War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2225
ตอนที่ 2,225 : ข้อบกพร่อง
แทบจะในทันทีที่หวงฉี่หลิงกล่าวจบคำ
“ฮึ่ม!”
นายน้อยวังเซียนสัญจรขอบเขตเซียนสวรรค์ 5เปลี่ยน พลันแค่นสบถออกมาเสียงเย็น หันมองไปยังหวงฉี่หลิง พร้อมกล่าวออกมาเสียงหนัก “หวงฉี่หลิง กระทั่งตอนนี้เจ้ายังกล้าให้ท้ายคนนอกอยู่อีก!!”
“อย่าได้ลืมไปว่าหลินฉีกังกับซือถูอวี่จี๋ล้วนเป็นศิษย์วังเซียนสัญจรของพวกเรา…แต่ตอนนี้เจ้ายังกล่าวแก้ตัวให้คนนอกอีกหรือ หรือเจ้าคิดเอาใจออกห่างวังเซียนสัญจรของเรา!?”
สองตาเหอเซินเจี๋ยทอประกายชั่วร้าย เร่งกล่าวออกเสียงดังด้วยสีหน้ามั่นใจ
“น้องเหวินจิ้ง!”
ทว่าเมื่อเหอเซินเจี๋ยหันไปมองร่างบางกลางฟ้าอีกครั้ง สีหน้ามั่นใจมันก็สลดลงทันใด กลาวออกด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “เจ้าต้องคืนความเป็นธรรมให้หลินฉีกังกับซือถูอวี่จี๋นะ! ล้างแค้นคนนอกสารเลวนั่น…อย่าได้ให้พวกมันต้องนอนตายตาไม่หลับ!!”
ในตาของเหอเซินเจี๋ยไม่ทราบปรากฏน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ลึกลงไปในแววตากลับเผยประกายเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย!
ในขณะที่สีหน้าของหวงฉี่หลิงกำลังมืดลงเพราะได้ยินคำฟ้องทั้งเห็นสีหน้าเสแสร้งของเหอเซินเจี๋ยนั้นเอง…
“พอที!”
เสียงไพเราะอันเย็นชาหนึ่งพลันดังขึ้น พาลให้ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกหนาวไปถึงไขกระดูก
เสียงดังกล่าวดังขึ้นจากร่างบางในชุดขาววราวหิมะ อย่างไรก็ตามขณะกล่าวนางยังคงหันหลังให้ผู้คน…
แต่เมื่อกล่าวจบในที่สุดร่างบางก็ค่อยๆหันกลับมาช้าๆ ค่อยๆเปิดเผยรูปโฉมให้ผู้คนได้แลเห็น
รูปโฉมอันงามเฉิดฉันท์ปานถูกทวยเทพรังสรรค์ขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจงค่อยๆเผยให้ทุกผู้คนแลเห็นชัดถนัดตา สะกดทุกลมหายใจของผู้คนให้หยุดลง!
งดงาม!
ช่างงดงามพิลาศล้ำเหลือเกิน!
เห็นรูปโฉมอันงดงามของร่างบางในชุดขาวราวหิมะ ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคิดไปดุจเดียวกัน
โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียนที่บังเกิดความรู้สึกดังกล่าวรุนแรงที่สุด!
นั่นเพราะไม่ว่าจะเป็น ลี่เฟย เค่อเอ๋อ กระทั่งสตรีรู้ใจอย่างเฟิ่งเทียนหวู่ ก็ล้วนเป็นโฉมงามอันดับต้นๆทั้งสิ้น!
และสตรีนางนี้ หากมองกันในแง่ของความงามแล้ว เรียกว่าไม่น้อยหน้าเค่อเอ๋อ ลี่เฟย และเฟิ่งเทียนหวู่เลย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกเย็นชา สูงส่ง ปานจะผลักไสผู้คนให้ถอยหนีไปนับพันลี้นั่น เป็นอะไรยากที่บุรุษทั่วไปจะหาญกล้าเข้าหา!
หากแต่สำหรับบุรุษที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงส่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ใคร่ปรารถนาอยากสยบพิชิตนางทั้งสิ้น!
ต้วนหลิงเทียนเองก็บังเกิดความคิดเช่นนั้นขึ้นมาไม่ต่าง
นี่เป็นความปรารถนาตามสัญชาตญาณของบุรุษเพศ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคนที่มั่นใจในตัวเอง ย่อมไม่อาจกล่าวได้ว่าเขาไม่สนใจนาง
หากแต่เพียงความปรารถนาดังกล่าวปรากฏขึ้นไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงภรรยาทั้ง 2 ขึ้นมา และเสมือนถูกน้ำเย็นถังหนึ่งราดรดลงศีรษะก็ไม่ปาน สติสตังถูกปลุกให้ตื่นทันที!
‘นี่น่ะเหรอ หวงเหวินจิ้ง โฉมงามอันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจมนุษย์…นับว่าสมคำร่ำลือเสียจริง’
มองไปยังสตรีในชุดขาวราวหิมะอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนอดที่จะชื่นชมนางไม่ได้
ทว่าไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบว่า
สองตางามใสของโฉมงามอันดับ 1 แห่งเผ่าปีศาจมนุษย์กำลังจับจ้องมาทางเขาอย่างเยียบเย็น
“เจ้าช่างกล้านัก กระทั่งคนในวังเซียนสัญจรยังกล้าฆ่า…”
หวงเหวินจิ้งมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสงบ ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวอารมณ์ใดๆแฝงเร้น
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นและเตรียมกล่าวตอบนั้นเอง
“น้องเหวินจิ้ง!”
หวงฉี่หลิงพลันก้าววออกมาอีกครั้ง มองพูดกับหวงเหวินจิ้งด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องราวทั้งหมดทุกคนในที่นี้สามารถเป็นพยานได้…หากเหอเซินเจี๋ยกับพวกทั้ง 3 มิได้หาเรื่องน้องหลิงเทียนก่อน ไหนเลยน้องหลิงเทียนจะไปลงมือกับพวกมันได้!”
“อะไร? ท่านยังต้องการปกป้องมัน?”
สีหน้าของหวงเหวินจิ้งเฉยชานัก เสียงกล่าวยังฟังไม่ออกว่าโกรธหรืออย่างไรกันแน่ แต่ผู้คนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเยียบเย็นหนึ่งที่เริ่มแผ่ออกมาจากร่างนางชัดเจน
“ใช่!”
หวงฉี่หลิงมองสบตาหวงเหวินจิ้งตรงๆกล่าวออกเสียงเข้ม “เรื่องทั้งหมดในวันนี้ล้วนมีข้าเป็นต้นเหตุ…หากมิใช่เพราะข้าสักคน ไหนเลยน้องหลิงเทียนต้องมาพบพานเรื่องแบบนี้!”
“เช่นนั้นท่านก็ตามข้ากลับไปที่วังเถอะ…จากนั้นก็ไปรายงานความผิดที่หอคุมกฏเพื่อรับโทษทัณฑ์”
ลูกตาหวงเหวินจิ้งยังคงเย็นชาไม่แยแส ทั่วร่างยังแผ่กลิ่นอายเยียบเย็นหนึ่งกดทับไปยังร่างหวงฉี่หลิง พาลให้ร่างมันเสมือนจะจับตัวเป็นน้ำแข็ง ยากจะโต้แย้งใดได้
“ดะ…ได้…”
หวงฉี่หลิงร่างสะท้านไปพักหนึ่ง ค่อยกล่าวตอบกลับ
ตอนนี้มันรู้สึกเสมือนติดอยู่ในถ้ำหิมะ ทั่วร่างเสมือนแข็งทื่อ ไม่แม้แต่จะพูดจาให้ดีๆได้ด้วยซ้ำ!
“น้องเหวินจิ้ง!”
เมื่อเห็นว่าหวงเหวินจิ้งไม่คิดจะลงมือกับต้วนหลิงเทียน สีหน้าของเหอเซินเจี๋ยก็เปลี่ยนไป เร่งร้องตะโกนออกมาอย่างคร่ำครวญ!
“ฮึ่ม!”
แทบจะพร้อมกันกับที่เหอเซินเจี๋ยตะโกนออก ต้วนหลิงเทียนก็แค่นสบถเสียงเย็น มองไปยังหวงเหวินจิ้งด้วยสีหน้าเฉยชา พลางกล่าววออกด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“พวกมันล้วนเป็นข้าต้วนหลิงเทียนลงมือฆ่า เจ้าจะไปหาความกับคนอื่นทำอะไร… ถ้ามีปัญญาก็เข้ามาจับข้าไปรับโทษที่วังเซียนสัญจรของเจ้าได้เลย”
แม้เสียงกล่าวของต้วนหลิวเทียนจะเฉยเมย แต่ยามดังเข้าหูหวงเหวินจิ้งนั้นไม่ต่างใดกับวาจายั่วยุท้าทาย!
พาลให้ใบหน้าของหวงเหวินจิ้งแต่เดิมที่เย็นชาอยู่แล้ว คล้ายมีม่านน้ำแข็งฉาบคลุมทันที!!
“น้องหลิงเทียน!!”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียนทั้งเห็นหน้าหวงเหวินจิ้งเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น ลูกตาหวงฉี่หลิงพลันหดหยีลง สีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์!
สำหรับเหอเซินเจี๋ยนั้น มันบังเกิดความสมใจนัก!
“หวงฉี่หลิงคิดออกตัวรับโทษแทนเพื่อปกป้องเจ้าหนุ่มนั่นแท้ๆ…แต่เจ้าหนุ่มนั่นไม่เพียงไม่เข้าใจความหวังดีของหวงฉี่หลิง ยังไปกล่าวท้าทายแม่นางหวงเหวินจิ้งเช่นนี้อีก…”
“เหอๆ…ไอ้หนุ่มนั่นมันช่างรนหาที่ตายแท้ๆ…”
“เจ้าบอกว่ามันรนหาที่ตาย…หรือไม่คิดบ้างว่ามันอาจจะไม่กลัวหวงเหวินจิ้นก็ได้?”
“เป็นไปไม่ได้! ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนนั่นสมควรมีอายุน้อยจริงๆ ทว่าข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนว่าในเผ่าปีศาจมนุษย์มียอดฝีมือรุ่นเยาว์เช่นมัน!”
…
เหล่าผู้ที่ชมดูเรื่องราว ต่างคิดว่าต้วนหลิงเทียนพูดออกมาแบบนี้ นับว่าแส่หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ
“ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าจับตัวเจ้านัก…เช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์ให้!”
ในฐานะรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของวังเซวียนสัญจร แม้จะเป็นอิสตรีแต่หวงเหวินจิ้ก็มีความถือดีในตัวไม่น้อย
แต่วันนี้นางกลับถูกผู้ใดก็ไม่ทราบท้าทายต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย นางย่อมทนไม่ไหว
ฟุ่บ!
ร่างหวงเหวินจิ้งสั่นไหวจนเป็นเงาเลือน ก่อนที่จะอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
แทบจะพร้อมกันกับที่ร่างหวงเหวินจิ้งเลือนหายไปดั่งภูตผี ปรากฏเสียงตวัดกระบี่ดังขึ้นมาไม่หยุด
พร้อมกับเสียงตวัดกระบี่แหวกอากาศ ยังปรากฏห่าพิรุณพลังกระบี่อันแน่นหนาร่วงตกจากฟากฟ้า! ห่าพลังดั่งข่ายฟ้าแหสววรรค์ไร้ช่องโหว่!!
ซ้ำร้ายฝนกระบี่ของนางยังถล่มลงจากฟ้าเข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียน!!
นอกเหนือจากฝนพลังกระบี่ ยังปรากฏร่างหวงเหวินจิ้งที่ย่ำเหยียบอยู่บนกกระบี่เล่มหนึ่ง! เป็นกำลังท่องกระบี่หมายจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน! มองไปประหนึ่งเทพธิดากระบี่คิดสำแดงเดชก็ไม่ปาน!!
“กระบี่พันอาคมเซียนงั้นเหรอ?”
มองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็ระบุได้ทันทีว่ากระบี่ใต้ฝ่าเท้าหวงเหวินจิ้งนั้นเป็นกระบี่พันอาคมเซียน ยามปลดปล่อยพลังอำนาจ ตัวกระบี่พลันเปล่งแสงพลังแลบลั่นออกมาดั่งประกายอัสนี!
สำหรับกระบวนท่าที่นางจู่โจมใช้ออกนั้น ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ว่าไม่เพียงนางใช้วรยุทธ์กระบี่ยังผสานไว้ด้วยเวทย์พลังบางอย่าง!
ฝนพลังกระบี่พร่างพรมถล่มลงจากฟากฟ้า โดยมีหวงเหวินจิ้งท่องกระบี่จี้เข้ามานี้! สภาวะพลังช่างดุดันแกร่งกร้าวปานจะทำลายสิ้นขุนเขาลำน้ำ ยังเล็งจี้มาให้ความรู้สึกเสมือนคลื่นใหญ่ถาโถม ไม่มีที่ให้ลี้หลบ!
“ปฐมเวทย์กลืนกิน”
เผชิญหน้ากับหวงเหวินจิ้งที่ลงมือมาอย่างดุดัน ต้วนหลิงเทียนไม่กล้าประมาท เวทย์พลังสนับสนุนสำแดงเดช ปฐมเวทย์กลืนกินเริ่มต้นกระบวนการทำงานทันที!
ทันใดนั้นโดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง ปรากฏวังวนพลังดูดรั้งหนึ่งอุบัติขึ้น!
พร้อมกันกับที่วังวนพลังดูดรั้งอุบัติ พลังวิญญาณฟ้าดินในสวรรค์และโลกรอบกาย ก็ถูกต้วนหลิงเทียนสูบกลืน เปลี่ยนแปลงเพิ่มพูนพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดทั่วร่างของเขาทันที!
พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดทั่วร่างต้วนหลิงเทียนเริ่มพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วอัศจรรย์!
“ปีกอีกาทองคำ!”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยเวทย์พลังเสริมท่าร่าง แผ่นหลังปรากฏมวลพลังดั่งเพลิงไฟปะทุออก ก่อนที่จะควบรวมก่อเกิดเป็นปีกเพลิงมหึมา ตัวปีกเปี่ยมล้นไปด้วยไอพลังลุกโชนเร่าๆปานเพลิงร้อน!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
หวงเหวินจิ้งที่ท่องกระบี่พันอาคมเซียนดิ่งลงจากฟ้ามาพร้อมฝนพลังกระบี่นั้น มาได้รวดเร็วนัก ยังรวดเร็วถึงขีดสุดเท่าที่เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนจะบรรลุถึงได้!!
เผชิญหน้ากับสภาวะดุดันของหวงเหวินจิ้งที่โถมถันเข้ามา สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
หวงเหวินจิ้ง นับเป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนที่มีพลังฝีมือร้ายกาจที่สุดเท่าที่เขาเคยพบพานมาชั่วชีวิต!
หากเขายังมีกระบี่นิลสวรรค์ให้ใช้ เขาคงไม่กลัวหวงเหวินจิ้งแม้แต่น้อย เพราะเพียงเปล่งพลังอำนาจของกระบี่นิลสวรรค์บางเบา ก็ย่อมสยบสภาวะพลังนางได้ง่ายดาย!
แต่ตอนนี้เขาไม่ระวังไม่ได้!
“เซียนอมตะข้ามภพ!”
เพียงห้วงคิด จิตสั่ง พลังเคลื่อน! ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยเวทย์พลังจู่โจมประเภทกระบี่ที่เขาเชี่ยวชาญอย่างไม่กล้ารอช้า ร่างคนวูบไหวดั่งเงาเลือน ก่อนจะปรากฏร่างแยกอวตารออกมาหลายร่าง!
“ร่างแยกรึ?”
เมื่อเห็นร่างแยกของต้วนหลิงเทียน ผู้คนโดยรอบอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา เพราะคิดว่ากลพลังนี้ของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก
ด้วยพลังกระบี่ที่ถล่มจากฟ้าดั่งห่าพิรุณ ไหนจะมีหวงเหวินจิ้งที่ท่องกระบี่ลงมา… เช่นนั้นต่อให้มีร่างแยกกี่ร่างก็ไม่พ้นจมฝนพลังกระบี่พินาศสิ้น!!
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่อาจทราบได้
ว่ากระบวนท่าไม้ตายแท้จริงของต้วนหลิงเทียน นั้นไม่ใช่เวทย์พลังจู่โจมสายกระบี่อย่างเซียนอมตะข้ามภพที่สร้างร่างแยกอวตารแบบนี้ แต่เป็นมรรคากระบี่จากเต๋ากระบี่สูงสุดยอดใจกระบี่!!
เมื่อใช้ออกด้วยเซียนอมตะข้ามภพแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่รีรอ เร่งเร้าสำนึกกระบี่อันร้ายกาจจากขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกกระบี่ทันที!
พริบตานั้นสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนพลันกำจายออกไปเป็นวงกว้าง มองไปคล้ายสร้าง ‘วงกระบี่’ราวกับเทพกระบี่สร้างอาณาเขต!
พริบตาดุจละอองไฟ ร่างหวงเหวินจิ้งทั้งกระบวนท่าห่าพลัง ล้วนตกอยู่ในรัศมีสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนหมดสิ้น! ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงพลังทุกขุม เส้นทางของกระบี่พลังทุกเล่มที่หล่นฟ้ามาดั่งห่าฝน ยังตระหนักถึงกระบวนท่าท่องกระบี่ของหวงเหวินจิ้งได้กระจ่างดุจฝ่ามือ!
“ตรงนั้น!”
พริบตาดุจละอองไฟวาบ สองตาต้วนหลิงเทียนพลันทอประกายสว่างจ้า เขาพบช่องโหว่ในกระบวนท่าของหวงเหวินจิ้งแล้ว!!
อันที่จริงช่องโหว่ ที่เป็นดั่งข้อบกพร่องนี้ช่างเล็กน้อยเสียจนยากจะสังเกตเห็น! กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนสววรรค์ 9 เปลี่ยนก็ไม่แน่ว่าจะค้นพบได้!!
มันเป็นช่องโหว่อันบังเกิดจากการผสานใช้ระหว่างวรยุทธ์เซียนกับเวทย์พลังของนาง!
ทั้งสองคล้ายผสานรวมเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์ หากแต่ที่แท้กลับเหลื่อมล้ำเผยช่องว่างอันยากที่จะค้นพบ!
ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับค้นพบช่องว่างดังกล่าว! ซ้ำร้ายช่องว่างนั่นยังเป็นจุดตายกระบวนท่าของนาง!!
ด้วยก้าวเดินในมรรคากระบี่สูงสุดอย่างยอดใจกระบี่ เกรงว่าทุกเคล็ดวิชากระบี่บนระนาบโลกียะแห่งนี้ ย่อมไม่อาจรอดพ้นหูตาของต้วนหลิงเทียนไปได้! เว้นเสียแต่จะเป็นเคล็ดกระบี่ที่ไร้จุดบอดจริงๆ!!
‘ช่องว่างนั่น ข้าเห็นมันแล้ว! เท่านี้ก็ง่ายดายนัก!!’
เมื่อพบช่องว่างในกระบวนท่าของหวงเหวินจิ้ง ใจต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาอักโข
เรียกว่าคนคล้ายถูกฉีดเลือดไก่ก็ไม่ปาน บังเกิดความกระเหี้ยนกระหือรืออยากทำลายกระบวนท่าของนางให้สิ้นซาก!
ไม่ทันไรหวงเหวินจิ้งที่ท่องกระบี่พันอาคมเซียนจู่โจมเข้ามาพร้อมห่าพิรุณพลังกระบี่ ก็เจียนบรรลุถึงต้วนหลิงเทียนอยู่รอมร่อ!
ห่าพลังยังไม่ต่างใดจากคลื่นมหึมาโถมถัน! เตรียมซัดทำลายร่างต้นต้วนหลิงเทียนพร้อมร่างแยกอวตารทั้งหลายให้แหลกลาญไปพร้อมกัน!!
……