บทที่ 867 จดหมาย

บทที่ 867 จดหมาย

ฉีเสี่ยวฟางเป็นคนไม่มีความมั่นใจมาโดยตลอด สาเหตุก็คือการกินเยอะเกินไป ถึงจะอยู่มหาวิทยาลัยมานานกว่าปี แต่ปริมาณอาหารการกินของตัวเองดูเหมือนจะไม่ลดน้อยลงเลย

หลายครั้งที่เวลาออกไปกินข้าวจะต้องกินซาลบาเปาก่อนสองลูก เพราะไม่กล้ากินเยอะตามที่ใจอยาก

“จริง ๆ พูดมาตรง ๆ ก็ได้นะเสี่ยวฟาง เวลาเรากิข้าวก็ต้องกินให้อิ่มสิ ขอแค่เธอตั้งใจทำงาน เงินเดือนที่ให้มันก็ไม่ได้ลดลงเพราะเธอกินเยอะหรอกนะ”

เสี่ยวเถียนยิ้ม “แถมการกินเยอะไม่ได้ผิดอะไรด้วย มันก็คือสิ่งที่ทำให้คนดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่ใช่เหรอ?”

เพื่อน ๆ ในห้องดีต่อเธอมาก เธอก็ต้องตอบแทนเช่นกัน มันน่าอึดอัดกว่าอีกหากต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครน่ะ

ฉีเสี่ยวฟางฟังแล้วก็สบายใจขึ้นเยอะมาก

ส่วนเพื่อนอีกสามคนที่ฐานะทางบ้านดีอยู่แล้วนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องทำงานเลย

เมื่อเพื่อน ๆ เห็นเด็กหญิงอารมณ์ดีขึ้นแล้ว จึงเอ่ยเรื่องที่เจ้าตัวไม่ได้เข้าเรียนกว่าหนึ่งเดือนแต่ยังสอบได้ที่หนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอิจฉาจริง ๆ

จ้าวหงเหมยจงใจแกล้ง

ตามมาด้วยเสียงโวยวายและเฮฮาตามหลัง บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาเช่นเคย

จากนั้นเสี่ยวเถียนเอ่ยชวนทุกคนไปกินข้าวด้วยกันอีกรอบ

คราวนี้ไม่มีใครปฏิเสธเลย

“เสี่ยวเถียนสอบได้อันดับหนึ่งโดยไม่ต้องเข้าเรียนนะ เรื่องแบบนี้ต้องฉลองสิ” จ้าวหงเหมยพูดออกมา

ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ที่เราเข้าเรียนอยู่ทุกวันมันเสียเวลาหรือเปล่าเนี่ย?

“ทำไมมหาลัยต้องให้เสี่ยวเถียนสอบนอกตารางด้วยนะ? ถ้าไม่อนุญาตป่านนี้มีคนได้ที่หนึ่งไปแล้ว!”

ฉู่เยว่จิกกัด

ถ้าไม่ให้สอบนอกตาราง แล้วจะรอให้ซ้ำชั้นหรือไง?

แต่เสี่ยวเถียนรู้ว่าเพื่อนแค่แกล้งเล่น

“เก็บของเถอะ พวกเราจะได้ไปกันสักที!” เธอมองเพื่อนก่อนจะเอ่ย

ฉีเสี่ยวฟางรีบบอก “เดี๋ยวฉันไปซื้อซาลาเปาที่โรงอาหารก่อนนะ”

ด้วยความตะกละของตัวเอง หากไปกินข้าวที่หออีหมิงอาจจะต้องเสียเงินเยอะ แม้ว่ามันจะเป็นอาหารจากบ้านเสี่ยวเถียนก็ตาม

เพราะทุกครั้งที่เสี่ยวเถียนเชิญเราไปกินข้าวทีไร เธอจะจ่ายเงินให้พี่สะใภ้ตลอด

จากที่เสี่ยวเถียนบอก พวกเราพี่น้องจะได้ไม่บาดหมางกัน

“ไม่จำเป็นหรอกเสี่ยวฟาง เราไม่ได้เพิ่งเจอกันแค่วันแรกนะ แถมวันนี้ก็ไม่มีคนนอกด้วย”

พวกจ้าวหงเหมยสนับสนุนอีกแรง

“ถ้าเธอนัดไปกินข้าวกับคนอื่นจะกินไปก่อนสักหน่อยก็ได้นะ เผื่อรักษาภาพลักษณ์ความเป็นผู้หญิง แต่ถ้าอยู่กับเราไม่ต้องอายหรอก!”

ฉีเสี่ยวฟางยิ้มขื่น มีใครที่ไหนไม่รู้บ้างล่ะว่าเด็กสาวจากคณะภาษาจีนคนนี้กินเยอะ?

เธอยังเหลือความเป็นผู้หญิงอีกเหรอ?

แต่ก็เข้าใจที่เพื่อนบอกนั่นแหละ

หลี่หลินหลินดีใจมากตอนเห็นเสี่ยวเถียนมากับเพื่อน ๆ

เธอรีบเชิญน้องสะใภ้เข้าไปในห้องอาหาร

วันนี้เรามาเร็ว ห้องส่วนตัวเลยว่างอยู่

“พี่สะใภ้ ท้องพี่ใหญ่ขึ้นนิดหน่อยแล้วนะคะ!” เธอมองท้องกลม ๆ ของอีกฝ่ายก่อนจะยกยิ้ม “ช่วงนี้หลานชายหนูดื้อหรือเปล่าคะ?”

พี่สะใภ้ยิ้มก่อนลูบท้อง “เด็กคนนี้ไม่ดื้อเลย ไม่ทำให้พี่ลำบากด้วย”

“หนูว่าพี่หาแม่ครัวสักหน่อยดีกว่านะคะ พอท้องใหญ่ขึ้นแล้วจะทำงานลำบากนะ”

ถึงสุขภาพจะดีขึ้นแล้วแต่เธอท้องอยู่ จึงไม่ควรทำงานหนักเกินไป

“พี่จ้างแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ยังทำเองได้อยู่น่ะ พี่คำนวณวันคลอดแล้วตรงกับช่วงเธอหยุดพอดีเลย”

เธอจะคลอดในวันที่ 20 มกราคม ตรงกับวันหยุดของทางมหาวิทยาลัยพอดี ธุรกิจร้านจะสบายขึ้น เธอไม่อยากเสียเวลาเพราะติดคลอดน่ะ

เสี่ยวเถียนพยักหน้า “วันนี้เสิร์ฟอาหารตามที่เคยทำให้พวกหนูนะคะ แต่ขอเยอะขึ้นอีกหน่อยค่ะ”

หลี่หลินหลินยิ้มอย่างรู้ทัน “เข้าใจแล้ว แต่วันนี้ไม่อนุญาตให้ออกค่าข้าวนะ เดี๋ยวพี่จ่ายให้เอง!”

พี่สะใภ้ดีต่อเธอทุกอย่าง แต่เสียอย่างเดียวคือถ่อมตัวเกินไป เราพูดเสมอว่าเรื่องเงินทองแม้แต่พี่น้องก็จะต้องคิดให้ถี่ถ้วน เราจะเอาเปรียบครอบครัวพี่ใหญ่ไม่ได้นะ

ถึงพี่หลินหลินจะไม่ให้เธอจ่ายค่าข้าว แต่สุดท้ายเสี่ยวเถียนก็แอบวางเงินให้อยู่ดี

เธอไม่อยากทะเลาะกับครอบครัวพี่ใหญ่ด้วยปัญหาเงิน ๆ ทอง ๆ หรอกนะ

มันทำเอาหลี่หลินหลินหนักใจ ที่เธอตั้งใจมาเปิดหออีหมิงที่นี่ก็เพื่อดูแลเสี่ยวเถียน แต่น้องสะใภ้กลับจ่ายค่าข้าวให้ทุกรอบ มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเลย

โส่วเวินก็เลยบอกว่าเก็บเงินมาก่อน แล้วค่อยซื้อของขวัญคืนน้องทีหลังก็ได้ ดังนั้นข้อสรุปเป็นอันสิ้นสุด

หลังจากนั้นเธอก็เลิกบังคับน้อง

แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่น้องสะใภ้มากินข้าวหลังกลับจากใต้ ในฐานะพี่สะใภ้นั้นเธอรับเงินนั้นไว้ไม่ได้หรอก

“ถ้างั้นรบกวนพี่สะใภ้ด้วยค่ะ” สุดท้ายเสี่ยวเถียนก็ยอมรับน้ำใจ

กินแค่ครั้งคราวก็พอแล้วละ

แค่อย่ากินฟรี ๆ ก็พอ

ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก็ดี แต่ถ้าบาดหมางขึ้นมาเมื่อไรคงอยากจะแก้ไขได้ เธอยังอยากไปเที่ยวกับพี่ และเป็นพี่น้องที่สนิทกันตลอดไปนะ

หลังจากนั่งลง ระหว่างรออาหารพวกเด็ก ๆ พูดคุยกันสนุกสนาน

อาหารที่หออีหมิงอร่อยมาก แต่ราคาก็แพงเช่นกัน ปกติแล้วเราไม่ได้กินบ่อย ๆ

เสี่ยวเถียนคิดถึงฉืออี้หย่วนเป็นบางครั้ง แต่ก็ยอมรับความจริงได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว และช่วงเวลาเหล่านี้ก็ทำให้ได้รู้ว่ารอบกายมีผู้ชายที่อยู่รายล้อมมากขนาดไหน

เสี่ยวเถียนเริ่มทุกข์ใจ เธอเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง?

สุดท้ายพี่รองก็เป็นฝ่ายไล่พวกมดพวกแมลงออกไป

ตลกแล้ว น้องยังต้องได้รับการดูแลอยู่นะ จะปล่อยให้หมาบ้าพวกนั้นมันคาบไปได้ยังไง?

สองเดือนต่อมาเสี่ยวเถียนได้รับจดหมายฉบับแรกจากฉืออี้หย่วน ในนั้นเขียนว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี มีหลาย ๆ อย่างที่ยังไม่ชินแต่ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เขาสอบเข้าผ่านแล้วและกำลังเริ่มเรียน

จากนั้นก็บอกว่าจะพยายามเรียนให้จบภายในสองปีครึ่ง ถึงจะไม่มีประโยคไหนบอกว่าคิดถึง แต่อ่านจากเนื้อหาก็รับรู้ได้ว่าเขาคิดถึงตัวเองแค่ไหน

เสี่ยวเถียนเขียนจดหมายแล้วส่งกลับตามที่อยู่นั้น เธอเล่าแค่เรื่องน่าสนใจที่มหาวิทยาลัยและที่บ้านให้ฟัง ก่อนย้ำว่าคุณปู่ฉือสบายดี จะช่วยดูแลเขาให้แทนและไม่ปล่อยให้แกเหงาด้วย สรุปแล้วตั้งใจเรียนไปก็พอ ไม่ต้องห่วงเรื่องทางฝั่งนี้

เธอเขียนอยู่สามวัน หลังจากเสียกระดาษไปมากมายในที่สุดก็พอใจแล้ว