บทที่ 888 เป็นกำลังใจ

บทที่ 888 เป็นกำลังใจ

รัฐมนตรีทั้งสองแววตายิ่งเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ตาแก่นี่นิสัยแย่จริง ๆ

ไหนล่ะหลานที่ว่า?

ลูกชายยังหาสะใภ้ไม่ได้เลย จะไปเอาหลานมาจากไหน?

สมัยพวกเราก็ผัดมาเรื่อย ไม่คิดเลยว่าพอรุ่นลูกแล้วจะผัดเหมือนกัน

ไม่รู้วัน ๆ มัวแต่ไปทำอะไรอยู่

คุณปู่ซูเองยังเคืองเหมือนกัน

ดูสถานะเรากับเขาหน่อยสิ? ต่อให้มีหลานชาย บ้านเราก็ไม่มีโอกาสให้เงินปีใหม่แก่พวกเขาหรอกนะ

ต่งหยวนจงตีมึน ท่าทางเต็มไปด้วยความด้วยถึงพอใจ

“ถึงผมจะไม่มีหลานแท้ ๆ แต่เสี่ยวเถียนก็แทบจะเหมือนหลานสาวแท้ ๆ อยู่แล้ว เด็กชายกลุ่มนี้ก็ด้วย”

คำพูดไม่เกรงใจทำคนที่เหลือโมโหแทบตาย แต่ไม่ว่ายังไงก็ยอมรับได้ เพราะเด็กบ้านนี้โดดเด่นจริง ๆ

“พี่ใหญ่โชคดีมากเลยครับ!” รัฐมนตรีฉางตื้นตันใจมาก

“ถ้าไม่เรียนหนังสือ จะไปเอาโชคลาภมาจากไหนล่ะ?” ต่งหยวนจงเอ่ยด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

สภาพเขาในตอนนี้ไม่เหมือนผู้นำอันโด่งดัง แต่เหมือนเด็กขี้อวดเสียมากกว่า มันทำให้เสี่ยวเถียนอายแทนเหลือเกิน แต่คิดไปคิดมาก็สบายใจไม่น้อย จะคนแก่คนเด็กก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร ช่างเถอะ ขอแค่พวกเขามีความสุขก็พอแล้ว

“แต่ฉันคิดว่าต้องเป็นเพราะพี่ใหญ่มีจิตใจดีด้วยนะ พวกคุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อก่อนเขาช่วยเหลือผู้คนไว้มากมายขนาดไหนน่ะ”

ถึงคนพวกนั้นจะหายหัวไปแล้ว แต่พระเจ้าก็ได้เฝ้ามองความดีที่พวกเขาสั่งสมเอาไว้นะ! ถือว่าทำไว้เพื่อครอบครัวแล้วกัน และอาจเป็นเพราะแบบนี้ก็ได้ เลยทำให้บ้านซูมีชีวิตอย่างทุกวันนี้

คุณปู่ซูได้ยินแบบนั้นก็คิดว่ารัฐมนตรีจะไม่อยากฟัง แต่ใครจะรู้เล่าว่าพวกเขาจะพยักหน้าเห็นด้วย “พูดถูก!”

ถ้าชายชราท่านนี้ไม่เต็มใจมอบอาหารเพื่อช่วยชีวิตต่งหยวนจงเอาไว้ ก็คงไม่มีต่งหยวนจงคนหนุนหลังตำแหน่งใหญ่โตเช่นนี้หรอก มันถือว่าเป็นการทำความดีใช่ไหมล่ะ?

ในเมื่อมีคนมาเยี่ยม พวกเราก็ต้องต้อนรับอย่างดี

คุณย่าซูและเหล่าสะใภ้ทำงานหัวหมุนอยู่ในครัว ซึ่งหลี่เจี้ยนหงละอายใจเกินกว่าจะนั่งดูอยู่เฉย ๆ เลยเข้ามาร่วมด้วย

“ไม่ต้องช่วยหรอกลูก ไปทำอย่างอื่นเถอะ” คุณยาซูเห็นว่าคนเยอะแล้ว ไม่มีอะไรให้ทำมากนัก ก็เลยยิ้มพลางบอกให้กลับไป

“งั้นพวกเราช่วยล้างผลไม้ก็แล้วกันค่ะ”

ฝีมือพวกเรายังไม่ถึงขั้นเก่งกาจ คงไม่น่าช่วยอะไรได้ จึงหางานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำแทน

ที่บ้านมีผลไม้เยอะมาก บางส่วนซื้อมาก่อนปีใหม่ บางส่วนเสี่ยวเถียนก็ซื้อมาจากในระบบ แล้วก็มีบางส่วนที่พี่ห้าหิ้วมาด้วย

สาว ๆ จัดการล้างผลไม้แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ก่อนจัดใส่จานอย่างเป็นระเบียบ

แม้แต่กลุ่มแขกยังกลัวว่าจะมารบกวนบ้านเขา เลยเข้ามาช่วยในครัวด้วย ตอนเปิดประตูเข้ามาก็เจอคนอยู่กันเต็มไปหมด โชคดีที่ห้องครัวมีขนาดใหญ่ ไม่อย่างงั้นคงรับรองคนเยอะขนาดนี้ไม่ไหวแน่ ๆ

“พี่สะใภ้ พวกเรามาช่วยค่ะ พี่มีอะไรที่พวกเราพอทำได้ไหมคะ?”

ฟ่านชูฟางพูดจาสุภาพนอบน้อม พร้อมใช้สรรพนามให้เกียรติกันด้วย

ความหมายของเธอก็ชัดเจนมาก เป็นการบอกให้คนอื่น ๆ ทราบว่าเธอเห็นพี่สะใภ้คนนี้เป็นเหมือนพี่สะใภ้แท้ ๆ อีกสองคนที่เหลือเป็นคนฉลาด จะไม่เข้าใจความหมายนั่นได้ยังไงล่ะ? แม้ก่อนหน้านี้จะไม่ได้ใส่ใจเรื่องบ้านซูมาก่อน แต่พอได้มาเจอกันจริง ๆ ก็เข้าใจ

ถึงการมีตัวตนของคนบ้านซูจะยังไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่อีกสิบปีข้างหน้าเราจะมองข้ามไม่ได้เลย เผลอ ๆ อาจมีภูมิหลังมากกว่าคนระดับเรา ๆ เสียอีก เพราะดูเด็ก ๆ ทั้งสิบที่เป็นรุ่นที่สามนี่สิ พวกเขาเก่งกาจกันทุกคน

“พี่สะใภ้คะ ตอนเราอยู่บ้านก็ทำงานเหมือนกันค่ะ ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วยก็บอกได้เลยนะคะ” หยางลี่หมิงเช่นกัน

คุณย่าซูยิ้ม “เราเตรียมทุกอย่างไว้เสร็จก่อนหน้านี้แล้วล่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ทำเลย กลับไปนั่งที่ห้องหลักเถอะ ในห้องครัวมันหนาวนะ”

ในเมื่อไม่มีอะไรทำ พวกเธอก็หันไปเจอเด็ก ๆ ที่กำลังปอกผลไม้อยู่จึงเข้าไปดูด้วย

ชาติทที่แล้ว ชีวิตบั้นปลายเสี่ยวเถียนทำงานอยู่ในร้านอาหารโรงแรม ถึงจะเป็นงานที่วุ่นวายแต่ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ด้วยฝีมือที่มีอยู่แต่เดิม นกยูงกางปีกสะพรั่งก็ถูกวางลงบนจานกระเบื้องสีขาวอย่างรวดเร็ว

“ฝีมือดีเลยนะเสี่ยวเถียน” หยางลี่หมิงชม

“สาวน้อยไม่ได้เก่งแค่ฝีมือสินะ ต้องฉลาดด้วย ไม่งั้นคงไม่สามารถคิดทำแบบนี้ได้หรอก” หลี่ซิ่วหรงภรรยาของรัฐมนตรีฉางยังเอ่ยชมเช่นกัน

ความสามารถในการนำเสนอด้านอาหาร เอาไปทำในงานเลี้ยงของรัฐบาลได้เลยนะ แต่ได้ยินมาว่าสาวน้อยคนนี้เก่งมาก คงไม่มีใครอยากให้คนเก่ง ๆ มาทำงานในงานเลี้ยงหรอก ไม่ว่าใครก็ทำแบบนี้ได้ แต่กับคนที่หาเงินเข้าประเทศและมีความรู้ด้านวิจัยการผลิตเมล็ดพันธุ์มีไม่เยอะหรอกนะ

“เสี่ยวเถียนของฉันเก่งมาตลอดอยู่แล้วละ” ฟ่านชูฟางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “พวกเธออาจจะยังไม่รู้ เสี่ยวเถียนเรียนเก่งมาก อยู่โรงเรียนมัธยมอันดับ 7 ที่รายล้อมไปด้วยเด็กมากพรสวรรค์เชียวนะ อนาคตไกลแน่นอน”

“แถมยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อันดับหนึ่งตั้งแต่อายุยังน้อย ฉันหวังว่าจะได้เธอมาเป็นหลานสาวแท้ ๆ เลย!”

หลี่ซิ่วหรงและหยางหลี่หมิง “…”

พวกเราก็อยากได้เหมือนกันนะ

หลังจากเอ่ยชม ฟ่านชูฟางก็จำได้ว่ามีเด็กคนอื่น ๆ ที่เป็นนักศึกษาจากจิ่งเฉิงด้วย ต้องเรียนเก่งแน่ ๆ เลยเปิดบทสนทนาอีกครั้ง

สาว ๆ ทั้งสามตั้งใจจะทำตัวกลืนไปกับพื้นหลัง แต่ไม่คิดเลยว่าภรรยาของผู้นำจะเป็นฝ่ายสนทนาด้วยก่อน

พอเห็นความเขินอาย หยางลี่หมิงก็ยิ้ม “ไม่ต้องเครียดหรอกนะ อย่ามองว่าเป็นบุคคลสำคัญอะไรเลย มองฉันเป็นแค่ป้าข้างบ้านก็พอจ้ะ”

ได้ยินเช่นนั้นสาว ๆ ก็ผ่อนคลายขึ้นมาก

“ตอนนี้พวกหนูเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้ว อนาคตจะเป็นผู้มีความสามารถที่ประเทศต้องการตัวด้วย เผลอ ๆ ความสำเร็จสูงกว่าพวกเราด้วยซ้ำ” แกยิ้ม “หนุ่มสาวนี่ดีจังเลยน้า ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองสมัยนั้นเหมือนกัน”

“แต่ตอนนั้นลำบากกว่านี้น่ะ สาว ๆ ควรตั้งใจเรียนไว้นะ จะได้พัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น” จากนั้นก็ให้กำลังใจตบท้าย

เด็กสาวมีความสุขมาก พวกเธอแทบจะเป็นลมด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้รับกำลังใจจากบุคคลที่ไม่สามารถเอื้อมถึงได้

ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินกำลังใจจากพวกเขา

พวกเธอผ่อนคล้ายขึ้นเยอะ พร้อมบอกว่าจะตั้งใจเรียน และมุ่งมั่นสร้างประเทศเอง