ภาค 1-2 บทที่ 99

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 99 เรื่องนี้ต้องการอะไร
โดย
Ink Stone_Romance
ไร้สาระไม่ไร้สาระ เสียสติไม่เสียสติ ก็แค่เรื่องเล่าของครอบครัวหนึ่งเท่านั้น

นักเล่านิทานหุบพัด เสียงใสกังวาน

“นี่เรียกได้ว่าดีชั่วสุดท้ายย่อมคืนสนอง ทำดีอย่างไรก็ครอบครัวพร้อมหน้า” เขาเอ่ยเสียงกังวาน “คุณหนูจวินผู้นี้ในที่สุดก็สำนึกเดินทางถูก ได้สามีดีครอบครัวดี”

ผู้คนที่ฟังในโรงน้ำชาก็ไม่รู้ว่าควรจะแสดงท่าทีดีใจหรือโศกเศร้า สีหน้านิ่งสนิทมองนักเล่านิทานบนเวที ในใจหวนคิดถึงการจัดการขององครักษ์เสื้อแพรครั้งนั้นอยู่นิดหน่อย จำได้ว่าครั้งนั้นยังจงใจมีแม่นางน้อยคนหนึ่งลุกขึ้นยืนเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นเองกระตุ้นบรรยากาศ ทำให้ทุกคนรู้ด้วยว่าควรตอบสนองอย่างไร

ครั้งนี้ทำไมไม่จัดการให้รอบคอบหน่อยเล่า? ต่อไปต้องมีปฏิกิริยาอย่างไรถึงจะถูก?

เสียงปังดังกังวานขึ้นทำผู้คนตกใจสะดุ้งโหยงที่แท้เป็นนักเล่านิทานคนนั้นตบพัดที่หุบไปลงบนโต๊ะ

“แต่ผู้กล้าตลอดมามีมากมาย เพียงเว่ยเหนียง[1]ความสามารถโดดเด่น ทำดีได้โชคตอบแทนเช่นนี้ใครๆ ก็ทำได้ ยังนับเป็นหญิงไม่ธรรมดาอะไรได้” เขาเอ่ยขึ้น “หากจะเล่าว่าคุณหนูจวินเป็นหญิงไม่ธรรมดาอย่างไร ต้องเล่าย้อนไปก่อนหน้ายิ่งกว่า เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นคลั่งรักคุณชายตระกูลหนิง หรือวิปลาสหยาบคายไร้มารยาท จนถึงขั้นท้ายที่สุดแต่งงานกับคุณชายฟาง เดิมล้วนเป็นแผนการที่คุณหนูจวินวางไว้ก่อนแล้ว”

นี่หมายความว่าอะไร?

คนในโรงน้ำชาอึ้งไปอีกครั้ง

“นี่ต้องเล่าจากความเป็นมาของคุณหนูจวิน”

“พวกเจ้าคงรู้ว่าคุณหนูจวินผู้นี้เป็นใคร?”

“พวกเจ้ารู้เพียงนางเป็นหลานสาวของตระกูลฟาง บิดาของนางคือขุนนางมือสะอาดผู้จงรักภักดีอุทิศตนจนตัวตายเพื่อชาติเพื่อประชา แต่ควรรู้ว่าตระกูลจวินของนางรุ่นแล้วรุ่นเล่าเป็นหมอ สืบทอดนับร้อยปี ท่านปู่ของนางจวินเฝิงชุน ก็เป็นหมอมีชื่อแห่งหรู่หนาน”

“นางก็คือจวินจิ่วหลิงหมอเทวดาแห่งหรู่หนานผู้สืบทอดมรดกวิชาสานต่อกิจการของตระกูลตนตัวจริงผู้ซ่อนตัวอยู่ในห้องหอ”

คนในโรงน้ำชาตาโตอ้าปากค้าง

หมอเทวดา?

หมอเทวดา!

คนหลายคนในห้องตระกูลหนิงสีหน้าอึ้งเช่นกัน มองหญิงรับใช้บรรยายเนื้อหาที่นักเล่านิทานเล่าไว้

“เรื่องเหลวไหลไร้สาระอะไรกัน!” นายหญิงสามหนิงได้สติกลับมาก่อน “นี่แต่งได้หลุดโลกเกินไปแล้ว”

“ยังจะหมอเทวดาอะไร ไม่สู้บอกว่านางเป็นเทพเซียนเสียเลยเล่า” นายหญิงสี่หนิงก็หลุดหัวเราะออกมาด้วย “หมอเทวดาทุกวันนี้ใครบอกว่าตนเองเป็นก็เป็นได้หรือ?”

นายหญิงใหญ่หนิงไม่พูดอะไร มุมปากยิ้มบางเหยียดหยาม

“หลังจากนั้นเล่า?” นายท่านใหญ่หนิงกลับเหมือนจะสนใจมาก “ดังนั้นอย่างไร? บิดามารดาของนางทำไมตายเสียล่ะ?”

สิ้นเสียงของเขา นายหญิงสามหนิงกับนายหญิงสี่หนิงในห้องก็หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา รอยยิ้มมุมปากของนายหญิงใหญ่หนิงก็ยิ่งกว้างขึ้นเช่นกัน

“อย่าพูดเช่นนี้สิ ชีวิตคนล้วนถูกลิขิตไว้ ไม่ใช่บอกว่าเป็นหมอเทวดาก็เปลี่ยนแปลงได้” นางเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนเสียงเบา

เสียงหัวเราะในห้องยังคงไม่หยุด

“เล่าต่อ” นายท่านใหญ่หนิงสะบัดมือเอ่ยขึ้น

“คุณหนูจวินผู้นั้นปรารถนาช่วยบิดาทว่าไร้กำลังฝืนสวรรค์ เจ็บปวดไม่คลาย นับจากนั้นยิ่งทุ่มเทศึกษาวิชาแพทย์ เดิมต้องการกลับหรู่หนาน แต่ในตอนนี้เองท่านยายตระกูลฟางก็เดินทางมารับ”

“คุณหนูจวินต้องการสืบสานกิจการของตระกูลกลับหรู่หนานเปิดโรงหมอจิ่วหลิงขึ้นใหม่ เดิมปฏิเสธเจตนาดีของตระกูลฝั่งมารดา แต่เมื่อได้ฟังผู้มาเยือนรำพันถึงความโศกเศร้านานาของตระกูลฟาง ทั้งได้ยินว่าท่านตา ท่านลุงล้วนถูกคนทำร้าย และน้องชายก็หาใช่เป็นโรคที่รักษาไม่หายทว่าต้องพิษ ชีวิตไม่ยืนแล้ว”

“คุณหนูจวินรับรู้ถึงความทุกข์ของครอบครัว ทั้งรู้ว่าตระกูลฟางวิกฤติหนักหนา จึงตัดสินใจช่วยรักษาน้องชาย ช่วยเหลือตระกูลฟางให้พ้นวิกฤติ ตอนนี้จึงวางกลอุบายอย่างหนึ่งขึ้น”

“ตั้งแต่ตอนนั้นก็มาถึงหยางเฉิง ก่อนอื่นขัดแย้งโวยวายเรื่องแต่งงานกับตระกูลหนิงจนทุกคนล้วนรู้ ต่อมาจึงไหลตามน้ำแต่งงานกับน้องชายเหมือนดั่งตระกูลฟางและนางสิ้นไร้หนทางทำอันใดไม่ได้ เรียกได้ว่าไม่มีใครคิดสงสัย ศัตรูก็กระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดสนใจ”

“คุณหนูจวินอาศัยฐานะสามีภรรยา ปิดหูปิดตาคนแก้พิษรักษาอาการป่วยให้นายน้อยฟาง นี่ก็คือเรื่องต่างๆนานาที่ท่านและข้าได้เห็น ความน่าขันต่างๆ นานาล้วนเป็นละครฉากหนึ่งที่คุณหนูจวินผู้นี้วางเอาไว้”

“เพื่อดึงหลี่ฉางหงตัวการหลักเบื้องหลังผู้ดูแลใหญ่ซ่งออกมา คุณหนูจวินถึงขนาดไม่เสียดายเอาตัวเองเข้าเสี่ยง”

“หนีบคนป่วยอ่อนแอ พาคนเฒ่าพิการ ระหกระเหินกลับหรู่หนาน เผชิญการดักซุ่ม ฝ่ากับดัก โซเซบุกฝ่าผ่านมาได้”

“เช่นนี้ถึงคราวเดียวเปิดโปงคดีใหญ่สิบกว่าปีที่หลี่ฉางหง หวังเจียงขุนนางทหารหกคนสมคบคิดลงมือกระทำออกมาได้”

“นี่ก็คือเสแสร้งแกล้งโง่ทำเป็นเสียสติ บุตรสาวตระกูลจวินแต่งงานหลอกๆ วางอุบายชาญฉลาด!”

“นี่ก็คือทำไมหญิงสาวผู้ชาญฉลาดคืนหนึ่งไม่กลับ นายหญิงผู้เฒ่าฟางไม่เสียดายใช้ราชโองการค้นเมือง!”

“นั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมคุณหนูจวินผู้นี้จึงเป็นผู้มีบุญคุณใหญ่หลวงกับตระกูลฟางแห่งนี้”

เสียงปั้บดังกังวานทีหนึ่ง นักเล่านิทานเก็บพัดจัดเสื้อผ้ายืนเคร่งขรึม

ในโรงน้ำชาเงียบกริบ จากนั้นก็ฮือฮาร้องเยี่ยมขึ้นมา

นายหญิงใหญ่หนิงอยู่ในห้องก็เงียบกริบเช่นกัน สีหน้าอึ้งมองหญิงรับใช้คนนั้น

“เยี่ยมจริงๆ” นายท่านใหญ่หนิงพึมพำพยักหน้า “ห่วงหนึ่งคล้องห่วงหนึ่ง ห่วงหนึ่งอธิบายห่วงหนึ่ง ทั้งอธิบายการวางแผนต่างๆ นานาที่ตระกูลฟางลอบวางแผนชำระแค้น ทั้งอธิบายว่าทำไมนานปีขนาดนี้ไม่เคยเห็นราชโองการแต่เพื่อเด็กสาวคนเดียวที่ไม่กลับบ้านคืนหนึ่งกลับก่อเรื่องใหญ่โต ไม่ใช่ไร้สาระน่าหัวร่อ ไม่ใช่ก่อกวนด้วยดื้อรั้น ทุกสิ่งล้วนมีเหตุมีผล มีตอบแทนมีชดใช้”

นายหญิงใหญ่หนิงเป็นต้นไม่มีรอยยิ้มแล้ว

“พูดไปพูดมาก็ยังเป็นแต่งเรื่องขึ้น” นายหญิงสามหนิงออกแรงสะบัดพัดเอ่ย “ทุกคนต่างรู้ว่าตระกูลฟางของพวกเขาดีมากเพียงไร ร้ายกาจมากเพียงไรแล้ว ยังแต่งสารพัดนิทานขึ้นซ้ำไปซ้ำมา มีความหมายอะไร”

“ความหมายก็คือจะบอกว่าคุณหนูจวินไม่ใช่นายหญิงน้อยของตระกูลฟาง การแต่งงานเป็นเรื่องหลอก” เสียงของหนิงอวิ๋นเยี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง

ในห้องชะงักไปอีกครั้ง

“นั่นแล้วอย่างไร?” เสียงนายหญิงใหญ่หนิงเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง กำพัดในมือแน่น

“ถ้าอย่างนั้นก็คือจะบอกว่าจวินเจินจินยังไม่ได้แต่งงาน ยังแต่งงานกับผู้อื่นได้” หนิงอวิ๋นเยี่ยนกุมมือเข้าด้วยกัน เบิกตาโต “นางยังมาตอแยพี่ชายได้”

เสียงปังทีหนึ่ง นายหญิงใหญ่หนิงเคาะพัดลงกับโต๊ะ ด้ามพัดหักขาด

“นางคิดว่านางเป็นใคร!” นางตวาด “นางอาศัยอะไร!”

ครั้งนี้อาศัยราชโองการได้แล้ว

ในใจคนอื่นในห้องผุดความคิดนี้ขึ้นมาพร้อมกัน

นายหญิงใหญ่หนิงเห็นได้ชัดว่าก็คิดออกแล้ว สีหน้าของนางแข็งค้าง

“ราชโองการ ราชโองการก็ไม่มีทางทำให้พวกเราตระกูลหนึ่งแต่งสะใภ้คนหนึ่งของผู้อื่นเข้าบ้านได้” นางเอ่ยขึ้น “แค่อาศัยเรื่องแต่งส่งเดชหมอเทวดารักษาโรคอะไรก็คิดจะเปลี่ยนผู้หญิงที่คำนับฟ้าดินผ่านเรือนหอมาแล้วคนหนึ่งกลายเป็นหญิงสาวพรหมจรรย์ของตระกูลใหญ่คนหนึ่งยัดให้พวกเรา ฟ้าไม่มีทางยอม”

“ใช่แล้ว รังแกคนเกินไปแล้วชัดๆ” นายหญิงสามหนิงเอ่ยขึ้นกรุ่นโกรธ “เห็นอวิ๋นเจาของพวกเราเป็นอะไรไปแล้ว”

“ไม่ต้องกังวล ตระกูลฟางของพวกเขาแต่งเรื่องมาหลอกชาวบ้านเล่นก็เท่านั้น ไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะกล้าถือเป็นเรื่องจริงเอาเอง วิ่งมาประตูตระกูลพวกเราโวยวาย” นายหญิงสี่หนิงเอ่ยขึ้น มองไปทางนายท่านใหญ่หนิง “พี่ใหญ่ ท่านว่าจริงหรือไม่?”

นายท่านใหญ่หนิงกลับไม่ได้โกรธแค้นและตื่นเต้นปานนั้นอย่างนายหญิงใหญ่หนิง

“แน่นอน” เขายิ้มเอ่ยขึ้น

คำพูดที่เจ้าบ้านเอ่ยทำให้พวกผู้หญิงในใจสงบลง บรรยากาศก็ผ่อนคลายลงไปมาก สั่งหญิงรับใช้คนนั้นให้จับตาความเคลื่อนไหวของตระกูลฟางในเมืองต่อไป โบกมือให้นางถอยออกไป

“ถ้าอย่างนั้น ในจดหมายที่เขียนให้พี่ชายจะเขียนเรื่องนี้ไหมเจ้าคะ?” หนิงอวิ๋นเยี่ยนพลันเอ่ยถามขึ้นอีก

นายหญิงใหญ่หนิงที่เดิมทีสีหน้าผ่อนคลายลงแล้ว โกรธจัดขึ้นมาอีกครั้ง

“จะเล่าเรื่องพวกนี้ให้พี่ชายเจ้าฟังทำไม! เกี่ยวข้องอันใดกับเขา!” นางเอ็ด

หนิงอวิ๋นเยี่ยนถูกเอ็ดกะทันหันตัวสั่นนิดหนึ่ง ทำหน้าไม่ได้รับความยุติธรรมก้มหน้าไป

ตั้งแต่หลังนางหมั้น มารดาก็ไม่ตามใจนางเหมือนเช่นก่อนหน้าขนาดนั้นอีกแล้ว บุตรสาวที่แต่งออกไปเป็นน้ำสาดออกไปจริงๆ ตนเองยังไม่ทันแต่งออกไป คนในบ้านก็ไม่ใกล้ชิดนางขนาดนั้นอีกแล้ว

แม้คนในบ้านล้วนไม่พูด แต่นางก็คิดออก ที่อยู่ดีๆ หมั้นนางต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องหอจิ้นอวิ๋นวันที่สามเดือนสามแน่

ดูท่าเรื่องที่นางหลอกหลินจิ่นเอ๋อร์ไว้เหล่านั้นคงเปิดเผยแล้ว

หลินจิ่นเอ๋อร์ผู้หญิงต่ำช้าคนนี้ก่อนตายยังจะลากนางไปด้วยอีก

แล้วที่หลินจิ่นเอ๋อร์ลากนางไปด้วยได้ ย่อมเป็นเพราะจวินเจินเจินผู้หญิงต่ำช้าคนนี้ทำร้ายคน

วันนี้นางหน้าตาหม่นหมอง จวินเจินเจินกลับกลายเป็นหญิงไม่ธรรมดาแล้ว

หนิงอวิ๋นเยี่ยนทั้งกล้ำกลืนทั้งคับแค้น ถูกมารดาเอ็ดเช่นนี้ก้มศีรษะลง แต่กลับไม่ได้โกรธ ตรงข้ามใจสงบลงมากแล้ว

หญิงไม่ธรรมดาแล้วอย่างไร? อย่าได้คิดจะปีนขึ้นมาเกี่ยวดองกับตระกูลของพวกเขา ในสายตามารดากับพี่ชาย นางก็เป็นเพียงคางคกตัวหนึ่งเท่านั้น

……………………………………….

[1]เว่ยเหนียง (韦娘) ตัวละครจอมยุทธ์หญิงจากตำนานเว่ยสืออีเหนียง《韦十一娘传》นิยายจอมยุทธ์เรื่องหนึ่งสมัยราชวงศ์หมิง