บทที่ 907 ยกระดับขึ้นอีกขั้น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 907 ยกระดับขึ้นอีกขั้น

บทที่ 907 ยกระดับขึ้นอีกขั้น

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจ นางไม่สนใจอาจารย์ต้าวซิ่นที่กำลังตกตะลึง ตอนนี้ไม่ว่านางจะเป็นดาวหายนะหรือไม่ ย่อมไม่จำเป็นต้องโต้เถียงกันอีกต่อไป

อาจารย์ฮุ่ยหย่วน เจ้าอาวาสวัดเซียงกั๋วกล่าวว่านางไม่ใช่ดาวแห่งหายนะ ดังนั้นนางจึงไม่ใช่ดาวแห่งหายนะ

อาจารย์ต้าวซิ่นจะสามารถหักล้างคำพูดของอาจารย์ฮุ่ยหย่วนได้อย่างไร

ทุกคนต่างอยู่ในอาการตกตะลึง พวกเขามองกู้เสี่ยวหวานและอาจารย์ฮุ่ยหยวนที่เดินเข้าไปในร้านจิ่นฝูด้วยกันด้วยความอิจฉา

กู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดมือ จุดเครื่องหอมและเริ่มนั่งสมาธิ

นางนั่งฟังธรรมไปตลอดทั้งช่วงบ่าย

ในชีวิตที่แล้ว กู้เสี่ยวหวานไม่ค่อยเชื่อในศาสนาพุทธ

แต่ตั้งแต่นางเข้ามาสิงร่างไร้วิญญาณและได้เดินทางข้ามมิติ ตอนนี้นางก็เชื่อในสิ่งที่ไม่เคยเชื่อมาก่อน

นางนั่งอยู่ในห้องรับรองฟังธรรมของอาจารย์ฮุ่ยหย่วนตลอดบ่าย

การฟังธรรมเทศนาทำให้คนลืมทุกสรรพสิ่งบนโลก มีพระพุทธเจ้าอยู่ในใจและความคิด

สำหรับเรื่องการฟังธรรมใช้เวลาตลอดทั่งบ่าย เมื่ออาจารย์ฮุ่ยหย่วนเทศน์จบ พระอาทิตย์ก็ตกดินพอดี

หลังจากกู้เสี่ยวหวานได้ฟังสิ่งนี้ มันดีกว่าการอ่านด้วนตนเองมานานนับสิบปี

ขอบคุณอาจารย์ฮุ่ยหย่วน

“แม่นางกู้ หากหงส์ต้องการหลุดพ้นจากกิเลสและทุกข์ และต้องการกระโจนเข้ากองไฟเผาตนเองให้มอดไหม้คือหายนะของเจ้า และการเกิดใหม่จากเถ้าถ่านคือจุดเปลี่ยนของเจ้า ถ้าเจ้าแก้หายนะทั้งสองนี้ให้กลายเป็นดีได้ เจ้าจะได้เกิดใหม่และมีชีวิตที่ความสุขมาก”

หลังจากพูดจบ ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนก็ประสานมือเข้าด้วยกันและทำความเคารพอีกครั้ง

กู้เสี่ยวหวานผงะไปครู่หนึ่งและตระหนักว่าอาจารย์ฮุ่ยหย่วนมีดวงตาที่เฉียบคม และคาดว่าท่านคงเห็นตัวตนของนางแล้ว

นางจึงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

ตนเองเป็นวิญญาณจากโลกอื่น อาจารย์ฮุ่ยหย่วนจะมองเห็นสิ่งนี้หรือไม่?

กู้เสี่ยวหวานจึงคิดจะเอ่ยถามสิ่งนี้ แต่เมื่อหันกลับมาก็ไม่เห็นใคร และหลงเหลือเพียงกลิ่นหอมจาง ๆ จากเครื่องหอม

เด็กสาวลุกพรวดพราดเปิดประตูวิ่งออกไป ครั้นเห็นอาโม่ถือกาน้ำมาจึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนอยู่ที่ใด”

“คุณหนู ท่านไม่อยู่ในนั้นหรือ?” อาโม่รู้สึกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ข้าเพิ่งหันหลังกลับ และไปเอากาน้ำในห้องถัดไป”

กู้เสี่ยวหวานมองไปยังทางลงบันได หากแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของอาจารย์ฮุ่ยหย่วน

“พระอาจารย์ฮุ่ยหยวนไปแล้วหรือ ท่านมักจะเดินทางไปทั่วอาณาจักร และยากที่จะมีคนมีโชคชะตาได้พบเจอท่าน วันนี้ที่คุณหนูสามารถสนทนาเรื่องพุทธศาสนากับท่านได้ นับว่าเป็นโชคดีอย่างยิ่ง”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูดอะไร หากแต่สมองเต็มไปด้วยความสงสัยถึงที่มาของอาจารย์ฮุ่ยหย่วน

อาจารย์ฮุ่ยหย่วนเดินทางไปทั่วอาณาจักร เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาเดินทางมายังเมืองหลิวเจีย และเจอกับตนเองกำลังถูกพระปลอมสร้างความลำบากให้

นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว

“คุณหนู ด้วยคำพูดของพระอาจารย์ฮุ่ยหยวนจะไม่มีใครในโลกนี้คิดว่าคุณหนูเป็นดาวแห่งหายนะอีกต่อไป พวกเขาต่างพูดว่าคุณหนูมีค่าอย่างไม่อาจบรรยายได้ ในอนาคตจะมีคนมาประจบประแจงคุณหนูอย่างแน่นอน” ลูกจ้างในร้านจากร้านจิ่นฝูวิ่งขึ้นมาเก็บของ เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างตื่นเต้น

ใช่แล้ว การปรากฏตัวของอาจารย์ฮุ่ยหย่วนเป็นเหมือนการนัดหมายมากกว่าความบังเอิญ

จะมีความบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร

กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มบาง หากแต่ก็รู้สึกขอบคุณท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนอยู่ในใจ

จากนี้ไปจะไม่มีใครคิดว่านางเป็นดาวหายนะอีกแล้ว

มีบุคคลผู้สูงศักดิ์ในร้านจิ่นฝูแพร่กระจายเรื่องนี้เร็วกว่าเรื่องดาวหายนะในเมืองหลิวเจียเสียอีก

ในชั่วข้ามคืน เรื่องที่อาจารย์ฮุ่ยหย่วนมาถึงเมืองหลิวเจียและพูดคุยกับกู้เสี่ยวหวานตลอดทั้งบ่าย และประโยคที่กล่าวว่ากู้เสี่ยวหวานมีค่าอย่างไม่อาจบรรยายได้ ได้แพร่กระจายไปยังทุกคนในเมืองหลิวเจีย

ทั้งคนเฒ่าคนชรา สตรี คนจน คนรวย แม้แต่คนเด็กเล็กที่เล่นอยู่ตามท้องถนนก็แต่งเพลงขึ้นมา

ขุนนางกลับชาติมาเกิดในร้านจิ่นฝู ทั้งทองคำและโชคลาภนั้นเหนือคำบรรยาย

พระภิกษุตาไร้แววมีความลำเอียง เข้าใจผิดว่าไข่มุกเป็นเศษหิน

โชคดีที่อาจารย์ฮุ่ยหย่วนมีดวงตาแห่งปัญญาจะมองไข่มุกเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร

เมื่อกู้หนิงผิงเลียนแบบเพลงของเด็ก ๆ ที่เล่นบนถนน และร้องเพลงให้กู้เสี่ยวหวานฟัง

กู้เสี่ยวหวานก็หัวเราะจนแทบจะสำลักชา

ผู้ใดเป็นคนแต่งกัน ช่างน่าขันจริง ๆ

ถ้าเอาตามยุคสมัยนี้คงเป็นเรื่องตลก

“ท่านพี่ ท่านไม่รู้หรือว่าตอนนี้ทั้งเมืองหลิวเจียกำลังคุยเรื่องของท่านอยู่”

“ถูกต้อง ท่านพี่ คนในสำนักศึกษาของข้าก็ถามเกี่ยวกับท่านพี่ตลอดทั้งวัน” กู้หนิงอันกล่าวอย่างตื่นเต้น

“คำพูดของท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนมีเกียรติสูงส่งถึงขนาดที่คนจำนวนมากเชื่อในสิ่งที่อาจารย์พูดเลยหรือ?” แม้ว่ากู้ฟางสี่จะมีความสุขมากที่พระภิกษุที่มีชื่อเสียงกล่าวว่าหลานสาวของนางมีค่า หากแต่นางก็ยังรู้สึกสงสัยและเอ่ยถามออกมา

จากนั้นก็ได้ยินอาโม่ที่อยู่ด้านข้างอธิบาย “ท่านพี่ฟางสี่ ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนเป็นเจ้าอาวาสวัดเซียงกั๋ว วัดเซียงกั๋วเป็นสถานที่สำหรับราชวงศ์ในการจุดเครื่องหอมและบูชาพระพุทธเจ้า ท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนเป็นพระที่มีชื่อเสียงซึ่งบรรลุเต๋า ยิ่งกว่านั้นอาจารย์ฮุ่ยหยวนยังมีเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง ท่านเป็นพระภิกษุที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงไม่มีใครไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด”

อาโม่ดูเหมือนจะเข้าใจเป็นอย่างดี

“อาโม่ เจ้ารู้มากขนาดนี้ได้อย่างไร” ป้าจางเอ่ยถาม

อาโม่ตกใจและลูบหัวของตัวเองทันที “ท่านป้า สมาชิกในครอบครัวของข้าเคยเชื่อในพุทธศาสนา ดังนั้นเรื่องของท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน ข้าจึงได้เรียนรู้มาบ้างน่ะ”

ครั้นอาโม่พูดถึงครอบครัวของตนเอง กู้เสี่ยวหวานก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที และไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้เพราะจะทำให้เขานึกถึงอดีตอันแสนเศร้า

“ท่านอาจารย์ฮุ่ยหยวนผู้นี้เป็นพระภิกษุที่เก่งกาจจริง ๆ ท่านเทศน์ธรรมะเพียงครึ่งวันก็ทำให้ข้ารู้แจ้ง การมาที่นี่ของท่านไม่เสียเปล่า คนที่ถูกพวกเขามองว่าเป็นดาวหายนะ แต่กลับมีโอกาสได้ฟังการเทศน์ของท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วน นับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย”

ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่ดาวหายนะ ไม่ใช่ปีศาจหรือขุนนาง สายตาของผู้คนในเมืองหลิวเจียที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานนั้นเปลี่ยนไป

ในอดีต พวกเขามองว่านางเป็นเพียงเด็กและประเมินนางต่ำไป แต่ตอนนี้สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความเคารพ และไม่กล้าจะละเลยนางแม้แต่น้อย

นอกจากนี้ ครอบครัวมีชื่อเสียงในเมืองและครอบครัวที่มีลูกชายที่มีอายุไล่เลี่ยกับกู้เสี่ยวหวานต่างเริ่มมีแผนการอยู่ในใจ

กิจการของร้านจิ่นฝูกำลังเฟื่องฟูขึ้น และทำให้ร้านอาหารอื่น ๆ ซบเซาลงมากกว่าเดิม

ครั้นเห็นว่าตัวเองทำงานหนักเป็นเวลานาน กู้ฉวนลู่กำลังจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความโกรธเมื่อเขาได้รับผลลัพธ์ดังกล่าว

หลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก แต่กลับเป็นการทำงานหนักเพื่อคนอื่นและตัวเองก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย

——————————————-