War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2214
ตอนที่ 2,214 : กลับตำหนักเมฆาคราม!

หลังจากกล่าวถามย้ำอยู่หลายรอบ แม้ผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้แค่ไหน พวกมันก็จำต้องเชื่อเรื่องที่ ถังซวน จ้าวลัทธิบูชาไฟบอก…

“ท่านจ้าวลัทธิ…”

หลังได้ยืนยันเรื่องราวจากจ้าวลัทธิแล้ว สื่อเฟิง ก็มองกล่าวกับถังซวนทันที น้ำเสียงยังจริงจังไม่น้อย “ถึงแม้การกระทำของผู้พิทักษ์หลิงเทียนจะนับว่าละเมิดกฏของลัทธิบูชาไฟเรา และยากจะอภัยให้ได้…ทว่าสำหรับลัทธิบูชาไฟแล้ว คนอยู่ยังดีกว่าเสียไปอย่างยิ่ง…”

“ไม่ต้องกล่าวใดให้มากอาศัยแค่พลังฝีมือของผู้พิทักษ์หลิงเทียนตอนนี้ แม้จะมองไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็นับว่าหาตัวจับได้ยากยิ่ง! หากมีผู้พิทักษ์หลิงเทียนอยู่ ลัทธิบูชาไฟของพวกเราย่อมแข็งแกร่งขึ้นหลายส่วน!”

เมื่อผู้พิทักษ์สื่อเฟิงกล่าวจบ ผู้พิทักษ์อีก 3 คนก็เร่งกล่าวเสริมทันที

“ถูกแล้วท่านจ้าวลัทธิ ถึงแม้ลัทธิบูชาไฟของพวกเราจะมีกฏสำหรับเรื่องนี้เข้มงวดนัก แต่ในฐานะผู้พิทักษ์ ย่อมมีสิทธิพิเศษในการเพิกเฉยกฏได้…ข้าคิดว่าเรื่องนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องลงโทษผู้พิทักษ์หลิงเทียนเพราะล่วงละเมิดธิดาเทพหรอก”

“เรื่องสัมพันธ์ของผู้พิทักษ์หลิงเทียนกับธิดาเทพนั้น แม้จะขัดต่อกฏและจารีตของพวกเรา แต่กล่าวไปก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี ไฉนพวกเราไม่เปิดกว้างเล่า? หากพวกเราเปลี่ยนให้มันกลายเป็นเรื่องมงคลแทนเสีย ครั้งนี้เผลอๆลัทธิบูชาไฟเราอาจมีงานมงคลครั้งใหญ่อย่างที่ยากจะพบพานในประวัติศาสตร์! สามารถร่ำลือกันไปอีกยาวนาน!!”

“ใช่แล้วท่านจ้าวลัทธิ เรื่องนี้ไม่เพียงทำให้ผู้พิทักษ์หลิงเทียนหยั่งรากลึงลงในลัทธิบูชาไฟเรามากขึ้น พวกเรายังได้ธิดาเทพที่มากพรสวรรค์กลับมาอีกคน…”

“ที่สำคัญเลยที่สุดก็คือ ผู้พิทักษ์หลิงเทียนมีตราผนึกมารอยู่ในมือ ยามกองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกขึ้นมา พวกเราลัทธิบูชาไฟย่อมสามารถใช้ประโยชน์จากตราผนึกมารสร้างคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษย์ชาติ!”

เห็นได้ชัดเจนว่าความเห็นของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ที่มีต่อเรื่องราวระหว่างต้วนหลิงเทียนกับธิดาเทพนั้นเป็นเอกฉันท์นัก…ไม่ลงโทษ! ยังจะจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่อีกด้วย!!

“ฮึ่ม! ถึงตอนนี้ข้าจะเปลี่ยนใจจัดงานแต่งให้พวกมัน ก็ทำไม่ได้แล้ว!”

หลังได้ยินวาจาโน้มน้าวของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 จนเคลิ้มไปพักหนึ่ง พอถังซวนตระหนักได้ว่าตอนนี้เรื่องราวเป็นอย่างไร ก็ได้แต่ตะคอกออกมาเสียงเย็น

“หือ?!”

ได้ยินคำตะคอกด้วยความไม่พอใจของถังซวน ผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ก็งุนงงไม่เข้าใจนัก ว่าไฉนถังซวนถึงหัวเสียกล่าวตะคอกออกมาแบบนั้น

“หากข้าเดาไม่ผิด…ตอนนี้ผู้พิทักษ์หลิงเทียนกับธิดาเทพ สมควรย้อนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างแล้ว”

ถังซวนกล่าวต่อออกมาเสียงหนัก

และสาเหตุที่มันคิดแบบนี้ เพราะมีความเป็นไปได้แค่ทางเดียวเท่านั้น

รอยแยกมิติที่เปิดขึ้นภายในม่านพลังสีแดงเลือดนั่น เห็นได้ชัดว่าถูกกระบี่พลังสีแดงเลือดเล่มหนึ่งฉีกเปิดออก แน่นอนว่าไม่ใช่อะไรที่เหมือนกันกับระนาบเทียมที่เหลือทิ้งไว้ด้วยยอดคนครึ่งก้าวเซียนอมตะ

หากเป็นระนาบเทียมที่เหลือไว้ด้วยฝีมือยอดคนครึ่งก้าวเซียนอมตะจริง ไฉนมันจะไม่รู้ว่ามีอยู่?

เพราะสุดท้ายแล้วที่นี่ก็คือสถานที่บ่มเพาะของมัน!

เช่นนั้นมันจึงคาดเดาไปว่า

ต้วนหลิงเทียน ธิดาเทพ ก่านหรูเยี่ยนรวมถึงลูกสาวของต้วนหลิงเทียนกับธิดาเทพ ไม่พ้นต้องข้ามรอยแยกมิตินั่นกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างแล้วแน่นอน

“ภูมิภาคเบื้องล่าง?”

ได้ยินคำของถังซวน ผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ได้แต่งุนงงสงสัยอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันนั้น

ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

ด้านนอกหมู่บ้านร้าง ต้วนหลิงเทียนที่คุกเข่าอยู่ ในที่สุดก็ลุกขึ้นมา

ขณะที่ลุกขึ้น ต้วนหลิงเทียนยังประคองเค่อเอ๋อที่คุกเข่าอยู่ข้างๆให้ลุกขึ้นมาด้วย

“ผู้เฒ่าหั่ว…”

ต้วนหลิงเทียนที่กุมมือเค่อเอ๋อไว้ หันไปมองฟ้าเวิ้งว้าง กล่าวพึมพำเบาๆ “ขอท่านอย่าได้กังวล หนึ่งชีวิตของข้าต้วนหลิงเทียนที่ท่านสละตัวช่วยเหลือมา…ข้าจะทะนุถนอมหวงแหนมันให้มากที่สุด!”

กล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็โค้งคำนับให้ฟ้าว่างอีกครั้ง

เค่อเอ๋อเองก็โค้งตาม

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้แต่คิดไปว่าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไม่พ้นถูกทำลายไปแล้ว และผู้เฒ่าหั่วที่อยู่ด้านในก็คงยากจะรอดชีวิตไปได้…

แต่เขาไม่อาจคิดฝัน

ไม่เพียงแต่ผู้เฒ่าหั่วจะยังไม่ตายเท่านั้น เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติยังอยู่ดี ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน!

พันธะระหว่างเขากับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เพียงถูกตัวตนอันทรงพลังจากระนาบเทวโลกผู้หนึ่งตัดสะบั้นไปเท่านั้น!

ตัวตนอันทรงพลังที่มีความสามารถท่องทะลวงไปในห้วงมิติผู้นั้น ลำบากเพียงห้วงคิดก็สามารถทำลายพันธะสัญญาระหว่างเขากับเจดีย์ลงได้ง่ายๆ!

และตอนนี้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติรวมถึงผู้เฒ่าหั่ว ก็ถูกตัวตนอันทรงพลังผู้นั้นนำกลับไปยังระนาบเทวโลกเรียบร้อยแล้ว

“นี่ พวกเราก็อยู่ที่นี่มาสักพักแล้วนะ…”

ตอนนี้เองก่านหรูเยี่ยน ที่ยืนอยู่ไม่ไกลต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าว “ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันดี ข้าเกรงว่าสถานการณ์ในภูมิภาคเบื้องล่างก็ไม่น่าจะสงบสักเท่าใด…”

นางเองก็ได้ยินข่าวที่ต้วนหลิงเทียนเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะชนที่นครแห่งบาปดี จึงรู้ว่าตอนนี้ เผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศ ได้ทำลายม่านพลังฉาบกั้นช่องว่างของกำแพงมิติกั้นแดน และบุกรุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้แล้ว

“กลับไปตำหนักเมฆาครามกันก่อน”

ต้วนหลิงเทียนตอบออกมาทันทีหลังได้ยินคำถามของก่านหรูเยี่ยน

หากจะบอกว่า…ก่อนหน้านี้ก่านหรูเยี่ยนเพียงรู้ว่าตำหนักเมฆาครามเป็นเพียงขุมพลังกึ่งชั้น 3 ในภูมิภาคเบื้องล่างเท่านั้น ส่วนเค่อเอ๋อก็ไม่รู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับตำหนักเมฆาครามเลย…

แถมทั้งคู่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้วนหลิงเทียนเป็นนายน้อยของตำหนักเมฆาครามล่ะก็…

ต่อมาหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนมีชื่อเสียงเลื่องลือในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เรียกว่าประวัติความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนก็ได้ถูกผู้คนขุดคุ้ยจนละเอียดยิบ!

ทำให้ตอนนี้ก่านหรูเยี่ยนกับเค่อเอ๋อได้รับทราบตัวตนและฐานะของต้วนหลิงเทียนในภูมิภาคเบื้องล่างกระจ่างชัด!

“นายน้อย…ในเมื่อท่านเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม เช่นนั้นท่านป้าหลัวก็อยู่ที่ตำหนักเมฆาครามด้วยหรือ?”

เค่อเอ๋อมองถามต้วนหลิงเทียน

ขณะเดียวกันแววตาของนางก็ฉายชัดออกมกาถึงความกังวล

ในใจของนางยึดถือป้าหลัวเป็นดั่งมารดาแท้ๆมานานแล้ว

“ก่อนหน้านี้ใช่ แต่ตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา แววตายังฉายชัดถึงความกังวลอย่างไม่รู้ตัว

เพราะสุดท้ายแล้วเขาเองก็พึ่งได้ย้อนกลับมายังภูมิภาคเบื้องล่าง หลังจากได้รับทราบข่าวเรื่องเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้ามา…

สำหรับสถานการณ์ความเป็นไปของภูมิภาคเบื้องล่างตอนนี้ เขาไม่รู้เลย…

อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่เขารู้…

ต่อหน้ายอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เกรงว่าคนของภูมิภาคเบื้องล่างไม่มีแม้แต่หนทางจะต่อต้าน!

ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ยังอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่าง ก็คือผู้ฝึกตนที่พลังฝึกปรือยังต่ำกว่าขอบเขตเซียนนภาทั้งสิ้น

ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทั้งแดนดิน แทบจะไปกระจุกอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนกันหมด!

“หมู่บ้านนี้มัน…”

เมื่อต้วนหลิงเทียนลองตรวจสอบหมู่บ้านร้างเบื้องล่างดู เขาก็พบว่าทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยซากศพแห้งกรัง

ซากศพเหล่านี้สภาพของมันราวกับถูกดูดกลืนทุกสิ่งจนแห้งเหือด

“นี่น่ะเหรอการลงมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศ…”

ได้เห็นซากศพที่แห้งกรังเหล่านี้ ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว “ช่างอำมหิตนัก…”

ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินกลวิธีการลงมือของเหล่าปีศาจมาบ้างแล้ว..

ตอนนี้พึ่งจะมาได้เห็นกับตาตัวเอง

วิธีการลงมือของพวกมันแทบจะไม่ต่างใดจากวิธีการลงมือของผู้ฝึกมารชั่วร้ายไร้มนุษย์ธรรมที่เขาเคยได้ยินมาก่อนจะขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบน

พวกมันจะดูดกลืน แก่นแท้ ปราณโลหิต พลังชีวิตทั้งหมดของผู้คนจนแห้งเหือด เพื่อใช้ในการเพิ่มพูนพลังความแข็งแกร่งของตัวเอง

ขณะเดียวกันด้านเค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยนก็เริ่มสำรวจเรื่องราวโดยรอบเหมือนต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะพบเจอซากศพแห้งเหี่ยวไปทุกทั่วหัวระแหง คนในหมู่บ้านทั้งหมดตกตายในสภาพน่าอนาถดุจเดียวกัน

“นายน้อย นี่มัน…”

เค่อเอ๋อหลับตาลงเพราะไม่อาจทนมองได้ไหว เสียงกล่าวยังสั่นไปไม่น้อย

“ไม่ผิดแน่ คนในหมู่บ้านแห่งนี้สมควรถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศฆ่า…”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงหนัก

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนกล่าวกันว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจโหดเหี้ยมไร้มนุษย์ธรรม…พอข้ามาได้เห็นวันนี้ นับว่าพวกมันชั่วสมคำร่ำลือจริงๆ…”

ใบหน้าก่านหรูเยี่ยนเองก็เหยเกไปไม่น้อย

เพราะสุดท้ายแล้วซากศพผู้คนที่นอนตายอยู่เหล่านี้ ก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับนาง

“อย่าพึ่งปลุกซือหลิง…พวกเรากลับไปตำหนักเมฆาครามกันก่อน”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำก็วูบร่างไปหาก่านหรูเยี่ยน

ไม่ทันกล่าวบอกอะไรก่านหรูเยี่ยน เขาก็คว้าตัวต้วนซือหลิงที่ก่านหรูเยี่ยนอุ้มอยู่ เอามาอุ้มไว้ด้วยตัวเอง

แต่ต้องกล่าวเลยว่า

แม้ต้วนหลิงเทียนจะลงมือฉับไว หากทว่าความเคลื่อนไหวนั้นช่างอ่อนโยนแผ่วเบาดั่งเมฆเคลื่อนน้ำไหล ไม่ได้ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยตื่นขึ้นมาแต่อย่างไร

“เจ้า…”

เมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนได้ชิงหลานสาวออกไปจากอกโดยไม่บอกสักคำ ก่านหรูเยี่ยนย่อมรู้สึกไม่พอใจทั้งมีโมโหเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปยังต้วนหลิงเทียน และพบว่าอีกฝ่ายกำลังอุ้มทั้งมองเด็กหญิงด้วยสายตาอ่อนโยน ความไม่พอใจและความโกรธเล็กๆของนางก็หายสาบสูญไปทันที

ตอนนี้นางพึ่งนึกได้ว่า

ชายผู้นี้ก็คือบิดาของหลานสาวนาง

เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วตั้งแต่หลานนางถือกำเนิดออกมา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวได้พบกัน

พอลองแทนตัวววเองในมุมมองของต้วนหลิงเทียน นางก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรอีกต่อไป

“เค่อเอ๋อ…ที่ผ่านมา ลำบากเจ้าแล้ว…”

ต้วนหลิงเทียนที่อุ้มลุกสาวไว้วงแขนข้างหนึ่ง เดินเข้าไปหาเค่อเอ๋อก่อนที่จะกุมมือนางเอาไว้แน่น กล่าวออกเสียงเบา

“ไม่…ไม่ลำบากอันใด…นายน้อย…ข้าไม่ลำบากเลย”

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื้นตันในใจ หยาดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอท่วมตากลมที่งามดั่งสารทของนาง

“จากนี้ไป…อย่าได้เรียกข้าว่านายน้อยอีกเลย…”

ต้วนหลิงเทียนปล่อยมือที่กุมมือเค่อเอ๋อไว้ กก่อนีท่จะรั้งนางเข้ามาในอ้อมอก ค่อยฝังใบหน้าลงเรือนผมของนาง

“ตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาของข้า ข้าไม่อยากได้ยินเจ้าเรียกแบบนั้นอีกแล้ว…ข้าหวังว่าจะได้ยินเจ้าเรียกข้าว่านายน้อยแบบเมื่อครู่เป็นครั้งสุดท้าย…”

วาจาประโยคท้ายของต้วนหลิงเทียนคราวนี้ เต็มไปด้วยน้ำเสียงดุแกมสั่งมากอำนาจ ไม่เปิดช่องให้โต้แย้งแม้แต่น้อย!

ครั้งนี้ไม่ทำเสียงดุบ้างไม่ได้!

แต่ก่อนเขาเคยบอกเค่อเอ๋อไปหลายรอบแล้วว่าให้เลิกเรียกเขาว่านายน้อยเสียที แต่นางก็ไม่ชินและเผลอกลับมาเรียกแบบเดิมทุกครั้ง!

ก็ใช่ที่ว่ามีเหตุผลที่ทำให้เค่อเอ๋อชินกับการเรียกแบบนั้น

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาไม่อยากได้ยินเค่อเอ๋อเรียกเขาแบบนั้นอีกแล้ว

เขาไม่ใช่เจ้านาย และนางไม่ใช่ข้ารับใช้!

เขาเป็นสามีของนาง!

“เจ้าค่ะ…”

ได้ยินต้วนหลิงเทียนเรียกนางว่า ภรรยา ร่างบางเค่อเอ๋อสะท้านไปทันที หยาดน้ำตาแห่งความปิติหลั่งรินลงมารดแก้มสองสาย นางพยักหน้ารับอย่างเชื้อฟัง กล่าวตอบเสียงเบาด้วยสองแก้มแดงระเรือ “จากนี้ไป…ข้าจักเรียกท่านว่าพี่เทียน…”

“ดี…!”

ได้ยินคำของเค่อเอ๋อ รอยยิ้มอบอุ่นพลันคลี่กางบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนทันที ขณะเดียวกันเขาก็กระชับวงแขนกอดเค่อเอ๋อให้แนบแน่นมากขึ้น

ก่านหรูเยี่ยนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เมื่อได้เห็นภาพครอบครัวอบอุ่นกอดกัน 3 คน รอยยิ้มยินดีพลันคลี่กางขึ้นมาบนใบหน้าเย็นชาเช่นกัน

นางย่อมมีความสุขกับน้องสาวฝาแฝดของนาง