ตอนที่ 238-1 คุณชายรองตระกูลจีลงมือ สั่งสอนพวกจอมปลอม
ข่าวเรื่องจั๋วหม่าตัวจริงตัวปลอมแพร่ไปทั่วเกาะราวกับไฟลามทุ่ง อย่างที่บอกไว้ว่าข่าวดีไม่มีหลุด ข่าวร้ายกระจายนับพันลี้ ความเร็วในการแพร่กระจายของข่าวนี้รวดเร็วเสียยิ่งกว่าโรคระบาดครั้งใหญ่เสียอีก แทบจะในชั่วเวลาเพียงคืนเดียว ชาวบ้านทั้งเกาะต่างรับรู้กันถึงข่าวนี้ ซึ่งทำให้แผนการขึ้นบัญชีวงศ์ตระกูลของ “จั๋วหม่าน้อย” ถูกรบกวนอย่างไม่อาจมองข้ามได้
“บูชาบรรพบุรุษ?” บนโต๊ะอาหารมื้อเช้า เหอจั๋วรับช้อนที่สาวใช้ส่งมาให้
สาวใช้ยกข้าวต้มขาวส่งไอร้อนเข้ามาอีกถ้วยหนึ่ง สตรีนางนั้นลุกขึ้นยืน “ข้าทำเอง”
สาวใช้ส่งข้าวต้มไปให้นาง นางยกสองมือเข้าไปให้เหอจั๋วแล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะเสียงเบาว่า “ใช่เจ้าค่ะ ท่านตา ข้ามาอยู่ที่เกาะตั้งนานเพียงนี้แล้ว ยังไม่ได้ไปจุดธูปไหว้ท่านยายเลย ตอนข้ายังเด็ก ท่านแม่มักพูดถึงท่านยายให้ฟังอยู่บ่อยๆ บอกว่าท่านยายเป็นแม่ที่อบอุ่นใจดีมาก ข้าอยากพบหน้านางมาตลอด แค่เพียงคิดไม่ถึงว่าข้าจะมาช้าเกินไป ท่านยายเสียชีวิตไปก่อน”
พอเอ่ยถึงตรงนี้เสียงนางก็ต่ำลง “ต่อให้แค่ได้จุดธูปกราบไหว้นางก็ยังดี”
เหอจั๋ว “พวกเราชนเผ่าถ่าน่าไม่จุดธูปให้คนตาย”
คนชนเผ่าถ่าน่าเชื่อในองค์เทพ นอกจากองค์เทพกับทูตสวรรค์แล้ว ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่ได้รับกลิ่นควันธูปและการบูชาจากพวกเขาทั้งสิ้น แม้จะเป็นผู้สูงศักดิ์อย่างฮูหยินเหอจั๋ว เมื่อตายไปก็ทำได้เพียงกลายเป็นดินเหลืองหนึ่งกำมืออย่างสงบเท่านั้น
เมื่อเห็นสีหน้าประดักประเดิดของสตรีนางนั้น เหอจั๋วก็ผ่อนน้ำเสียงให้อ่อนโยนขึ้น เอ่ยปลอบว่า “เจ้าโตมาในจงหยวน จะไม่รู้เรื่องธรรมเนียมประเพณีก็นับเป็นเรื่องปกติ”
สตรีนางนั้นสีหน้าดูดีขึ้น พูดเบาๆ ว่า “ข้าเพียงแค่อยากไปพบท่านยาย อยากบอกท่านว่าข้ากลับมาแล้ว”
เหอจั๋วเอ่ยด้วยสีหน้ายินดี “เจ้ามีใจคิดเช่นนี้นับเป็นเรื่องดี เพียงแต่เจ้ายังไม่ได้ขึ้นบัญชีวงศ์ตระกูล จึงไม่อาจไปยังสุสานของตระกูลเฮ่อหลันได้”
เช่นนั้นก็รีบขึ้นบัญชีข้าสิ!
สตรีนางนั้นร้อนรนอยู่ภายใน แต่ใบหน้ากลับดูไม่มีอะไรแปลกไปสักนิด พูดอย่างว่าง่ายและประหลาดใจว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง มิน่าเล่าข้าถึงไม่อาจไปเยี่ยมท่านยายได้เสียที เช่นนั้น… เมื่อไรข้าถึงจะได้ขึ้นทะเบียนวงศ์ตระกูลหรือ?”
ไม่รอให้เหอจั๋วตอบ นางกำนัลชิงเหยียนที่อยู่ด้านข้างตอบแทนว่า “จั๋วหม่าน้อย ไม่ใช่ว่าเหอจั๋วไม่อยากให้ท่านขึ้นบัญชีวงศ์ตระกูล แต่ด้วยเพราะสถานการณ์เวลานี้ไม่ดีเอาเสียเลย หลายวันนี้ท่านไม่ได้ออกนอกปราสาท จึงไม่รู้ว่าข้างนอกเขาลือกันไปอย่างไรบ้าง เรื่องที่ท่านเป็นจั๋วหม่าน้อยตัวปลอม เล่าลือกันไปหนาหู ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ดันเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น จึงโวยวายอยากจะพบจั๋วหม่าน้อยตัวจริงให้ได้!”
สายตาสตรีนางนั้นเปลี่ยนเป็นดุดัน “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทั้งๆ ที่ข้าเป็นตัวจริงแท้ๆ!”
นางกำนัลชิงเหยียน “พวกเราต่างรู้ดี แต่เสียดายที่ทุกคนไม่เข้าใจ หากในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เราดึงดันจะรับท่านกลับเข้ามาในตระกูล เกรงว่าคงทำให้ทุกคนเกิดความสงสัย ซึ่งนี่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เหอจั๋วต้องการเห็น”
ให้ตายเถอะ!
เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงเกิดจุดหักเหเช่นนี้ขึ้นมาได้?
มือของสตรีนางนั้นที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะกำแน่น อยากจะด่าพวกชาวบ้านโง่เขลาเหล่านั้นให้สักที คำด่าแล่นมาถึงริมฝีปาก แต่ก็คิดได้ว่าชาวบ้านโง่เขลาเหล่านั้นล้วนเป็นประชาชนของเหอจั๋ว เหอจั๋วรักใคร่ชาวประชาดั่งบุตร หากตนด่าว่าดูหมิ่นพวกเขา จะไม่เท่ากับด่าว่าเหอจั๋วหรอกหรือ
สตรีนางนั้นข่มไฟโทสะลง เอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”
นางกำนัลชิงเหยียนถอนใจ “ใช่น่ะสิ ช่างน่าตกใจยิ่งนัก เดิมทีเหอจั๋ววางแผนไว้ว่าสามวันหลังจากนี้จะพาจั๋วหม่าน้อยไปขึ้นบัญชีวงศ์ตระกูล แต่เวลานี้เกรงว่าคงต้องรอให้ลมพายุนี้พัดผ่านไปก่อนเสียแล้ว”
เล็บของสตรีนางนั้นจิกเข้าไปในเนื้อ สามวัน แค่เพียงสามวันนางก็จะได้เป็นจั๋วหม่าน้อยของชนเผ่าถ่าน่าแล้ว ใครกันที่ปล่อยข่าวลือออกไปเช่นนี้!
“จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูคงไม่เป็นอะไรกระมัง”
เสียงของเหอจั๋วตัดตอนความคิดของสตรีนางนั้น
สตรีนางนั้นยิ้มน้อยๆ “ไม่เป็นอะไรมากเจ้าค่ะ เมื่อวานลมเย็น เลยไม่สบายเล็กน้อย ข้าเลยให้พวกเขาพักผ่อนอยู่ในห้อง”
เหอจั๋วพยักหน้า “ต้องดูแลให้ดีนะ”
“ข้าทราบเจ้าค่ะ” สตรีนางนั้นรับคำ
…
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ สตรีนางนั้นนั่งรถม้าออกจากปราสาทเฮ่อหลัน คราแรกที่บรรดาผู้อาวุโสเริ่มสงสัยในตัวนาง นางไม่ได้ดับความสงสัยนั้นในทันที จนกระทั่งเมื่อวานที่ได้พบจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูตัวจริง ลูกไฟแห่งความสงสัยในใจของเหล่าผู้อาวุโสก็ลุกพรึ่บขึ้นทันควัน
เป็นอย่างที่พูดกันว่าพลาดหนึ่งครั้งฉลาดขึ้นหนึ่งขั้น นางไม่มีทางให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าชาวบ้านสงสัยในตัวนางหรือ เช่นนั้นนางก็จะทำให้ความสงสัยของคนเหล่านั้นหมดลงเสีย!
รถม้าเคลื่อนตัวตามถนนใหญ่ออกจากปราสาทถ่าน่าไปยังเมืองเล็กที่ยากจนข้นแค้น
นางเคยรักษาให้ชาวบ้านแถวนี้โดยไม่คิดเงิน แต่ความเมตตาเพียงครั้งหรือสองครั้งไม่อาจนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ได้ ที่นี่ยังคงเต็มไปด้วยความอัตคัด อดอยาก โรคร้ายและความยากแค้น
บนถนนมีแต่ความวุ่นวาย พ่อค้าเข็นรถเข็นร้องขายของอยู่ตามข้างทาง มีคนขี้เหล้านอนอยู่ตามมุมนอกร้าน ไม่รู้ว่าหลับหรือตายไปแล้ว
สตรีนางนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก นัยน์ตาฉายแววรังเกียจ พอรถม้าหยุดจอดตรงริมถนน ก็มีองครักษ์มาเปิดผ้าม่านให้ นางจึงกลับมามีท่าทีของจั๋วหม่าน้อยที่เรียบร้อยใจดี ใกล้ชิดกับผู้คนอีกครั้ง
องครักษ์หาพื้นที่ส่วนที่ค่อนข้างสะอาดแล้วเข้าไปจัดแจงวางโต๊ะ กางเก้าอี้ ยกสมุนไพรออกมาวางเป็นกล่องๆ
ชาวบ้านในเมืองกรูกันเข้ามาห้อมล้อมอย่างรวดเร็ว
สตรีนางนั้นยิ้มเอ่ยว่า “พวกเจ้าไม่ต้องเบียดกัน ตั้งแถวให้ดี ข้ารับปากว่าจะได้รับการตรวจกันทุกคน”
ชาวบ้านจึงยืนเรียงเป็นสองแถวยาวเหยียดตามการจัดการขององครักษ์ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังมีชาวบ้านที่ไม่รักษากฎระเบียบเข้าไปห้อมล้อมจนแน่นขนัดแทบหายใจไม่ออก
องครักษ์ถือหอกแนวขวางล้อมรอบสถานที่ตรวจเอาไว้ ทั้งยังเป็นการกันชาวบ้านที่ไม่เคารพกฎเหล่านั้นออกไปด้วย
สตรีนางนั้นตรวจโรคให้หญิงชราคนหนึ่ง “ร่างกายเจ้าร้อนมาก ข้าจะจัดยาให้เจ้ากลับไปกิน ยาหนึ่งชุดต้มสองรอบ เช้าเย็นวันละครั้ง ครั้งละหนึ่งชาม สักสามวันก็จะหายเป็นปกติ”
หญิงชราดีใจจนน้ำตาไหล “ขอบคุณจั๋วหม่าน้อยมาก! ขอบคุณจั๋วหม่าน้อยมาก! จั๋วหม่าน้อยเป็นดั่งแสงจันทร์แห่งชนเผ่าถ่าน่าเราจริงๆ! ขอให้องค์เทพคุ้มครองท่าน!”
สตรีนางนั้นยิ้มน้อยๆ พร้อมพยักหน้า “ขอให้องค์เทพคุ้มครองเจ้าเช่นกัน”
สตรีนางหนึ่งอุ้มเด็กสามขวบคนหนึ่งเข้ามา
เด็กน้อยเป็นหวัด สตรีนางนั้นจึงให้ยาเม็ดแก้หวัดไปกับนาง ยาเม็ดนี้เอาไปบดเป็นผงแล้วผสมกับน้ำเดือด ดื่มวันละสามครั้ง ทั้งหมดห้าเม็ด สักสามวันก็จะหายจากโรคนี้เอง
หลังจากนั้นสตรีนางนั้นยังตรวจโรคให้คนอีกจำนวนไม่น้อย ทุกคนต่างซาบซึ้งใจยิ่งนัก พากันสรรเสริญนางยกใหญ่
สถานที่ตรวจโรคอยู่ตรงข้ามกับโรงสุราของเฟิงซานเหนียงนั้นเอง หากนั่งอยู่ตรงโต๊ะริมหน้าต่าง สามารถมองเห็นความเป็นไปทุกอย่างได้ชัดเจนไม่มีตกหล่น
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยดื่มเหล้าที่ทำจากองุ่นป่าของชนเผ่าถ่าน่าแล้วทำเสียงจึ๊จ๊ะ “ดูความเร็วในการซื้อใจคนของนางเข้า ไม่ช้ากว่าที่พวกเราปล่อยข่าวลือเลยนะ!”
ถูกต้อง ข่าวลือเรื่องจั๋วหม่าน้อยตัวจริงตัวปลอมที่ลือกันไปทั่วเกาะนั้น พวกเขาเป็นคนปล่อยเอง ส่วนที่ว่าใครเป็นเจ้าของความคิดชั่วร้ายนี้ ก็ย่อมต้องเป็นใต้เท้าอัครเสนาบดีที่น่าเคารพอยู่แล้ว จีหมิงซิวเป็นขุนนางมาหลายปี รู้ดีถึงพลังแห่งใจปวงประชา ชาวบ้านเหล่านั้นถึงจะดูไร้ซึ่งพิษสง แต่หากพวกเขาทุกคนมัดรวมกันเป็นเชือกเส้นเดียว ก็คงไม่อาจดูถูกได้
นี่แค่ผ่านไปไม่กี่วัน ใครบางคนก็นั่งอยู่ในปราสาทเฮ่อหลันไม่ติดแล้ว
เฉียวเวยยิ้มบางๆ “ถึงอย่างไรนางก็เป็นจั๋วหม่าน้อย ความเร็วในการซื้อใจคนย่อมรวดเร็วกว่าชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเรา เราแค่ไปดึงขานางไว้ก็สิ้นเรื่อง!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามว่า “ดึงอย่างไร? เจ้าคงไม่ได้คิดจะปลอมตัวเป็นคนป่วยไปทำลายภาพลักษณ์นางหรอกกระมัง ใบหน้านี้ของเจ้า แค่ออกไปคนเขาก็จำได้แล้ว!”
นี่เป็นเรื่องจริง นางมีใบหน้าที่เหมือนอีกฝ่ายราวกับแกะ คนอื่นเห็นก็รู้ทันทีว่าตัวจริงกับตัวปลอมกำลังวัดฝีมือกันอยู่ เจ้าคนตัวปลอมเริ่มซื้อใจคนก่อน หากตนบุกเข้าไปก่อกวนประโยชน์ของชาวบ้าน ในสายตาของชาวบ้านก็จะเห็นว่าตัวปลอมกำลังหาเรื่องตัวจริง นางไม่โง่เขลาถึงขั้นรีบเข้าไปเป็นหินรองเท้าให้เจ้าตัวปลอมหรอก
ตอนนี้ตัวตนจริงของนางเปิดเผยแล้ว ไม่จำเป็นต้องแสร้งปลอมตัวเป็นเฟิ่งชิงเกออีก นางเลยเอาหน้ากากเฟิ่งชิงเกอขึ้นหิ้งไปนานแล้ว หากใช้ใบหน้าของเฟิ่งชิงเกอ คิดดูแล้วคงทำอะไรสะดวกขึ้นไม่น้อย เพียงแต่ต่อให้ไม่มีหน้าของเฟิ่งชิงเกอ ก็ยังมีหน้าของเยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับจีอู๋ซวงไม่ใช่หรือ
สายตาเจ้าเล่ห์ของเฉียวเวยหยุดมองที่ใบหน้าคนทั้งสอง
หนังตาจีอู๋ซวงเต้นตุบๆ กัดฟัดพูดว่า “เจ้าคิดจะทำอะไรอีก!”
…
หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ ชายหญิงวัยกลางคนสองคนก็ไปปรากฏอยู่ด้านหลังฝูงชน คนเป็นบุรุษเครื่องหน้าทั้งห้าปกติเรียบร้อย หลังใหญ่เอวหนา ส่วนสตรีดูมีความงดงามอยู่บ้าง ผิวพรรณขาวเนียน ดวงตามีเสน่ห์ ริมฝีปากแดงระเรื่อย เสื้อผ้าอาภรณ์งดงามเปล่งประกาย มือเรียวยาวขาวผ่อง เรียกได้ว่าโดดเด่นเหนือผู้คน
“บอกแต่แรกแล้วว่าให้ข้าเป็นคนที่อยู่ข้างบน!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยหยิกแก้มจีอู๋ซวงอย่างมันเขี้ยว “ภรรยาข้าช่างงามนัก!”
จีอู๋ซวงถลึงตาใส่เขา “ไป๊!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
ทั้งสองไม่ได้แสดงเป็นคู่สามีภรรยา หลังจากหัวเราะจนพอใจแล้วก็แยกย้ายกันไป
พวกเขาแทรกตัวเข้าไปในฝูงชน แสร้งทำว่ามาพบกันโดยบังเอิญ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามขึ้นว่า “ได้ยินว่าจั๋วหม่าน้อยผู้นี้เป็นตัวปลอม”
จีอู๋ซวง “ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน นางไม่ใช่บุตรสาวของจั๋วหม่าด้วยซ้ำ แต่ขโมยของดูต่างหน้าของจั๋วหม่าน้อยมาหาทางเข้าไปในปราสาทเฮ่อหลันเพื่ออ้างตนว่าเป็นจั๋วหม่าน้อย!”
มีคนที่อยู่รอบๆ ตั้งหูรอฟัง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยแสร้งพูดด้วยเสียงประหลาดใจว่า “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ เจ้ารู้ได้อย่างไร”
จีอู๋ซวงทำหน้าตกใจเสียเต็มประดา “คนบนเกาะเขารู้กันทั้งนั้นแหละ!”
“อย่าง… อย่างนั้นเหรอ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยทำท่ารับรู้
จีอู๋ซวงเอ่ยด้วยสีหน้าคงเดิมว่า “ใช่น่ะสิ เวลานี้แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสยังเริ่มสงสัยในตัวนางแล้ว เจ้าคิดดูสิ หากนางเป็นจั๋วหม่าน้อยตัวจริง เหตุใดผ่านมาตั้งนานเพียงนี้แล้วยังไม่เห็นจั๋วหม่าพานางออกมาพบเจอผู้คนอีก”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยพูดอย่างนับถือ “พี่สาวท่านนี้ ที่ท่านพูดดูจะมีเหตุผลมากทีเดียว!”
มุมปากจีอู๋ซวงกระตุกเล็กน้อย “นางคงรู้ตัวว่าใกล้ถูกฉีกหน้ากากเต็มแก่แล้ว ถึงได้มาซื้อใจคนในเมืองที่แร้นแค้นเช่นนี้ ก็มีแค่พวกเจ้านั่นแหละที่โง่ถูกนางหลอกให้น่ะ”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยส่ายหน้า “ให้ตายสิ ยาของนางคงไม่ได้เป็นของปลอมด้วยกระมัง”
จีอู๋ซวง “พูดยาก ญาติคนหนึ่งของข้ามาให้นางตรวจโรคให้เมื่อคราก่อน พอกินยานางเข้าไปอีกวันก็อาการแย่เลย”
“หา!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ย “หน้าถอดสี”!
“ข้าไม่เอาแล้ว!” หญิงชราที่เมื่อครู่มาเอายาไป วางยาลงบนโต๊ะทันที
สตรีนางนั้นตกใจ “ท่านยาย เจ้าเป็นอะไรไป?”
หญิงชราเอ่ยตะกุกตะกัก “ยาของเจ้า… ยาของเจ้าเป็นของปลอม! ยาเจ้าทำคนตาย!”
“อะไรนะ? ทำคนตาย?” ชายหนุ่มที่เพิ่งรับยาเสร็จและเบียดตัวออกไปได้แล้วถึงขั้นแทรกตัวกลับเข้ามาใหม่ “ข้าก็ไม่เอาแล้ว!”
ผู้คนโดยรอบเห็นพวกเขาไม่เอา ก็พากันเอายาที่ได้ไปกลับมาคืน “ไม่เอาแล้ว! ยานี้กินเข้าไปเดี๋ยวตาย!”
สตรีนางนั้นลุกขึ้นมองทุกคนด้วยความร้อนรน “พวกเจ้าฟังที่ข้าพูดก่อน ยาของข้าไม่มีปัญหาอะไร! ยาที่ข้าให้พวกเจ้าเป็นของจริงทั้งสิ้น เป็นยาที่นำมาจากปราสาทเฮ่อหลัน…”
แผละ!
นางยังไม่ทันพูดจบ ก็ไม่รู้มีไข่เน่าจากไหนลอยมากระแทกหน้านาง
องครักษ์ทั้งหลายพลันโกรธ ดันหอกยาวในมือออกไปอย่างดุดัน ชาวบ้านที่พิงอยู่กับหอกเลยถูกผลักออกโดยแรงจนล้มกันไปเป็นแถว เหตุการณ์จึงโกลาหลขึ้นทันใด
ไข่เน่าอีกฟองหนึ่งลอยใส่สตรีนางนั้น
องครักษ์ที่เป็นหัวหน้าสายตาพลันดุดัน “ใครทำ หากยังกล้าทำร้ายจั๋วหม่าน้อยแม้แต่ปลายเส้นผม เดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน!”
แผละ!
ไข่เน่าถูกโยนมาทางองครักษ์บ้าง หัวหน้าองครักษ์ยกแขนขึ้นกัน แต่กระนั้นถึงแม้เขาจะกันไปได้ฟองหนึ่ง แต่ยังมีอีกจำนวนนับไม่ถ้วนตามมา ไข่เน่าจำนวนมากประดังประเดเข้าใส่พวกเขา