บทที่ 897 สะใภ้ร่วมใจทำชั่ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 897 สะใภ้ร่วมใจทำชั่ว

บทที่ 897 สะใภ้ร่วมใจทำชั่ว

ครั้นกู้เสี่ยวหวานได้ยินชื่อของกู้ฉวนลู่และซุนซื่อ นางก็กำหมัดแน่น อยากจะฆ่าทั้งคู่ให้ตายตกไปเสีย เพื่อระบายความโกรธที่ปะทุขึ้นใจ

สองสามีภรรยาคู่นี้สร้างปัญหาไปทั่วที่ พวกเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?

“พวกเขาบอกอะไรกับท่าน ท่านบอกสิ่งที่เขาพูดมาให้หมด หากท่านพูดได้ดี ข้าจะไม่เอาเรื่องท่าน” กู้เสี่ยวหวานนั่งลงโดยไม่คิดอะไร

โทสะภายในใจแผดเผาราวกับไฟลามทุ่ง แผดเผารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

นางต้องอดทนกับพวกเขาที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายเลวร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า

เดิมทีกู้เสี่ยวหวานคิดว่าพวกเรามีความสัมพันธ์ทางสายเลือด จึงปล่อยพวกเขาไป นางปล่อยไปพวกเขาไปแล้ว แล้วเหตุใดพวกเขาถึงไม่ปลอยนางไปเสียที

แนวป้องกันสุดท้ายในหัวใจของกู้เสี่ยวหวานพังทลาย เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้นางมีช่วงเวลาที่ดี และไม่สนใจสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ดังนั้นอย่าตำหนินางที่หันหลังให้ และปฏิเสธการมีอยู่ของทุกคน

เฉาซื่อคุกเข่าลงบนพื้น ตัวสั่นระริกเล่าเรื่องที่ซุนซื่อมาหาตนเอง นางพูดอะไร ทำอะไร ทุกอย่างเหมือนกับการเทถั่วลงในกระบอกไม้ไผ่

ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้ ซุนซื่อไปหาเฉาซื่อที่หมู่บ้านอู๋ซี

ชีวิตของเฉาซื่อในหมู่บ้านอู๋ซีก็ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไรนัก

ภายในระยะเวลาหนึ่งปี กู้ฉวนโซ่วกลับบ้านมาเพียงแค่สามหรือสี่ครั้ง เมื่อกลับมาถึงบ้านเขาก็ไม่เคยช่วยงานหรือปริปากพูดสิ่งใด ในทางกลับกัน เขาขอเงินค่าเช่าที่เฉาซื่อเก็บได้ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง

เฉาซื่อไม่มีคัดค้าน

ในอดีต นางเป็นสมบัติล้ำค่าของกู้ฉวนโซ่ว แต่ตอนนี้นางเป็นเพียงแค่ดอกหญ้าริมทาง

การปฏิบัติต่อเฉาซื่อ ทุกครั้งที่เขากลับมาบ้าน นางจะถูกทุบตีหรือดุด่าราวกับเด็ก ด้วยเหตุนี้เฉาซื่อจึงหวังว่ากู้ฉวนโซ่วจะไม่กลับมาบ้านอีก

ทันทีที่กลับถึงบ้าน ทั้งครอบครัวตกอยู่ในสภาพเดือดร้อน

เมื่อซุนซื่อกลับไปยังบ้านเก่าตระกูลลู่ และที่นั่นยังคงมีทิวทัศน์เหมือนเดิม

เนื่องจากเฉาซื่อเป็นคนเกียจคร้าน และมีลูกสองคนวัยกำลังโตในครับครัว แต่พวกเขาไม่สามารถช่วยงานการภายในบ้านได้ จึงมีฝุ่นอยู่ทุกหนทุกแห่งทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน มูลไก่ มูลหมูมีอยู่ทั่วไปเต็มลานบ้าน

บ้านหลังนี้ราวกับเล้า เหม็นคลุ้งไปทั่วทุกที่

ข้างในยังมีเสื้อผ้าและเครื่องนอนที่ไม่ได้ซักหรือผึ่งแดดไว้โดยไม่ทราบระยะเวลา กลิ่นเหม็นอับนั้นทำให้นางแทบอยากจะอาเจียน

หากซุนซื่อไม่มาพบเฉาซื่อเพราะมีเรื่องสำคัญ นางคงไม่ต้องการอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น

เมื่อเห็นว่าเป็นซุนซื่อมาหา เฉาซื่อก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย

ในปีนี้ ซุนซื่อไม่ได้มาฉลองปีใหม่ที่บ้านเก่าตระกูลกู้

กล่าวคือ เมื่อกู้ฉวนลู่กลับมา เขาตรงไปที่หลุมศพเพื่อจุดธูปบูชา หากเฉาซื่อไม่พบเขาที่ถนนก็อาจไม่รู้ว่ากู้ฉวนลู่กลับมาแล้ว

เฉาซื่อต้องการให้พวกเขากลับมา เพราะถ้าพวกเขาไม่กลับมาก็จะไม่มีของขวัญปีใหม่

ชีวิตของเฉาซื่อได้ผ่านพ้นความยากลำบากมาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งล่อใจจากบ้านเก่าของตระกูลกู้ ถ้าไม่ใช่เพราะชีวิตที่ไม่น่าพอใจของหญิงหย่าร้าง เฉาซื่อก็ไม่ต้องการอยู่กับกู้ฉวนโซ่ว อีกต่อไปจริง ๆ

ยิ่งกว่านั้น เมื่อสมาชิกในครอบครัวได้ยินว่าเฉาซื่อต้องการหย่ากับกู้ฉวนโซ่ว พวกเขาต่างคัดค้าน โดยเฉพาะน้องสะใภ้ของเฉาซื่อ ถ้าพวกนางหย่ากัน เฉาซื่อจะไปอยู่ที่ไหนได้?

ไม่ใช่ต้องกลับไปอยู่บ้านแม่หรอกหรือ?

เมื่อนางกลับมาอยู่บ้าน ปากที่ต้องกินอาหารก็มีเพิ่มมากขึ้น เช่นนี้น้องสะใภ้จะไม่เกลียดตัวเองจนตายเลยหรือ โนเวล-พีดีเอฟ

เฉาซื่อเองก็ขบคิดเรื่องนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แล้ว ตราบใดที่กู้ฉวนโซ่วไม่มายุ่งวุ่นวาย หากปล่อยได้ก็ปล่อยไปเสียเถอะ

หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี เมื่อกู้ถิงถิงโตขึ้น นางจะหาคนที่จะแต่งงานด้วย และตนก็สามารถใช้ชีวิตต่อได้ด้วยเงินของกู้ถิงถิง

แต่เมื่อซุนซื่อปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เฉาซื่อพลันตกตะลึงเล็กน้อย

“เจ้ามาที่นี่ทำไม” สีหน้าของเฉาซื่อดูไม่ค่อยดีนัก นางมาทำอะไรที่นี่กัน

เฉาซื่อมองซุนซื่อด้วยสีหน้าหวาดระแวง เหตุใดซุนซื่อถึงอยากมาเจอตนเองกัน

แต่ทันทีที่ซุนซื่อก็หยิบบางอย่างออกมาจากรถหน้า สีหน้าของเฉาซื่อก็เปลี่ยนไปทันที และคลี่ยิ้มกว้างจนมองไม่เห็นดวงตา “พี่สะใภ้ ที่ท่านมาวันนี้มีเรื่องอันใดหรือ?”

สายตาของนางจ้องมองไปยังสิ่งที่ซุนซื่อ ราวกับว่ากำลังประเมินมูลค่าของสิ่งนั้น

เมื่อเห็นใบหน้าของเฉาซื่อเปลี่ยนไปเร็วกว่าพลิกหน้าหนังสือ มันทำให้ซุนซื่อรู้สึกคลื่นไส้

แต่อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของนางยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “น้องสะใภ้ นี่คือเทศกาลปีใหม่ เพราะพี่ใหญ่ของเจ้ายุ่งกับกิจการในร้าน และเหวินเอ๋อร์กำลังจะสอบในปีหน้า ที่บ้านข้าจึงยุ่งมาก!”

ใบหน้าของซุนซื่อแสดงอาการหมดหนทาง แต่ก็เป็นเรื่องดีที่ใบหน้าของนางยังปรากฏรอยยิ้ม แต่เฉาซื่อกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นทิ่มแทงสายตาเหลือเกิน

ความเป็นอยู่ของครอบครัวกู้ฉวนลู่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่สะใภ้ ท่านรีบเข้าบ้านเถิด ของชิ้นนี้คงหนักมาก ข้าจะท่านช่วยยกเอง” นางเฉาซื่อยิ้มเมื่อเห็นซุนซื่อนำสิ่งของมามากมาย และคาดว่าคงมีราคาหลายตำลึงเงิน

นางยื่นมือออกไปเพื่อจะหยิบของในมือซุนซื่อ ท่าทางรีบร้อนนั้นทำให้ซุนซื่อกลอกตา

แต่สิ่งนี้ถูกนำมาที่นี่เพื่อเฉาซื่อและมันจะเป็นของนางไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นหากนางต้องการก็เอาไปเถอะ

ซุนซื่อไม่พูดอะไรและยัดของทั้งหมดใส่อ้อมแขนของเฉาซื่อ เมื่อเห็นยิ้มกว้างบนใบหน้าของเฉาซื่อราวกับดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ ไม่ต้องพูดถึงว่านางตื่นเต้นแค่ไหน

หลังจากเข้าไปในบ้าน ซุนซื่อได้แต่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้าน แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว

มีฝุ่นหนาเตอะบนโต๊ะถายในห้องโถง ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดทำความสะอาด ภายในห้องเองก็เต็มไปด้วยฝุ่นผง ความยิ่งใหญ่ของตระกูลกู้ในอดีตอยู่ที่ไหนกัน

เฉาซื่อไม่สนใจมัน และวางของลงบนโต๊ะอย่างแรง จึงทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นมา

ซุนซื่อขมวดคิ้ว และใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกโดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่เฉาซื่อวางของลง นางก็ดึงซุนซื่อให้นั่งลงทันที ซุนซื่อไม่ยอมนั่งเพราะเกรงว่าฝุ่นบนเก้าอี้คงจะหนาถึงครึ่งชุ่น

หากนั่งลงไปมันจะไม่ทำให้เสื้อผ้านางสกปรกหรอกหรือ?

เมื่อเฉาซื่อเห็นว่าซุนซื่อไม่ได้นั่งลงก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายอาจคิดว่าสกปรกเกินไป เฉาซื่อยิ้มอย่างเคอะเขิน แล้วบ่นอุบด้วยใบหน้าเศร้า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าฉวนโซ่วไม่กลับบ้าน ข้าก็อยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียวกับเด็กสองอีกสองคน มันทำให้ข้าลำบากนัก”

เฉาซื่อหลับตาราวกับกำลังกลั้นทำนบน้ำตา

ซุนซื่อมาเพื่อจุดประสงค์อื่น ไม่ได้มาเพราะอยากได้ยินเฉาซื่อพร่ำบ่น จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรายืนคุยกันก็ได้ ที่ข้ากลับมาก็เพราะว่าจะมีเรื่องมาบอก”