บทที่ 883 ปีแห่งการรวมตัว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 883 ปีแห่งการรวมตัว

บทที่ 883 ปีแห่งการรวมตัว

อาหารมื้อส่งท้ายปีหรูหราตระการตา นอกจากอาหารจานเย็น 4 จาน จานร้อน 6 จานรวมเป็น 10 จานแล้ว เรายังทำหม้อไฟเป็นพิเศษด้วย หม้อทองแดงวางอยู่กลางโต๊ะ ความร้อนจากถ่านปะทุปุ ๆ เหมือนกับดอกไม้ไฟ

เสี่ยวเถียนคิดเสมอเลยว่า ถ้ามีอาหารที่อธิบายถึงความผ่อนคลายได้ก็ต้องเป็นหม้อไฟเนี่ยแหละ โต๊ะผู้อาวุโสจะเป็นหม้อไฟแบบบำรุงสุขภาพ ส่วนอีกสองโต๊ะเป็นหม้อไฟรสเผ็ด

แม้กลุ่มหลี่เจี้ยนหงจะมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหารด้วย แต่ก็ยังตกใจตอนเห็นมันถูกวางลงบนโต๊ะอยู่ดี เรารู้มาตั้งนานแล้วว่าตระกูลซูมีฐานะดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้

มีครอบครัวธรรมดาที่ไหนจะเสิร์ฟอาหารหรูหราเอาการขนาดนี้ได้ล่ะ?

ยิ่งกับบ้านเราที่ฐานะไม่ดีด้วยแล้ว ช่วงปีใหม่เพิ่มอาหารจานเนื้อได้แค่จานเดียวเท่านั้นเอง

แต่ดูอาหารบนโต๊ะที่เห็นสิ ทั้งปลาไนผัดเปรี้ยวหวาน ไก่หนึ่งตัว ตีนเป็ดตุ๋น ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน หมูปั้นก้อนตุ๋นน้ำแดง เนื้อผัดน้ำส้มสายชู หมูกรอบ เนื้อหน้าหนาว เนื้อเผ็ด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาหารจานหลักทั้งนั้น

เก้าในสิบคือจานหลักทั้งหมด แล้วก็มีจานผักอีกหนึ่งซึ่งเสี่ยวเถียนขอเอาไว้เพราะกินแต่เนื้อสัตว์มันจะเลี่ยนเกินไป

ไม่อย่างนั้นเขาคงยัดเนื้อมาทั้งหมดแน่ ๆ

แถมหม้อไฟก็ยังมีเนื้อแกะและเนื้อวัวอีกสองจานใหญ่ด้วย

พวกเขามีสมาชิกกันเยอะ มื้อนี้มื้อเดียวคงใช้เงินมหาศาลเลยใช่ไหม? ถึงพวกเธอจะสนิทกับคนบ้านนี้ดี แต่ตอนนี้กลับรู้สึกละอายใจนัก เราไม่เคยมาฉลองปีใหม่ที่บ้านคนอื่นเลย

ด้านนอกอากาศทั้งหนาวทั้งลมแรง แต่ข้างในบ้านอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ สมาชิกในครอบครัวสนทนาพาคุยขณะกินข้าว มีเรื่องราวให้พูดคุยกันเยอะแยะมากมาย

สามสาวฟังคนครอบครัวซูคุยกันอย่างตั้งใจ แค่ฟังเฉย ๆ ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลย

ตอนนั้นเองที่พวกเธอได้ทราบว่ามีคนใหญ่คนโตอยู่ด้วยตั้งหลายคนเลย

ผู้นำเมืองกำลังเสิร์ฟอาหารให้พ่อตา ฉือเก๋อผู้มีชื่อเสียงนั่งกินเนื้อก้อนตุ๋นอย่างเป็นกันเอง ไหนจะมีตู้ถงเหอและอวี่รุ่ยหยวนที่ไม่ควรลืมนั่นอีก จากคำพูดของเสี่ยวเถียนที่ว่า ถ้าคุณย่าอวี่ไม่ได้วางมือวงการงานศิลปะ ป่านนี้แกคงประสบความสำเร็จอีกมากแล้วละ

“ดีนะที่บ้านเธอใหญ่ ไม่งั้นคงจุคนไม่พอแน่ ๆ เลย” ฉีเสี่ยวฟางมองไปรอบ ๆ

บ้านคนรวยมันเป็นแบบนี้เองสินะ วันนี้เธอได้รู้อะไรหลายอย่างเลย

เมื่อถึงเวลาสองทุ่ม สถานีโทรทัศน์เริ่มออกอากาศงานปีใหม่ตรงตามเวลา

ในยุคนี้มีรายการบันเทิงไม่เยอะ แต่ก็ถือว่าเป็นสีสันแกคนรุ่นหลังอย่างเธอนัก น่าอายจริง ๆ นะ ที่คนที่บ้านชื่นชมขนาดนี้

ขนาดฉือเก๋อยังบอกว่าตั้งใจทำกันมาก

หลังกินข้าวเสร็จ พวกเด็ก ๆ ออกไปจุดประทัดกันที่ลานบ้าน ส่วนคนสูงวัยนั่งดื่มชาสนทนากันในบ้านต่อ

กลุ่มผู้หญิงเก็บถ้วยชามเสร็จ ก็กลับมานั่งกินเมล็ดแตงโมแล้วนั่งดูรายการทีวี เป็นบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและอบอุ่นมาก

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าปีนี้เงียบสงบดีจัง แต่มันจะเป็นแบบนี้ต่อไปหรือ?

เดี๋ยวปีหน้าก็มีเด็ก ๆ แล้ว มีเด็กรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น

กระทั่งสี่ทุ่ม คุณปู่ซูและคนอื่น ๆ หยิบซองแดงออกมาเตรียมแจกเงินรับโชค

เราแจกเงินกันทุกปี เพื่อให้ยุติธรรมที่สุดเด็ก ๆ จะได้ทุกคนเลย แม้แต่โส่วเวินและภรรยาก็ยังได้

กลุ่มหลี่เจี้ยนหงคิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเธออยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าผู้ใหญ่จะเตรียมไว้ให้ด้วย

โชคดีที่เราเตรียมของขวัญปีใหม่ให้พวกท่านด้วยเพราะมาฉลองที่บ้านเขา ไม่งั้นถ้าเรามามือปล่อยก็คงจะน่าอายเกินไปแล้ว

หลังจากวุ่นวายกันเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เวลาล่วงเลยมาใกล้จะเที่ยงคืน ตอนนั้นคุณย่าตะโกนบอกให้ทุกคนเตรียมมากินเกี๊ยว

วันนี้บ้านเราทำเกี๊ยวสองแบบคือ ใส่หมูกับผักกาด อีกแบบหนึ่งใส่เนื้อวัวและต้นหอม

นอกจากนี้ยังล้างเหรียญจนสะอาด แล้วใส่เข้าไปในนั้นเป็นพิเศษเพื่อเป็นโชคของคนที่ได้ด้วย

เสี่ยวจิ่วไม่พอใจสักนิด เขาไม่เคยได้เหรียญเลยสักครั้งเดียว มีน้องสาวนี่แหละที่ได้เยอะกว่าใครเพื่อน หลังจากกินไปสองสามคำชายหนุ่มก็บ่นออกมา

แน่นอนว่าปีนี้เสี่ยวเถียนยังทำสถิติได้เยอะที่สุด เราใส่เหรียญไว้ด้วยกัน 5 เหรียญ เสี่ยวเถียนได้สาม ซื่อเลี่ยงได้หนึ่ง และเฉินจื่ออันได้อีกหนึ่ง

เฉินซิ่วหย่วนไม่พอใจเช่นกัน

“ทำไมเสี่ยวหย่วนไม่มีล่ะ?” เด็กชายทำหน้ามุ่ย ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

เสี่ยวเถียนรีบให้เหรียญกับน้องหนึ่งเหรียญทันที

“มา ๆ พี่สาวจะให้เองน้า ดีไหม?”

เด็กน้อยไม่เกรงใจเข้าไปรับตรง ๆ แต่พอเห็นว่าเสี่ยวเถียนยังมีอีกสองเหรียญก็ยังรู้สึกไม่พออีก

“พี่สาวมีมากกว่า แต่ผมมีน้อยกว่า!”

หม่านซิ่วยิ้มก่อนจะตบก้นเจ้าลูกชาย “เงินที่หนูได้มาก็เยอะแล้วไงจ๊ะ ไม่อยากแบ่งให้พี่เขาบ้างหรือ?”

ในฐานะน้องชายคนเล็กสุด เขามีหน้าที่แค่รับเงินเฉย ๆ ไม่ต้องให้ของขวัญใคร ตามปกติแล้วเขาได้ผลประโยชน์มากที่สุดเลย

เด็กน้อยรู้ดีว่าเงินเป็นของดี เขาจึงใช้มือป้อม ๆ กอดกระเป๋าเสื้อไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งไปจริง ๆ ทั้งยังเอ่ยอย่างหนักแน่น “ของผม ๆ ของเสี่ยวหย่วนนะ”

ท่าทางขี้เหนียวของเขาทำทุกคนหัวเราะลั่น แม้จะบอกว่าเราจะโต้รุ่งกันในวันสิ้นปี แต่สุดท้ายคนชราก็เริ่มทนไม่ไหว

หลังเที่ยงคืนรายการปีใหม่จบลงแล้ว เกี๊ยวก็กินหมดพอดี ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับบ้านพักผ่อน สมาชิกบ้านซูมีกันหลายคน ลูกชายทั้งสามของบ้านไปนอนที่บ้านตู้ ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็แยกย้ายไปเข้านอน

เสี่ยวเถียนคิดว่าปีนี้ปู่จะมีประชุมเรื่องเงินเสียอีก ก็เลยตั้งตารอคอยแต่กลายเป็นว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด ลองคิด ๆ ดู สองปีก่อนแกอาจจะกลัวว่าคนที่บ้านไม่ทราบรายได้ที่บ้าน และกลัวว่าลูกจะทะเลาะกันเรื่องเงินขึ้นมา

แต่ตอนนี้เรามีเงินใครเงินมันแล้ว ใครได้ก็เป็นของครอบครัวนั้นไป ก็เลยมีไม่การพูดคุยกันอีก เพราะยังไงต่อให้หาได้หรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเท่านั้น

ใช้ชีวิตตัวเอง หาเงินเองใช้เอง ไม่จำเป็นต้องมาประชุมกันก็ได้

เสี่ยวซื่อรู้สึกว่าน่าเสียดาย ปีนี้เขาทำเงินได้มหาศาลเลย กะว่าจะให้ทุกคนตกใจสักหน่อย แต่คุณปู่ไม่ให้โอกาสสักนิดเดียว!