บทที่ 887 รีบให้ของขวัญสำหรับการพบกัน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 887 รีบให้ของขวัญสำหรับการพบกัน

บทที่ 887 รีบให้ของขวัญสำหรับการพบกัน

“โอ้… ข้ายังพูดไม่จบ” เมื่อหงซื่อได้ยินว่าครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานกำลังจะขับไล่นางออกไป พลันก็เกิดความกังวลเล็กน้อย

นางยังไม่ทันเริ่มพูด จะรีบไล่แขกไปไยกัน

“เสี่ยวหวาน เจ้าคงไม่รู้สถานการณ์ของตระกูลจ้าวใช่ไหม ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังโดยละเอียด หลังจากที่เจ้าฟังแล้วก็ยังไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจ” หงซื่อดูกังวล

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดอย่างไม่เกรงใจ “ฮูหยินจ้าว ได้โปรดกลับไปเถอะ แม้วันนี้ท่านจะบอกว่าตระกูลจ้าวเป็นญาติของฮ่องเต้ ข้าก็จะไม่ตกลง”

สีหน้าของหงซื่อเปลี่ยนไป นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนหวาน แต่ความเย็นชาในดวงตาของนางทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน

เมื่อคิดถึงแม่สื่อหลี่ที่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดในครั้งล่าสุด และต่อมาเมื่อนางไปหาแม่สื่อคนอื่น ๆ พวกเขาก็ปฏิเสธ ไม่ว่านางจะจ่ายเงินเท่าไรก็ตาม

หงซื่อกำลังรีบร้อนและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาที่นี่ด้วยตนเอง แต่ใครจะคิดว่าก่อนที่นางจะบอกสถานการณ์ของครอบครัวนาง ก็โดนขับไล่เสียแล้ว

“หวานเอ๋อร์ อย่าเพิ่งรีบร้อน ฟังสิ่งที่ข้าจะพูดให้จบก่อน”

มือของกู้เสี่ยวหวานสั่นสะท้าน และเกือบทำถ้วยชาหลุดมือ

เมื่อครุ่นคิดเกี่ยวกับมันแล้ว หลังจากจิบชาก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะทันที

เมื่อคุยกับหงซื่อควรจะระวังตัวไว้เสียหน่อย เพื่อระวังไม่ให้ถ้วยชาในมือหล่นแตก

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูดอะไร หงซื่อก็ส่งสายตาให้สาวใช้

สาวรับใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังก้าวไปข้างหน้า และหงซื่อก็ยกผ้าคลุมขึ้น

กู้เสี่ยวหวานอยากรู้ว่าหงซื่อจะแสดงอะไรให้นางดู

ในถาดใบหนึ่ง มีก้อนเงินขนาดสิบตำลึงเงินวางอยู่ จากการประมาณด้วยสายตามีไม่ต่ำกว่าสิบก้อน

อีกถาดหนึ่งหลังจากเปิดผ้าออก ก็พบกับเครื่องประดับศีรษะซึ่งทำจากหยก

กู้เสี่ยวหวานเคยเห็นในร้านจินอวี้

และเคยซื้อมาชุดหนึ่ง

เนื่องจากส่วนใหญ่ทำจากหยก ดูเหมือนว่าจะเชยเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิงอายุเท่ากู้เสี่ยวหวานที่จะสวมใส่สิ่งนี้

แม้กู้ฟางสี่จะชอบใส่มัน แต่กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่ามันเชยเหลือเกิน

เครื่องประดับศีรษะแบ่งออกเป็นหลายประเภท ปิ่นปักผมและต่างหูถูกเก็บไว้ และส่วนที่เหลือ มอบให้กับป้าจาง

ป้าจางยิ้มอย่างมีความสุข

คราวนี้เมื่อเห็นหยกนั้น กู้ฟางสี่และป้าจางก็มองหน้ากันและเข้าใจแผนการของหงซื่อทันที

เห็นได้ชัดว่าสิ่งของที่ล้าสมัยนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับกู้เสี่ยวหวาน

หงซื่อยิ้มและชี้ไปที่เครื่องประดับศีรษะและพูดว่า “เสี่ยวหวาน ข้าเห็นเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ในร้านจินอวี้ และมันเหมาะสำหรับเจ้า ดังนั้นข้าจึงซื้อมันมาถือเป็นของขวัญสำหรับการพบกันของเราในครั้งนี้”

เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน และเครื่องประดับศีรษะที่ราคาหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

เมื่อนางเคลื่อนไหวก็เป็นเงินสองร้อยตำลึงเงิน

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของกู้เสี่ยวหวาน สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างจากขยะ

นางเพียงเหลือบมอง และมองไปทางอื่น

และพูดว่า “ข้าคิดว่าฮูหยินเหมาะกับเครื่องประดับศีรษะนี้มากกว่า ฮูหยินควรนำกลับไปใช้เองเถอะ”

ป้าจางก้าวไปข้างหน้า มองไปที่เครื่องประดับศีรษะ จากนั้นเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในคอของนางและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินรู้วิธีการซื้อของจริง ๆ มีรสนิยมแบบเดียวกับข้าเลย ฮูหยินดูสิ”

ที่คอมีสร้อยหยกแบบเดียวกับที่อยู่ในถาดนี้พอดี

ใบหน้าของหงซื่อกระตุก

ราวกับถูกป้าจางถูกตบหน้า กู้เสี่ยวหวานอยากจะปรบมือให้ป้าคนนี้จริง ๆ

ชุดเครื่องประดับศีรษะของผู้หญิงวัยกลางคนถูกมอบให้กับเด็กหญิงอายุสิบเอ็ดขวบเพื่อโอ้อวด

หากไม่รู้จักคงจะบอกว่าหงซื่อใจกว้างและให้ของขวัญชิ้นใหญ่ทันทีที่พวกนางพบกัน

แต่ในมุมมองของกู้เสี่ยวหวาน มันเป็นเพียงเครื่องประดับธรรมดา ๆ

นางเห็นแล้วชอบมันจึงซื้อมัน และมอบให้คนรับใช้ของนาง

หงซื่อหัวเราะอย่างเคอะเขิน และปิดถาดอีกครั้งด้วยผ้าคลุมในมือของนาง จะไปเอาของที่คนรับใช้ทุกคนใส่ออกมาได้อย่างไร

“หวานเอ๋อร์ ดูสิ ข้าก็ใจร้อนเหมือนกัน ข้าคิดว่าสิ่งนี้ดูดีจึงอยากจะมอบให้เจ้า” หงซื่อยิ้มอย่างงุ่มง่ามและหลังจากพูดจบก็หยุดลงราวกับกำลังรอให้กู้เสี่ยวหวานพูด

แต่กู้เสี่ยวหวานจะตอบคำถามนี้ได้อย่างไร นางเพียงแค่มองไปที่พื้นข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ตอบ หงซื่อก็ไม่มีทางเลือกนอกจากพูดต่อ “หวานเอ๋อร์ นี่คือเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ถือเป็นของขวัญสำหรับข้าที่ได้พบกับหวานเอ๋อร์”

“ไม่เป็นไร ฮูหยินโปรดนำมันกลับไปเถอะ” กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธอย่าวไร้ความปรานีด้วยใบหน้าเย็นชา “ข้าเพิ่งชี้แจงกับฮูหยินไป ข้า…”

ก่อนที่นางจะพูดจบก็เห็นฉือโถวก็วิ่งเข้ามาอีกครั้ง

“เสี่ยวหวาน มีผู้หญิงอีกคนอยู่ข้างนอก นางเรียกตัวเองว่าฮูหยินจ้าว” ฉือโถวชำเลืองมองที่หงซื่อ จากนั้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกมีความสุขมาก มาอีกคนหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่มาใหม่จะคือฮูหยินจ้าวตัวจริง

เมื่อหงซื่อได้ยินว่าฮูหยินจ้าวกำลังมา สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันทีและต้องการหยุดกู้เสี่ยวหวานไว้

แต่จะทันได้อย่างไร

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดว่า “โอ้ ทำไมไม่รีบเชิญเข้ามาล่ะ”

ฮูหยินจ้าวคนหนึ่งมาก็ต้องเชิญ และฮูหยินจ้าวคนที่สองมาก็ต้องเชิญเช่นกัน

ในตอนเริ่มต้น อนุได้รับเชิญเข้ามา และภรรยาหลวงก็ต้องได้รับเชิญเข้ามา

เมื่อหงซื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที และมันก็สายเกินไปที่จะหนีแล้ว

นางกระทืบเท้าด้วยความเกลียดชัง นางควรจะจากไปเมื่อกู้เสี่ยวหวานออกคำสั่งขับไล่แขกในตอนนั้น

ในพริบตา ฮูหยินจ้าวก็เข้ามา

ข้างหลังนางคือแม่นมและสาวรับใช้สี่คน ในมือของทุกคนล้วนถือถาดเอาไว้

ในแง่ของปริมาณเพียงอย่างเดียว กลิ่นอายนี้ค่อนข้างจะมีความกดดันกว่าหงซื่อเล็กน้อย

ฮูหยินจ้าวไม่คาดคิดว่าจะเจอหงซื่อที่นี่ ตอนแรกนางรู้สึกประหลาดใจ แต่จากนั้นก็เริ่มรู้สึกรำคาญ

“นังจิ้งจอกไร้ยางอาย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่” ใบหน้าของฮูหยินจ้าวบูดบึ้งและใจร้าย และตวัดสายตามองไปมองที่หงซื่อและก็ยิ่งโกรธมากขึ้น

หงซื่อย่อตัวลงเล็กน้อยและรีบเข้าไปทักทาย นางลูบร่างกายของตัวเองและร้องเรียกอย่างไม่เต็มใจ “ฮูหยิน”

ในตอนแรก ฮูหยินจ้าวรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่ามีสาวรับใช้สองคนในห้องโถงถือถาดเหมือนกับที่ตัวเองนำมา

ฮูหยินจ้าวมองไปที่หงซื่อที่กำลังหน้าแดงและเข้าใจทันที

“โอ้ เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เหอะ ๆ หนึ่งร้อยตำลึงเงินหรือ? เหอะ นี่คืออะไรกัน” ฮูหยินจ้าวมองถาดที่ปูด้วยผ้าและเปิดออก จากนั้นนางก็เห็นเครื่องประดับศีรษะหยกที่ดูเชยปรากฏขึ้น