว่ากันว่าเมื่อก่อนเรื่องตระกูลเซวียนหยวนก่อกบฏที่เกี่ยวข้องกับตำหนักกั๋วซือ แต่รายละเอียดเป็นอย่างไร ข้าก็ไม่แน่ใจ ชาวบ้านต่างก็เล่าลือกันไปต่างๆ นานา แต่ที่แน่ๆ คือมีคนเห็นท่านชายใหญ่จิ่งทะเลาะกับกั๋วซืออย่างรุนแรง หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็แตกหักกัน”

กู้เจียวนึกถึงชื่อที่หนานกงลี่บอกกับนางก่อนตายอยู่ไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่ผู้อาวุโสเมิ่งถาม “ได้ยินมาว่าท่านมักจะเล่นหมากรุกกับกั๋วซือและถูกกั๋วซือยกย่องให้เป็นแขกผู้มีเกียรติ แต่ท่านกลับไม่รู้สาเหตุเลยเหรอ”

ผู้อาวุโสเมิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “เขาไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องตระกูลเซวียนหยวนเเลย”

“ผู้อาวุโสเมิ่ง ท่านชายเซียว ท่านชายกู้ ถึงแล้วขอรับ” อวี้เหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจากด้านหน้า

สามคนเดินเข้าไปในตำหนักฉีหลิน

อวี้เหอพาผู้อาวุโสเมิ่งไปที่ห้องโถงพลางเอ่ย “ผู้อาวุโสเมิ่งขอรับ กั๋วซือให้ท่านรอที่นี่”

ผู้อาวุโสเมิ่งมองกู้เจียว จากนั้นก็มองไปที่อวี้เหอ “เอาละ ข้าจะรอที่นี่”

อวี้เหอถึงได้เอ่ยกับกู้เจียวและกู้เหยี่ยน “เชิญทั้งสองคนตามข้ามาขอรับ”

สามคนเดินไปที่สุดทางเดิน

ตรงนั้นยังคงมีสองคนเฝ้าอยู่

อวี้เหอยิ้ม “ข้าพาทั้งสองท่านมาส่งได้ถึงตรงนี้ ใต้เท้ากั๋วซืออยู่ข้างใน เชิญทั้งสองขอรับ”

หน่วยกล้าตายทั้งสองคนที่เฝ้าประตู เปิดประตูเหล็กออก

กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อพุ่งเข้าจมูก กลิ่นนี้กู้เจียวทิ้งไว้เมื่อวาน วันนี้กั๋วซือก็จัดการทำความสะอาดห้องผ่าตัดด้วยตัวเองแล้ว

“ข้าไม่ได้จะใช้ห้องนี้หรอก” กู้เจียวมองดูกั๋วซือที่กำลังทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง

กั๋วซือหันกลับมา แววตาอบอุ่นและคาดหวัง เขาเอ่ย “แค่ลองซ้อมมือดูน่ะ”

กู้เจียววางตะกร้าเล็กใบเล็กลง พลางเอ่ยกับกู้เหยี่ยน “นี่คือท่านกั๋วซือแห่งแคว้นเยี่ยน”

กู้เหยี่ยนโค้งคำนับพลางเอ่ย “คาระวะท่านกั๋วซือ”

กั๋วซือพยักหน้าเบาๆ แล้วมองกู้เหยี่ยนอย่างแน่วแน่ “เจ้าคือคนป่วยคนนั้นสินะ ดูภายนอกยังเด็กอยู่ แต่คงต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บมาไม่น้อย ข้าจะช่วยเจ้าเอง”

เขาเอ่ยพลาง แววตาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น “แต่เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าไว้ใจข้า”

กู้เจียวหยิบกล่องยาใบน้อยออกมาจากตะกร้าเล็กๆ “ท่านหมายถึงนิสัยหรือฝีมือทางการแพทย์ ถ้าไม่เกี่ยวกับอย่างแรก ข้าไม่สนใจ แต่ถ้าเกี่ยวกับอย่างหลัง ข้าจะพึ่งตัวเอง”

ว่าจบนางก็วางกล่องยาใบน้อยเข้าไปในผนัง

วินาทีถัดมา กู้เหยี่ยนก็รู้สึกเหมือนมีแสงสว่างวาบเข้ามาในดวงตา ทว่าก่อนที่เขาจะได้เห็นภาพในห้องผ่าตัด เขาก็หมดสติไปในอ้อมแขนของกั๋วซือ

กั๋วซือวางกู้เหยี่ยนลงบนเตียงผ่าตัดอย่างเบามือปลดเสื้อผ้าของกู้เหยี่ยน “บางเรื่อง เขายังไม่รู้ย่อมดีกว่า”

กู้เจียวไม่โต้แย้ง นางหยิบชุดผ่าตัดสองชุด หนึ่งชุดให้กั๋วซือ หนึ่งชุดตัวเองสวม

พรึ่บ!

ไฟผ่าตัดสว่างวาบ

กู้เจียวยกมีดผ่าตัดขึ้น มองเด็กน้อยที่อยู่ใต้แสงไฟอย่างสงบนิ่ง “ยาสลบออกฤทธิ์แล้ว เริ่มผ่าตัดได้”