บทที่ 903 ดาวหายนะ

บทที่ 903 ดาวหายนะ

อาจารญต้าวซิ่นขมวดคิ้วแน่นมองไปทางร้านจิ่นฝู หลังจากปักหลักยืนอย่างมั่นคงแล้วก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน

ครั้นทุกคนเห็นเช่นนี้ เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นจอแจ

“ท่านอาจารย์ต้าวซิ่น เกิดอะไรขึ้นหรือ? เหตุใดถึงหยุดอยู่หน้าร้านจิ่นฝูเช่นนี้ล่ะ”

เมื่อเห็นฝีเท้าของเขาหยุดลง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันมุ่น หัวใจยอมเกิดความสงสัย และเอ่ยถามออกมา

“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีดาวหายนะอยู่ที่นี่” ดูเหมือนใครบางคนจะคิดอะไรบ้างอย่างขึ้นมาได้

“เป็นไปได้อย่างไร ร้านจิ่นฝูอยู่ในเมืองของเรามานานหลายปี หากมันเป็นหายนะ แผ่นดินคงแห้งแล้งไปตั้งแต่หลายปีก่อนโน้นแล้ว”

“นั่นก็ไม่แน่นอนเสมอไป ร้านจิ่นฝูอาจจะไม่ใช่ แล้วคนภายในร้านเขาเล่า?”

“ลูกจ้างภายในร้านของพวกไม่ใช่คนท้องถิ่นจากเมืองหลิวเจียของเราหรือไรเล่า”

“ใครบอกว่าไม่มีคนมาจากที่อื่น?” หนึ่งในนั้นตะโกนเสียงดัง “คนทำบัญชีคนนั้น นางไม่ใช่คนเมืองหลิวเจีย”

มีคนลากกู้เสี่ยวหวานออกมาโดยไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของนาง แต่มีใครไม่รู้บ้างว่าคนทำบัญชีของร้านจิ่นฝูเป็นผู้หญิง และคนผู้นั้นคือกู้เสี่ยวหวาน

มีคนพยายามปกป้องกู้เสี่ยวหวาน “อย่าพูดไร้สาระ นางทำงานเป็นคนทำบัญชีในร้านจิ่นฝูมาหลายปีแล้ว และทุกอย่างก็ปกติดี”

“ใช่ เมื่อก่อนทุกอย่างปกติ เพราะนางไม่ได้ย้ายมาอยู่เมืองเรา ปีนี้นางย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเราแล้วไม่ใช่หรือ? ปีนี้ฝนแล้งไม่เป็นใจ หากไม่ใช่เพราะนาง แล้วจะเป็นใครได้เล่า”

มีคนสาปแช่ง “ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนั้นดูไม่ดีมานานแล้ว เด็กผู้หญิงที่อ่านหนังสือไม่ออก แต่กลับสามารถคำนวณบัญชีได้ และเปิดตัวมันเทศที่เราไม่รู้จัก นางไม่ใช่หายนะแล้วจะเป็นอะไร”

ฝูงชนได้ยินเสียงยั่วยุนี้ต่างก็ตะโกนเห็นพ้องต้องกัน “ใช่ ใช่ ใช่ ต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นแน่ ๆ”

“พวกเจ้ายังคงไม่รู้สินะ เด็กหญิงคนนั้นมาที่เมืองหลิวเจียของเราได้อย่างไร นั่นมันเป็นเพราะถูกคนจากหมู่บ้านอู๋ซีขับไล่ออกมา”

“ว่าอย่างไรนะ” มีคนตะโกนขึ้นอย่างไม่เชื่อหู

“ข้าได้ยินเรื่องนี้มาภายหลัง ข้าได้ยินว่ามีบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นในหมู่บ้านอู๋ซี นักบวชเต๋าคนหนึ่งบอกว่าเด็กหญิงคนนี้ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง และจากนั้นเด็กหญิงคนนั้นก็เกิดความหวาดกลัว แล้วหนีออกมา”

เรื่องราวของวิญญาณร้ายเข้าสิ่งขจรขจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว โนเวล-พีดีเอฟ

ทุกคนมองไปที่ร้านจิ่นฝูด้วยตาเบิกกว้าง โดยหวังว่าพวกเขาจะสามารถดึงกู้เสี่ยวหวานออกมาทันที และปล่อยให้นางแสดงตัวตนที่แท้จริงต่ออาจารย์ต้าวซิ่น

“นางเป็นเพียงแค่เด็ก มีจิตใจอันดีงาม นางจะเป็นดาวหายนะได้อย่างไรกัน” ใครบางคนยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง และออกหน้าแทนกู้เสี่ยวหวาน

แต่ก็มีใครบางคนจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง “นางไม่ใช่ดาวหายนะ แต่เจ้าต่างหากที่เป็น เช่นนั้นก็เผาเจ้าเลยแล้วกัน มาดูกันว่าฝนจะตกหรือไม่”

คนรอบข้างโห่ร้อง เผาดาวหายนะ เผาดาวหายนะ

เกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายขึ้ยชั่วขณะ

เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มควบคุมไม่ได้ ลวี่เทาจึงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ทุกคน ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ท่านอาจารย์ต้าวซิ่นพบที่อยู่ของดาวหายนะแล้ว โปรดอย่าได้กังวลไป อาจารย์ต้าวซิ่นมีสายตาที่เฉียบแหลม และจะให้ความยุติธรรมกับทุกคนเอง”

ด้วยคำพูดของลวี่เทา ทุกคนจึงสงบลงและมองไปยังประตูที่ถูกปิดสนิทของร้านจิ่นฝู

ภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ต้าวซิ่น ชายฉกรรณ์สองคนรุดขึ้นหน้าหยุดลงที่ประตูร้านจิ่นฝู และเริ่มเคาะประตูเสียงดัง

“เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้”

ภายใต้สายตาของทุกคน ตอนนี้ดาวหายนะอยู่ภายในร้านจิ่นฝูอย่างไม่ต้องสงสัย

พวกเขาทั้งหมดเบิกตากว้าง และเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของคนในร้านจิ่นฝู

ชายฉกรรจ์ออกแรงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ

ภายในร้าน อาโม่และฉือโถวมองไปที่กู้เสี่ยวหวานเพื่อรอคอยคำสั่ง

กู้เสี่ยวหวานฟังเสียงการสนทนาของฝูงชนข้างนอกโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ดาวหายนะ

ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิ่ง

ทำไมทุกอย่างจะต้องมาเกิดขึ้นที่ร้านจิ่นฝูอีกครั้ง

หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับกว้างขึ้น แต่ดวงตาของนางเย็นเยือกราวกับธารน้ำแข็ง

“คุณหนู พวกเราควรทำอย่างไรดี” อาโม่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาพร้อมจะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องความปลอดภัยของกู้เสี่ยวหวาน

ฉือโถวมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความเป็นห่วง

เหตุการณ์ดังกล่าวทับซ้อนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านอู๋ซี มันเหมือนกันทุกประการ

กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมองอาโม่ เมื่อเห็นเขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้า จากนั้นเดินเข้าไปใกล้ประตู และยืนอยู่นิ่ง ๆ

“เปิดประตู” กู้เสี่ยวหวานออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ความหนักแน่นของเสียงนั้นมั่นคงอย่างไม่ต้องสงสัย

ลูกจ้างที่อยู่ข้างตอบรับ พร้อมปลดกลอนประตู

ประตูของร้านจิ่นฝูถูกเปิดออกช้า ๆ จนส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด

แสงแดดด้านนอกส่องเข้ามาในร้านจิ่นฝู

ทั้งยังนำคลื่นความร้อนเข้ามาด้วย

เป็นเวลานานแล้วที่ฝนไม่ตก และแม้แต่อากาศก็แห้งแล้ง ไม่มีร่องรอยของความชื้น มันร้อนผ่าวจนแผดเผาไปทั่วลำคอ

ประตูตรงหน้าของนางค่อย ๆ เปิดออก กู้เสี่ยวหวานเดินออกไปโดยลังเล

เมื่อเห็นกลิ่นอายรอบกายกู้เสี่ยวหวาน ชายฉกรรณ์ที่เคาะประตูรู้สึกราวกับถูกคลื่นลูกใหญ่ถาโถมซัดสาดเข้ามา

กลิ่นอายน่าเกรงขามท่วมท้นจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับเข้าใกล้

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมาก็รีบหมุนกายกลับแล้วกระโดดลงจากบันได้ทันที

เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายบนร่างกายของกู้เสี่ยวหวานมีแรงกดดันมาเกินไป ท่าทางของพวกเขาดูขี้ขลาดและอ่อนแอ การกระทำเช่นนี้ในสายตาของผู้คนรอบข้าง แท้จริงแล้วเป็นสัญญาณของความกลัว

พวกเขารู้สึกว่าชายสองคนนั้นกำลังหวาดกลัว

ในใจของพวกเขายิ่งคิดว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นดาวแห่งความหายนะมากยิ่งขึ้น

พวกเขาทั้งหมดถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว

มีเพียงอาจารย์ต้าวซิ่นเท่านั้นที่สวดอามิตาพุทธ จากนั้นก้าวไปข้างหน้า มองไปที่กู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างเคร่งขรึม “โยมผู้หญิง อามิตาพุทธ”

น้ำเสียงแผ่เมตตา แต่ความละโมบฉายชัดในแววตา และสีหน้าเคร่งขรึมไม่มีความกรุณา ไม่สมกับเป็นพระสงฆ์เลยสักนิด

ถุงใต้ตาดำคล้ำ เนื้อตัวมีกลิ่นเหล้าและกลิ่นเนื้อทั่วตัว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาคือ พระปลอม

ทำตัวให้เหมือนพระจริง ๆ นั่นคือการหลอกลวงชาวบ้านผู้โง่เขลาเหล่านี้

ครั้นได้ยินเช่นนั้นแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ทักทายกลับเช่นกัน “ท่านอาจารย์”

——————————————-