บทที่ 905 ซูเสี่ยวเถียนจอมซน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 905 ซูเสี่ยวเถียนจอมซน

บทที่ 905 ซูเสี่ยวเถียนจอมซน

เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนนึกสงสัยเมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมของเด็กที่ชื่อซูเสี่ยวเถียน

พวกเขารู้สึกว่าคุณป้าที่เธอเรียกว่าย่ารองทำท่าเหมือนจะตีเธอด้วย

พวกตำรวจได้แต่มองหน้ากัน ก่อนรีบอธิบายให้ฟัง

“คุณป้าครับ เด็กคนนี้จัดการได้อยู่หมัด เธอไม่แพ้พวกเขานะครับ!” ตำรวจหนุ่มให้เหตุผลอย่างรวดเร็ว

“ใช่ครับ ๆ ต้องขอบคุณเธอที่ล้มพวกนั่นได้ ไม่งั้นคงจับกันยากมากครับ!” ตำรวจอาวุโสกล่าว

พวกเราพูดความจริงนะ สมาชิกในกลุ่มนักต้มตุ๋นมีกันเก้าคน ส่วนเราสองคนเป็นแค่ครูฝึกกับลูกศิษย์เอง ไม่ได้มีพลังมหาศาลอะไรด้วย

เขายังถามตัวเองเลยว่าทำไมถึงเก่งสู้เธอไม่ได้ เพราะงั้นไม่ต้องถามถึงเจ้าลูกศิษย์ไร้ความแบบนี้หรอกนะ

ตอนไม่พูดก็ไม่อะไรหรอก แต่พอเอ่ยปากออกมากลับกลายเป็นว่าฟ่านชูฟางทวีความโกรธขึ้น เอาแต่จ้องหน้าหลานสาว

ยัยเด็กคนนี้ ทำตัวน่ารักเฉย ๆ ก็พอแล้ว จะไปลำบากทำไม

ไม่อยู่บ้านหน่อยก็สร้างเรื่องเลยหรือ?

ไม่รู้ว่าในหัวคิดอะไรแปลก ๆ อยู่อีกหรือเปล่า

ไม่คิดบ้างหรือว่าถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาจะเป็นยังไง?

ไม่มีเด็กซนที่ไหนทำตัวแบบนี้หรอก อย่างเสี่ยวเถียนก็คงจะบอกว่าเป็น ‘เด็กดื้อ!’ แล้ว

เสี่ยวเถียนทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว สองคนนี้มาเพื่อขอบคุณเธอหรือพยายามแฉกันแน่เนี่ย?

สุดท้ายเธอก็ต้องยกมือปิดหน้าตัวเองเอาไว้

“คุณป้า ดูสิ เธอตกใจใหญ่แล้ว ผมว่าเธอทำถูกต้องแล้วนะครับ พวกเราขวางความกระตือรือร้นของเด็ก ๆ ไม่ได้หรอกครับ”

ตำรวจอาวุโสมองเสี่ยวเถียน แล้วรีบช่วยเธอพูด

สิ่งที่เขาคิดนั้นเรียบง่ายมาก สังคมจะสงบลงได้เราต้องการความร่วมมือจากทุกคน

ถ้าไม่มีใครเต็มใจทำ แล้วสังคมของเราจะมีอนาคตหรือ?

ไอ้พวกคนไม่ดีจะไม่เหิมเกริมกันหรือไง?

ฟ่านชูฟางมองหลานสาว

กลัวหรือ? คิดว่าเธอจะเชื่อหรือไง?

เด็กคนนี้ใจกล้ามากแค่ไหนทำไมตนจะไม่รู้?

จากนั้นก็เอื้อมมือไปแตะหัวหลานสาว!

ถ้าเป็นหลานคนอื่นในบ้านซู ตนจะไม่พูดอะไร แต่นี่เป็นหลานสาวคนเดียวของบ้าน!

อุตส่าห์พามาด้วยกันได้ทั้งที ต้องจับตามองและคอยดูแลอย่างดีสิ

แล้วถ้าครั้งนี้ไม่สามารถจัดการเสี่ยวเถียนได้ ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะทำเรื่องอะไรอีก

หญิงชราได้แต่ระงับความโมโหเอาไว้

เพราะไม่อาจเมินเฉยต่อความตั้งใจของตำรวจที่พยายามปกป้องความปลอดภัยของทุกคนไว้ได้!

“เหล่าฟ่านอย่าโมโหไปเลย คุณตำรวจเขาช่วยพูดแทนเสี่ยวเถียนด้วยนะ ใจเย็น ๆ!”

เด็กคนหนึ่งที่ช่วยจับคนร้ายต่อหน้า คนเป็นตำรวจจะไปคิดอะไรได้ล่ะ?

หญิงชราเข้าใจสิ่งที่เพื่อนจะสื่อดี

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้เธอช่วยนะคะ แต่พวกคุณก็เห็นแล้วว่าเจ้าตัวเป็นเด็กผู้หญิง ปกติจะดูแลอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม”

“พี่ชายเธอทั้งรักและเอ็นดูราวกับสมบัติล้ำค่า กลัวว่าคลาดสายตาไปแล้วจะเกิดเรื่องขึ้น”

“แต่เด็กคนนี้มีฝีมือมากเลยนะ ถึงจะพลั้งมือหนักไปสัหน่อย แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนเลวอยู่ดีครับ”

“ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ฉันกลัวว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับเธอจริง ๆ ค่ะ พวกคุณคิดว่าถ้าไม่มีเราไปด้วยเวลาเจอเรื่องแบบนี้ควรจะบอกกันสักหน่อยไหมคะ?”

ฟ่านชูฟางพูดจามีเหตุผลมาก จนขนาดตำรวจยังคิดเลยว่าเด็กคนนี้มากับที่บ้านแท้ ๆ ทำไมถึงกล้าเสี่ยงด้วยตัวเองล่ะ?

งั้นก็ต้องมั่นใจในตัวเองมากเลยสินะ?

ไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนเก่งศิลปะต่อสู้แบบนี้มาก่อนเลย!

ทั้งสองมองหน้ากัน ความสามารถระดับนี้มีอะไรให้ห่วงล่ะ?

ถ้าคนเลวกับสาวน้อยมาเจอกัน คนที่ซวยน่าจะคนเลวมากกว่าไหม?

แต่คุณป้าเป็นผู้ปกครอง การที่เป็นห่วงลูกหลานย่อมเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว พวกเขาเข้าใจได้

หลังจากส่งเจ้าหน้าที่กลับไป หญิงชราพลันหุบยิ้มลง

“เสี่ยวเถียน บอกย่ามา เด็กแบบนี้ควรให้ย่าพูดอะไร?” ฟ่านชูฟางผิดหวังนัก

เด็กสาวรีบเอ่ย “หนูไม่ได้คิดเลยค่ะย่ารอง พวกเรารีบเก็บของเถอะ ใกล้จะลงรถกันแล้ว หนูหิวแล้วด้วยค่ะ”

“ยัยเด็กคนนี้ เอาแต่ใจจริง ๆ!” ความโมโหของคุณย่าลดหายไปเกือบครึ่ง

หยางลี่หมิงช่วยอีกแรง “เสี่ยวเถียน จากนี้ไปต้องจำไว้นะว่า เราไม่ได้มาแค่คนเดียว เรามากันเป็นกลุ่ม!”

จากนั้นเด็กสาวก็ตอบอย่างจริงจังว่า ถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีก จะเริ่มคิดหาคนมาช่วย และจะไม่ทำผิดแบบนี้อีกแล้ว

เดิมทีก็กลัวว่าหลานจะไม่ยอมฟัง แต่เมื่อได้ยินคำตอบก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

อีกทั้งรถไฟจะเทียบชานชาลาในอีกสิบนาทีข้างหน้าแล้วด้วย ตอนนี้ไม่มีเวลามาสอนเด็กหรอกนะ

ไว้ตอนเย็น สงบสติอารมณ์ดีเมื่อไรค่อยว่ากัน

เสี่ยวเถียนไม่รู้เรื่องนี้ เธอยังทำตัวหน้าระรื่นคิดว่าตัวเองจะรอดแล้ว

ทุกคนเก็บสัมภาระอย่างว่องไว เสี่ยวเถียนถือสัมภาระของตัวเองและของย่ารองด้วย

ทีแรกจะช่วยคุณย่าหยางเหมือนกัน แต่ลำบากมากเพราะถือได้แค่สองมือเท่านั้น

ตอนนั้นเองที่มีชายสองคนเดินเข้ามา “ท่านอธิบดี ท่านประธาน ฝากกระเป๋าไว้ที่พวกเราได้เลยครับ!”

สถานะของหญิงชราทั้งสองคนไม่ถือว่าต่ำต้อย แต่เวลาไปไหนมาไหนจะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ทุกอย่างที่ควรจัดเตรียมก็ล้วนเพียบพร้อมหมดแล้ว

ส่วนชายสองคนนี้มาเพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่ และถือโอกาสช่วยถือสัมภาระ รวมถึงดูแลพวกเธออย่างดีตลอดการเดินทาง

เสี่ยวเถียนยิ้ม แล้วยกกระเป๋าในมือให้ดู “หนูถือของคุณย่ารองเองค่ะ พวกคุณถือของคุณย่าหยางนะคะ”

พวกเขากระตุกยิ้มที่มุมปาก

เด็กคนนี้แข็งแกร่งจริง ๆ

ขามาเราก็ช่วยถือสัมภาระให้ฟ่านชูฟางเช่นกัน เลยรู้ว่าไม่ได้เบาสักนิด แต่ทำไมเด็กคนนี้ทำเหมือนกับไม่ได้หนักเลยล่ะ?

โชคดีที่ทั้งสองคนได้รับการฝึกมาอย่างมืออาชีพ จึงไม่ได้พูดมาก

“เสี่ยวเถียน ให้พวกเขาถือไปสิ หนูเป็นผู้หญิงนะ!”

หญิงชราเห็นว่าเสี่ยวเถียนเป็นเด็กผู้หญิง ตอนอยู่บ้านพวกพี่ ๆ ก็คอยดูแล

เสี่ยวเถียนยิ้ม “หนูแข็งแรงมากค่ะ ที่หนูมาด้วยก็เพื่อดูแลย่านะ รถไฟจอดแค่ห้านาทีเท่านั้น เรารีบลงกันเถอะค่ะ”

ว่าจบ เธอก็ขนข้าวของ แล้วเดินลงไป

เสี่ยวหลิ่วมองร่างนั้น อดไม่ได้ที่จะก้มมองข้าวของอันหนักอึ้งของตัวเอง

เหมือนโดนเด็กคนนั้นบดขยี้จนสิ้นซาก

พอลงรถก็มีคนรอเราอยู่ที่สถานีแล้ว จากนั้นก็พาไปส่งยังโรงแรมอย่างรวดเร็ว

โรงแรมชุนเฉิง เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในพื้นที่

แม้จะเทียบไม่ได้กับโรงแรมหลายดาวในยุคหลัง ๆ แต่สำหรับตอนนี้ ที่นี่จัดว่าเป็นโรงแรมแนวหน้าเลยทีเดียว

ฟ่านชูฟางกับหยางลี่หมิงมาด้วยกันก็จริง แต่เป้าหมายของพวกเธอเป็นคนละอย่าง จึงไม่ได้พักอยู่ที่ชั้นเดียวกัน

ส่วนเสี่ยวเถียนก็ได้อยู่ชั้นเดียวกับย่ารอง