บทที่ 921 อายุแปดล้านปี

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 921 อายุแปดล้านปี

หลงเฮ่าและหานอวี้กระตุ้นพลังเวทโจมตีหมอกดำ คิดจะสลายมัน ผลคือพลังเวทกลับถูกหักล้างไป

พวกเขามีสีหน้าตกตะลึง ทำได้เพียงเบิกตามองฉินหลิงถูกไอดำกลืนกินท่วมทับ จากนั้นก็ไอดำสหายหายไปในทันใด อีกทั้งฉินหลิงก็หายไปจากเบื้องหน้าทั้งสองด้วย

“เกิดอะไรขึ้น”

หานอวี้ขมวดคิ้วแน่น ตระหนกอย่างยิ่ง

ฉินหลิงคือศิษย์หลานที่เขาเห็นมาแต่เล็กจนโต เป็นคนที่เขารักเอ็นดูที่สุด!

หลงเฮ่ามองไปทางแดนบรรพกาล เอ่ยว่า “ฉินหลิงน่าจะถูกจับตัวไปแล้ว ตอนนี้มีแต่ต้องลองบุกเข้าไปดู”

หานอวี้พุ่งเข้าสู่แดนบรรพกาลทันที ไม่ลังเลเลยสักนิด

หลงเฮ่าตามหลังเขาไปติดๆ

ทั้งสองหนึ่งนำหนึ่งตามมุ่งเข้าสู่แดนบรรพกาล หายลับไปท่ามกลางหมอกหนาทึบ

….

ห้วงอวกาศกว้างไกลไร้ขอบเขต เจดีย์มรรคายิ่งใหญ่เคลื่อนที่ไปด้านหน้าช้าๆ มีเมืองและเกาะต่างๆ ลอยล้อมอยู่รอบสารทิศราวกับผู้คุ้มกัน ทรงอำนาจน่าเกรงขาม

ภายในเจดีย์

โจวฝานยืนอยู่หน้าคันฉ่องขนาดใหญ่บานหนึ่ง โม่ฟู่โฉวยืนอยู่ข้างกายเขา

ภาพทิวทัศน์ที่ปรากฏอยู่ในคันฉ่องคือแดนบรรพกาล

โม่ฟู่โฉวเอ่ยถาม “เจ้าเฝ้ามองแดนบรรพกาลแห่งนี้มาหลายวันแล้ว มองอะไรอยู่กันแน่”

โจวฝานดึงสติกลับมา เอ่ยยิ้มๆ “มองจากภายนอก แดนบรรพกาลดูเหมือนจะไม่มีความผิดปกติอันใด แต่หลายหมื่นปีมานี้ มักจะมีบุตรแห่งสวรรค์หายสาบสูญไปในละแวกแดนบรรพกาลเสมอ ด้วยคุณสมบัติของข้า เกรงว่าหากไปก็คงหายตัวไปเช่นกัน”

โม่ฟู่โฉวกลอกตาใส่ คนผู้นี้คุยโวนัก

“เทียบกับอาจารย์ของเจ้าแล้ว เจ้าจะนับเป็นบุตรแห่งสวรรค์อันใดเล่า” โม่ฟู่โฉวเอ่ยด้วยความหงุดหงิด เขาเน้นน้ำเสียงตรงคำว่าอาจารย์เป็นพิเศษ

โจวฝานกระดากใจขึ้นมาทันที

ที่ผ่านมาเขาปิดบังความสัมพันธ์ของตนกับหานเจวี๋ยไว้ ทำให้โม่ฟู่โฉวไม่สบอารมณ์ยิ่ง ปัจจุบันจึงนำเรื่องนี้มาเหน็บแนมเขาอยู่บ่อยครั้ง

โจวฝานกระแอมคราหนึ่ง เอ่ยว่า “เทียบกับอาจารย์แล้วไม่นับเป็นอันใดเลยจริงๆ แต่หากเทียบกับสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาล ข้านับเป็นบุตรแห่งสวรรค์จริงๆ ครั้งนี้ถึงแม้จะได้รับการคำชวนจักรพรรดิสวรรค์ แต่ก็ยังต้องระวังไว้ ข้าสังหรณ์ใจอยู่เสมอว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น”

โม่ฟู่โฉวกล่าวด้วยความอยากรู้ “อาจารย์ของเจ้าทราบเรื่องนี้หรือไม่”

โจวฝานตอบว่า “ย่อมทราบแน่นอน เพียงแต่เป้าหมายของเขาคือดวงจิตบรรพกาล ตอนนี้เป็นโอกาสให้พลทหารตัวเล็กๆ อย่างพวกเราได้ออกโรง รอจนศึกใหญ่ไปถึงช่วงท้ายแล้ว ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้ทรงพลังเหนือชั้นอย่างพวกเขาออกโรงตัดสินแพ้ชนะ”

เขาเล่าถึงมหันตภัยมรรคาสวรรค์หลายครั้งก่อน เล่าว่าหานเจวี๋ยสำแดงพลังอหังการอย่างไร

หลังจากโม่ฟู่โฉวได้ฟังก็สะท้อนใจยิ่ง

“เขายังเป็นเขาคนเดิม ปีนั้นสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เปิดศึกกับลัทธิมาร เขาก็ไม่ได้ลงมือก่อน แต่รอจนศัตรูบุกมาถึงสำนักแล้ว ถึงได้ลงมือพิฆาตศัตรู”

โจวฝานได้ยินโม่ฟู่โฉวพูดก็พยักหน้ารับ

“ถึงแม้ข้าจะไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ แต่ถ้ายืนอยู่ในจุดเดียวกับอาจารย์ เขาเพียงอยากฝึกบำเพ็ญอย่างสงบ ล้วนเป็นคนอื่นที่มาหาเรื่องเขาเสมอ เขายอมออกโรง ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว” โจวฝานส่ายหน้าหลุดขำออกมา

โม่ฟู่โฉวเอ่ยถาม “ความหมายของเจ้าคือดวงจิตบรรพกาลต้องเข้าโจมตีมรรคาสวรรค์ก่อน หานเจวี๋ยถึงจะออกโรงหรือ”

โจวฝานพยักหน้ารับ “ถูกต้อง ดังนั้นก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น ก็เป็นช่วงเวลาให้พวกเราได้แสดงฝีมือ ตอนนี้ผู้ที่อยากจัดการแดนบรรพกาลมิได้มีเพียงมรรคาสวรรค์ ผู้ทรงพลังทั้งหลายในฟ้าบุพกาลต่างมีความทะเยอทะยานเช่นนี้ แม้แต่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการผู้นั้นก็เป็นเช่นนี้ ในมุมมองของข้า ดวงจิตบรรพกาลยังไม่แน่ว่าจะสามารถโจมตีไปถึงมรรคาสวรรค์ได้ อาจารย์ก็คงคาดการณ์เอาไว้เช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ใส่ใจ”

โม่ฟู่โฉวรู้สึกว่ามีเหตุผล

….

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ภายในอารามเต๋า ขณะที่หานเจวี๋ยนั่งสมาธิอยู่แจ้งเตือนสามแถวเด้งขึ้นมาตรงหน้า

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุแปดล้านปีบริบูรณ์แล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที ฮุบกลืนเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ หลีกห่างข้อพิพาท จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน]

ฮุบกลืนเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดหรือ

หานเจวี๋ยอดส่ายหัวไม่ได้

เช่นนั่นมิใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ ปรมาจารย์ฟ้าทลายคิดจะทำเช่นนี้ ก็ถูกเหล่าจื่อขัดขวาง

หากเขาไป ผู้สร้างมรรคาจะไม่ลงมือหรือ

เจ้านวฟ้าบุพกาลไหนเลยจะนั่งเฉยมองเขาฮุบกลืนฟ้าบุพกาลของตนได้

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ

[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ หลีกห่างข้อพิพาท ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน]

เริ่มภารกิจสะสมชิ้นส่วนอนธการอีกครั้งแล้ว!

หานเจวี๋ยไม่หน่ายแหนงเลยสักนิด ทั้งยังตั้งตารอยิ่งนัก

เขานำศิลาก่อวิญญาณออกมา ผสานรวมกับปราณเทพมารกลุ่มหนึ่ง

เขาผสานรวมไปพลาง สังเกตโลกอนธการไปพลาง

ปราณเทพมารสามารถหล่อเลี้ยงเทพมารฟ้าบุพกาลได้แล้ว เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน แต่หลังจากที่เขากลายเป็นเทพมารปฐมยุค อัตราการหล่อเลี้ยงของปราณเทพมารเพิ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ หานเจวี๋ยสามารถสัมผัสถึงสัญญาณชีพของพวกเขาได้แล้ว

‘ต่อไปอาจจะเก็บศิลาก่อวิญญาณไว้ได้แล้ว’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

แผนการตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง กองทัพเทพมารไม่ได้สำคัญขนาดนั้นอีกต่อไป แต่นี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หากว่าหานเจวี๋ยจำเป็นต้องพึ่งพากำลังของกองทัพเทพมาร นั่นแปลว่าเขาอ่อนแอหรือตกอยู่ในสถานการณ์จวนตัว

เทพมารสามพันตนยังคงมีประโยชน์อยู่ วันหน้าช่วยเขาดูแลฟ้าบุพกาล ปกป้องมรรคาสวรรค์ได้

ยามนี้โลกอนธการกว้างใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง จะไล่ตามฟ้าบุพกาลทันในอีกไม่ช้าก็เร็ว

เพียงแต่โลกอนธการตั้งอยู่ในวิญญาณของเขา ยังคงไม่พ้นไปจากฟ้าบุพกาลอยู่ดี หากต้องการก้าวข้ามฟ้าบุพกาล เกรงว่าอนธการและฟ้าบุพกาลคงต้องปะทะกันในไม่ช้าก็เร็ว

เพียงแต่นั่นล้วนเป็นเรื่องในอนาคต!

ให้แข็งแกร่งขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยนึกขึ้นได้ว่าฮวงเอ๋อร์ก็ใกล้จะอายุครบหนึ่งล้านปีแล้วเช่นกัน

เขาถ่ายทอดเสียงหาหานฮวงทันที

ในไม่ช้า หานฮวงก็มาคารวะเขาในอารามเต๋า

“ท่านพ่อ แดนบรรพกาลก่อความเคลื่อนไหวในฟ้าบุพกาลใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ แล้วขอรับ ข้าได้ยินว่าดวงจิตบรรพกาลต้องการถล่มมรรคาสวรรค์ ฟ้าบุพกาลล้วนกำลังถกเถียงกันว่าระหว่างท่านกับดวงจิตบรรพกาลผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ท่านคิดเห็นเช่นไรขอรับ”

หานฮวงถามด้วยความสนใจ ชัดเจนยิ่งนัก เขารับรู้ข่าวสารของฟ้าบุพกาลผ่านช่องทางประตูมหามรรค

นักพรตเต๋าเสินเผาปากเปราะเสียจริง

เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน หานฮวงทำความเข้าใจฟ้าบุพกาลไว้ล่วงหน้าก็เป็นเรื่องดี

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ข้าไม่มีความเห็นอันใด รอให้สู้แล้วค่อยว่ากัน”

หานฮวงเอ่ยต่อว่า “ข้าได้ยินว่าบุตรแห่งสวรรค์มากมายในฟ้าบุพกาลล้วนถูกแดนบรรพกาลจับตัวไป ในบรรดานั้นมีอริยะมรรคาสวรรค์อยู่ด้วย ใช่แล้ว เชื้อสายคนหนึ่งของท่านก็ถูกจับไปเช่นกัน นักพรตเต๋าเสินเผาบอกข้ามา นามว่าหานอวี้อะไรสักอย่าง ใช่แล้ว หานอวี้!”

พอหานเจวี๋ยได้ยินก็ขมวดคิ้ว

ถึงแม้ปกติแล้วเขาจะไม่ได้นึกถึงหานอวี้เลย แต่สุดท้ายแล้วหานอวี้ยังคงเป็นเชื้อสายของเขา ซ้ำยังเป็นอริยะที่เขาให้การสนับสนุน จะนั่งเฉยดูดายได้หรือ

เขาเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมา พบว่ารูปประจำตัวหานอวี้ยังอยู่

เขาตรวจดูจดหมายอีกครั้ง

ไม่ใช่แค่หานอวี้เท่านั้น ฉินหลิง หลงเฮ่า โจวฝานและโม่ฟู่โฉวก็ถูกจับไปเหมือนกัน

[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านถูกดวงจิตบรรพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านยึดร่าง เจตจำนงถูกผนึก]

จดหมายที่ได้รับต่างเป็นเช่นนี้

เป็นเช่นเดียวกับเต้าจื้อจุน

ดวงจิตบรรพกาลคิดจะทำอะไร

คิดจะควบคุมบุตรแห่งสวรรค์เพื่อให้มาต่อสู้แทนตนจริงๆ น่ะหรือ

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘หลังจากดวงจิตบรรพกาลยึดร่างบุตรแห่งสวรรค์ จะสังหารพวกเขาหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยร้อยล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ไม่]

ที่แท้ดวงจิตบรรพกาลต้องการครอบครองฟ้าบุพกาล เป็นเจ้าแห่งฟ้าบุพกาล ย่อมไม่สามารถเข่นฆ่าบุตรแห่งสวรรค์ในฟ้าบุพกาลจนสิ้นได้

หานเจวี๋ยก็ไม่กลัว เมื่อถึงเวลาพอช่วยเหล่าศิษย์ที่ถูกจับตัวไปกลับมาแล้วค่อยใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ช่วยฟื้นฟู

“ท่านพ่อ ท่านคิดอะไรอยู่หรือขอรับ ท่านเตรียมจะต่อกรกับดวงจิตบรรพกาลหรือ เมื่อไร ที่ไหนขอรับ ข้าอยากดูด้วย!”

หานฮวงถามด้วยความตื่นเต้น หากดวงจิตบรรพกาลที่ทำให้เหล่าอริยะมหามรรคอกสั่นขวัญผวาสิ้นชีพด้วยน้ำมือของท่านพ่อ เช่นนั้นจะเกรียงไกรมากปานใดกัน!

………………………………………………………………