ตอนที่ 886 ช่วยเหลือ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 886 ช่วยเหลือ

เฉวียนอวี๋ติดตามดูแลรัชทายาทมาตั้งแต่เล็ก แม้ตอนนั้นรัชทายาทจะเป็นเพียงฉีอ๋องที่ไม่ได้รับความโปรดปราน ทว่า เฉวียนอวี๋ก็เป็นขันทีที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดจากองค์ชาย นอกจากเจ้านายของตัวเองแล้ว…แทบไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เฉวียนอวี๋ต้องลดศักดิ์ศรีคุกเข่าขอร้องสักคน

ต่อมาฉีอ๋องได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาท ฐานะของเฉวียนอวี๋จึงถูกยกระดับขึ้นด้วย ข้างกายของเฉวียนอวี๋มีแต่คนคอยประจบประแจง เขาไม่เคยคุกเข่าให้เจ้านายคนใดอีกเลย

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เฉวียนอวี๋ยอมลดศักดิ์ศรีคุกเข่าขอร้ององครักษ์คนหนึ่ง

องครักษ์ไป๋เห็นเฉวียนอวี๋เป็นเช่นนี้จึงนึกสงสาร เขาเคยพบเฉวียนอวี๋อยู่หลายครั้ง เฉวียนอวี๋ปฏิบัติต่อคุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่เป็นอย่างดี เขาไม่ได้ทำไปเพราะต้องการประจบประแจงเหมือนบ่าวคนอื่นๆ ทว่า เขาหวังดีและเป็นห่วงคุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่จากใจจริง องครักษ์ไป๋จำได้ว่าตอนที่คุณหนูใหญ่ได้รับบาดเจ็บแทนรัชทายาท เฉวียนอวี๋เป็นห่วงคุณหนูใหญ่มากกว่ารัชทายาทเสียอีก

เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่ด้านนอก ไป๋จิ่นเซ่อจึงออกมาดูว่าผู้ใดกล้าทำเช่นนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อออกมาจะเห็นเฉวียนอวี๋กงกง ขันทีข้างกายของอดีตรัชทายาท

กองทัพไป๋แห่งซั่วหยางที่เฝ้าอยู่หน้าจวนไป๋เตรียมทำความเคารพไป๋จิ่นเซ่อ ทว่า ไป๋จิ่นเซ่อยกมือห้ามไว้เสียก่อน

เมื่อได้ยินองครักษ์ไป๋กำลังเกลี้ยกล่อมให้เฉวียนอวี๋กลับไปก่อน กล่าวว่าคุณหนูใหญ่กำลังยุ่ง ไม่มีเวลาพบเขาจริงๆ ตั้งแต่กลับมาจากต้าเหลียงคุณหนูใหญ่ยังไม่ได้พักผ่อนแม้แต่น้อย องครักษ์อย่างพวกเขาไม่กล้าไปรบกวนคุณหนูใหญ่ในตอนนี้

ไป๋จิ่นเซ่อหันกลับไปกำชับเสียงเบา “ปฏิบัติต่อเฉวียนอวี๋กงกงให้ดี เกลี้ยกล่อมให้เขากลับไป ห้ามใช้กำลังกับเขาเด็ดขาด”

ทหารกองทัพไป๋กำหมัดรับคำ

ไป๋จิ่นเซ่อหันกลับไปมองเฉวียนอวี๋ที่กำลังร้องไห้วิงวอนอยู่หน้าจวนอีกครั้ง จากนั้นเดินกลับเข้าไปในจวน

เฉวียนอวี๋คือขันทีที่ได้รับความโปรดปรานจากอดีตรัชทายาทแห่งราชวงศ์หลินมากที่สุด ตามหลักแล้วเมื่อเกิดการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์…ขันทีเช่นเฉวียนอวี๋ต้องถูกกำจัดทิ้ง ทว่า ตอนที่เฉวียนอวี๋อยู่ข้างกายอดีตรัชทายาท เขาไม่เคยทำร้ายพี่หญิงใหญ่เลยสักครั้ง กลับช่วยเหลือนางอีกต่างหาก

ทว่า ฐานะของเฉวียนอวี๋ค่อนข้างกระอักกระอวน เขามั่นใจว่าพี่หญิงใหญ่คิดว่ารัชทายาทสิ้นพระชนม์แล้วจึงขึ้นครองราชย์ ต่อให้อนุญาตให้เขาพบพี่หญิงใหญ่ เมื่อเขารู้คำตอบที่ไม่เหมือนกับที่คิดไว้มันจะมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงกัน

ไป๋จิ่นเซ่อยกถาดเงินที่มีนมหมักวางอยู่แหวกม่านเข้าไปด้านในห้องของเรือนชิงฮุย เด็กสาวเห็นเจี่ยงหมัวมัวนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ข้างโต๊ะวางฎีกา นางรีบวางถาดที่ยกมาลงข้างกายไป๋ชิงเหยียน จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง

เจี่ยงหมัวมัวคุกเข่าร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน ไป๋ชิงเหยียนให้เจินหมิงและเจินกวงประคองเจี่ยงหมัวมัวลุกขึ้นอยู่หลายครั้ง ทว่า เจี่ยงหมัวมัวไม่ยอมลุกขึ้น

เจี่ยงหมัวมัวคลานเข่าไปด้านหน้า มองไปทางไป๋ชิงเหยียน น้ำเสียงที่กล่าวออกมารวดเร็วและเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย “คุณหนูใหญ่ องค์หญิงใหญ่มีความลำบากใจของท่าน คุณหนูใหญ่อย่าได้โกรธเคืองนางเลยนะเจ้าคะ นางคือท่านย่าของคุณหนูใหญ่ ขณะเดียวกันก็คือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ต้าจิ้นด้วย นางจะไม่สนใจราชวงศ์ที่เสด็จพ่อของนางทรงฝากฝังได้เช่นไรกันเจ้าคะ คุณหนูใหญ่อย่าโทษองค์หญิงใหญ่เลยนะเจ้าคะ!”

“หมัวมัวคุกเข่าอยู่เช่นนี้ หมัวมัวต้องการให้ข้าคุกเขาเป็นเพื่อนหมัวมัวอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนวางพู่กันลง จากนั้นมองไปทางเจี่ยงหมัวมัวพลางเอ่ยถาม

ไป๋จิ่นเซ่อเข้าไปช่วยพยุงเจี่ยงหมัวมัวด้วยตัวเอง “หมัวมัวลุกขึ้นเถิดเจ้าค่ะ หากหมัวมัวยังคุกเข่าเช่นนี้ต่อไป พี่หญิงใหญ่จะลงไปคุกเข่าไปเพื่อนหมัวมัวแล้วนะเจ้าคะ”

เมื่อได้ยินไป๋จิ่นเซ่อกล่าวเช่นนี้ เจี่ยงหมัวมัวจึงจับมือเจินกวงและเจินหมิงลุกขึ้นยืน จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา

“หมัวมัว ข้าทราบดีว่าเหตุใดท่านย่าจึงถูกเหลียงอ๋องจับตัวไปได้ ไม่ว่าท่านย่าจะทำไปเพราะต้องการปกป้องราชวงศ์หลินเป็นครั้งสุดท้ายหรือทำไปเพราะต้องการสอนบทเรียนในการเป็นจักรพรรดิให้ข้าหากข้ากบฏราชวงศ์หลินขึ้นมาจริงๆ ข้าก็ต้องช่วยท่านย่ากลับมาให้ได้ เพราะนางคือท่านย่าของข้า” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเจี่ยงหมัวมัวเสียงอ่อนโยน

“บัดนี้เหลียงอ๋องต้องการใช้ท่านย่าข่มขู่ข้า เขาไม่มีทางทำร้ายท่านย่าแน่นอน หมัวมัวไม่ต้องเป็นห่วง”

เจี่ยงหมัวมัวพยักหน้า เมื่อเห็นขอบตาที่ดำคล้ำาของไป๋ชิงเหยียน นางก็อดเป็นห่วงสภาพร่างกายของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ นางกำเสื้อแน่น จากนั้นเอ่ยถามเสียงเบา “ตอนที่คุณหนูใหญ่ทำศึกอยู่ที่ต้าเหลียง ท่านหมอหลวงส่งข่าวกลับมาบอกว่าร่างกายของคุณหนูใหญ่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือไม่เจ้าคะ”

เจี่ยงหมัวมัวยังจำถ้อยคำตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวกับนางตอนที่ตระกูลไป๋สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่แล้วนางเอาแต่ขอร้องให้คุณหนูใหญ่ปล่อยเด็กเนรคุณผู้เป็นบุตรอนุของนายท่านรองไป เอาแต่กล่าวถึงความลำบากใจขององค์หญิงใหญ่ให้คุณหนูใหญ่ฟังโดยลืมสนใจไปว่าคุณหนูใหญ่เพิ่งถูกโบยโทษฐานตีกลองเติงเหวินร้องทุกข์ได้ดี

เจี่ยงหมัวมัวเห็นการเติบโตของไป๋ชิงเหยียนมาตั้งแต่หญิงสาวเล็กๆ คุณหนูใหญ่ของนางเป็นคนที่แม้เจ็บปวดก็ไม่มีทางร้องออกมา ตอนนั้นนางมีเรื่องต้องคิดและจัดการมากมาย เมื่อไป๋ชิงเหยียนไม่กล่าวออกมา เจี่ยงหมัวมัวจึงคิดว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นสตรีเหล็กที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดจริงๆ

“หมัวมัวไม่ต้องเป็นห่วง ท่านหมอหงคอยดูแลข้าตลอดทางอยู่แล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเจี่ยงหมัวมัวเสียงแผ่วเบา จากนั้นกำชับขึ้นอีก “หมัวมัวกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด เมื่อท่านย่ากลับมาหมัวมัวต้องดูแลท่านอีก หมัวมัวควรดูแลตัวเองให้ดีด้วย”

เจี่ยงหมัวมัวมองไปทางไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา จากนั้นพยักหน้า “คุณหนูใหญ่ควรรีบพักผ่อนเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ”

เมื่อเจี่ยงหมัวมัวจากไป ไป๋จิ่นเซ่อเปลี่ยนตะเกียงไฟอันใหม่ให้ไป๋ชิงเหยียน

เมื่อตะเกียงถูกเปลี่ยน โต๊ะที่วางอยู่หน้าเก้าอี้ก็สว่างขึ้นทันที

ไป๋ชิงเหยียนจุ่มพู่กันลงในน้ำหมึกจากนั้นจรดพู่กันลงบนฎีกา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นไป๋จิ่นเซ่อเขย่งปลายเท้าปรับเร่งแสงไฟในตะเกียงที่วางอยู่บนแท่นไม้แกะสลักสูงด้านข้างผ่าม่าน

“พี่หญิงรองของเจ้ายังไม่ส่งข่าวกลับมาอีกหรือ” ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วถามไป๋จิ่นเซ่อ

ไป๋จิ่นเซ่อส่ายหน้า จากนั้นเอ่ยปลอบไป๋ชิงเหยียน

“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ เหมือนพี่หญิงใหญ่กล่าวกับเจี่ยงหมัวมัว เหลียงอ๋องจับตัวท่านย่าไปเพราะต้องการข่มขู่พี่หญิงใหญ่ เขาไม่มีทางทำร้ายท่านย่าแน่นอนเจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ไป๋จิ่นเซ่อจึงนั่งลงด้านข้างไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ให้ขุนนางพักผ่อนหนึ่งวัน พี่หญิงใหญ่ก็ควรพักด้วยเจ้าค่ะ!”

“รออ่านฎีกาเหล่านี้จบก่อน…” ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองสองมือที่พันผ้าพันแผลเรียบร้อยของน้องสาว จากนั้นเอื้อมมือลูบศีรษะนางอย่างแผ่วเบา “ไปพักเถิด”

ไป๋จิ่นเซ่ออยากอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงใหญ่ต่อ ทว่า นางรู้ดีว่าเมื่อกล่าวออกมาพี่หญิงใหญ่จะไล่ให้นางกลับไปพักผ่อนโดยอ้างว่านางอยู่ในวัยกำลังโต ดังนั้นไป๋จิ่นเซ่อจึงช่วยไป๋ชิงเหยียนเก็บฎีกาที่อนุมัติเรียบร้อยไว้ด้านข้างพลางกล่าว “เมื่อครู่เฉวียนอวี๋กงกงขันทีข้างกายอดีตรัชทายาทแห่งราชวงศ์หลินมาตะโกนขอพบพี่หญิงใหญ่อยู่นอกจวนไป๋เจ้าค่ะ ข้าออกไปดูจึงเห็นว่าองครักษ์ไป๋กำลังเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไปเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนชะงักมือที่กำลังจะจุมพู่กันลงในถาดหมึก หญิงสาวจำได้ว่าเฉวียนอวี๋เคยเอ่ยเตือนไป๋จิ่นจื้อตอนที่นางกำลังสืบเรื่องเสบียงอาหารที่ถูกยักยอก นึกถึงเรื่องที่เฉวียนอวี๋คอยให้ความช่วยเหลือนางอย่างลับๆ จนไป๋จิ่นจื้อเข้าใจผิดคิดว่าเฉวียนอวี๋คือสายลับที่นางส่งไปจวนรัชทายาท

ไป๋ชิงเหยียนจรดพู่กันลงบนฎีกาต่อโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาพลางกล่าวเสียงราบเรียบ

“ให้เจินหมิงไปดูสิว่าเฉวียนอวี๋ยังอยู่หรือไม่ หากอยู่ให้พามาพบพี่”

ไป๋จิ่นเซ่อพยักหน้า จากนั้นเดินออกไปสั่งเจินหมิงที่กำลังยืนเฝ้าเรือนชิงฮุยอยู่

ไม่นานเจินหมิงพาเฉวียนอวี๋เดินเข้ามา