ตอนที่ 894 ความดีความชอบใหญ่หลวง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 894 ความดีความชอบใหญ่หลวง

ส่วนใบหน้าของมู่หรงเหยี่ยนคมคายกว่ามู่หรงอวี้ เป็นความหล่อเหลาที่ดุดันเยี่ยงบุรุษเพศมากกว่า

โดยเฉพาะดวงตาที่ลึกล้ำและสงบนิ่งจนผู้อื่นมองไม่เห็นความรู้สึกคู่นั้น ความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมารอบกายยิ่งทำให้เขาดูยิ่งใหญ่และน่ายำเกรงจนผู้อื่นไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่เหมือนมู่หรงอวี้ที่มักจะมีแต่รอยยิ้มสุขุมอ่อนโยนจนทำให้ผู้อื่นอยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัว

ฮองเฮาเอ่ยเรียกมู่หรงเหยี่ยน “อาเหยี่ยน มาหาพี่ตรงนี้สิ…”

เมื่อกล่าวจบฮองเฮาเริ่มแสบจมูก น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ความเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกเกิดขึ้นอีกครั้ง นางขยำผ้าปูเตียงแน่น เกือบเป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง

มู่หรงเหยี่ยนเดินไปหยุดอยู่ข้างฮองเฮา ชายหนุ่มคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น เขาจำได้ว่าตอนที่เขาพบพี่สะใภ้เมื่อหลายปีก่อน นางยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง ทว่า บัดนี้นางกลับเริ่มมีผมขาว ร่างทั้งร่างดูอิดโรยมาก เขาเอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า “พี่สะใภ้”

มู่หรงเหยี่ยนพยายามข่มความเสียใจกับการจากไปของพี่ชาย ชายหนุ่มจัดการกับเชื้อพระวงศ์และตระกูลสูงศักดิ์ที่คิดก่อความวุ่นวายอย่างเด็ดขาด ทว่า เมื่อว่างจากหน้าที่ต่างๆ มู่หรงเหยี่ยนไม่สามารถเดินออกมาจากความเจ็บปวดนี้ได้ เขานอนไม่หลับสักคืน

ต่อมาเมื่อได้รับจดหมายจากไป๋ชิงเหยียน เขาจึงค่อยๆ หลับสนิทขึ้น

วันนี้เมื่อต้องมาพบฮองเฮาแห่งต้าเยี่ยน มู่หรงเหยี่ยนจึงจัดระเบียบเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อย พยาทำให้ตัวเองดูมีชีวิตชีวาเพราะไม่ต้องการทำให้ฮองเฮาเสียใจ ทว่า ความแดงฉานในดวงตากลับเปิดเผยความโทรมของร่างกายของมู่หรงเหยี่ยนอยู่ดี

“หลายปีมานี้เจ้าลำบากแล้ว…” น้ำเสียงของฮองเฮาอ่อนโยน นางอยากเอื้อมมือไปลูบศีรษะมู่หรงเหยี่ยเหมือนที่สามีของนางเคยทำ ทว่า นางพบว่ามือของตัวเองไร้เรี่ยวแรง นางยิ้มขมขื่นให้มู่หรงเหยี่ยน

“พี่รู้ว่าเสด็จพี่ของเจ้าต้องยกบัลลังก์ให้แก่เจ้าแน่ ฝ่าบาทเคยปรึกษาพี่เรื่องนี้มาก่อน พี่รับปากกับเขาแล้ว”

ฮองเฮาถอนหายใจยาวออกมา “อาลี่อายุยังน้อยและไร้ประสบการณ์ เสด็จพี่ของเจ้าจากไปเร็ว มีเพียงยกบัลลังก์ให้เจ้าเขาถึงจะวางใจ ทว่า พี่มีเรื่องเห็นแก่ตัวบางเรื่องอยากให้อาเหยี่ยนรับปากพี่”

น้ำเสียงของฮองเฮาแฝงไปด้วยคามละอายเล็กน้อย นางมองไปทางมู่หรงเหยี่ยนอย่างเป็นกังวล จากนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเชิงปรึกษา “อาเหยี่ยน วันหน้าเจ้าค่อยยกบัลลังก์คืนให้อาลี่ได้หรือไม่ เจ้าเขียนราชโองการยกบัลลังก์ให้หลานคนนี้ของเจ้าก่อนเจ้าขึ้นครองราชย์ได้หรือไม่”

“พี่สะใภ้ ข้าไม่เคยอยากได้บัลลังก์นี้ขอรับ…” ดวงตาล้ำลึกของมู่หรงเหยี่ยนมองไปทางฮองเฮา แม้ดวงตาของเขาจะดูสงบนิ่ง ทว่า มันดูราวกับว่าสามารถมองเห็นไปถึงก้นบึ้งของใจของอีกฝ่าย ดูลึกล้ำอย่างบอกไม่ถูก “อาลี่อายุน้อยก็ยิ่ง ทว่า เขาไม่ได้ไร้เดียงสาถึงเพียงนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีข้าอยู่ ข้าจะคอยช่วยให้เขาเดินไปด้านหน้าเองขอรับ”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของมู่หรงเหยี่ยน ฮองเฮาร้องไห้ออกมาทันที นางเอื้อมมือที่สั่นเทาของตัวเองออกไปกุมมือของมู่หรงเหยี่ยนไว้ นางด่วนตัดสินมู่หรงเหยี่ยนด้วยความคิดเห็นแก่ตัวของตัวเองจริงๆ

นางรู้ดีว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนยกบัลลังก์ให้มู่หรงเหยี่ยนเพราะคิดเพื่อแคว้นต้าเยี่ยน ทว่า นางคือภรรยาของมู่หรงอวี้ นางไม่อาจทนเห็นบัลลังก์แห่งนี้ตกเป็นของผู้อื่นที่ไม่ใช่ทายาทของมู่หรงอวี้ได้

นางไม่ใช่คนที่มีปณิธานยิ่งใหญ่อย่างมู่หรงอวี้หรือมู่หรงเหยี่ยน นางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง นางไม่อาจทนเห็นแผ่นดินที่สามีของตนสร้างมาตกอยู่ในมือของผู้อื่นที่ไม่ใช่ทายาทของเขาได้

“พี่ทำผิดต่อเจ้าแล้ว!” ฮองเฮาร้องไห้ขอโทษมู่หรงเหยี่ยน

มู่หรงเหยี่ยนส่ายหน้า

เมื่อปลอบฮองเฮาเสร็จ มู่หรงเหยี่ยนเดินออกมาจากตำหนักบรรทมของจักรพรรดิต้าเยี่ยน แสงแดดด้านนอกแผดจ้าจนเขาลืมตาไม่ขึ้น

เฝิงเย่าเดินตามหลังมู่หรงเหยี่ยนออกมา เขาปิดประตูตำหนักลง เมื่อเห็นมู่หรงเหยี่ยนยืนเอามือไขว้หลัง เงยหน้าขึ้นฟ้าพลางหลับตาแน่น เฝิงเย่าจึงเดินไปหยุดอยู่ข้างกายชายหนุ่ม เอ่ยเรียกเสียงเบา “นายน้อย…”

“ลุงเฝิง ได้เวลาประกาศเรื่องเสด็จพี่แล้ว…” มู่หรงเหยี่ยนเอ่ยเสียงแหบพร่า

“ราชโองการที่ฝ่าบาททรงยกบัลลังก์ให้นายน้อยอยู่ที่กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เผิงเย่าเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างของมู่หรงเหยี่ยน “กระหม่อมคิดว่านายน้อยควรขึ้นครองบัลลังก์ตามพระประสงค์ของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

มู่หรงเหยี่ยนหันไปมองเฝิงเย่า “ลุงเฝิง จงนำราชโองการมาให้ข้า จากนั้นไปตามอาผิงและอาลี่มาพบข้า ข้าจะรอพวกเขาอยู่ที่ตำหนักหล่านเฟิ่ง” เฝิงเย่ารับคำอย่างนอบน้อม “พ่ะย่ะค่ะ!”

ตำหนักหล่านเฟิ่งคือตำหนักที่จีโฮ่วเคยอาศัยในตอนที่เมืองหลวงเก่าของต้าเยี่ยนยังเป็นเมืองควงผิง วังหลวงที่เมืองหลวงของต้าจิ้นก็มีตำหนักหล่านเฟิ่งอยู่เช่นเดียวกัน ทว่า ถูกเปลี่ยนชื่อตำหนักนานแล้ว เมืองหลวงของต้าเยี่ยนเองก็มีตำหนักหล่านเฟิ่ง การตกแต่งภายในเหมือนตำหนักหล่านเฟิ่งที่เมืองควงผิงซึ่งจีโฮ่วเคยอาศัยตอนมีชีวิตอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน

มู่หรงเหยี่ยนถือราชโองการในมือยืนมองดอกไห่ถังที่บานสะพรั่งที่ลานหญ้ากลางตำหนักอยู่ริมหน้าต่างในตำหนักหล่านเฟิ่ง

ดอกของต้นไห่ถังถูกแสงสีทองของดวงอาทิตย์ส่องกระทบจนดูเปล่งประกายสวยงาม ดอกไห่ถังที่บานสะพรั่งเต็มลานหญ้ากลายเป็นสีทองอร่าม

ลมพัดผ่านจนกระดิ่งสีทองที่แขวนอยู่ตรงม่านไม้ไผ่ริมระเบียงทางเดินเกิดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย กลีบของดอกไห่ถังลอยไปตกที่ระเบียงทางเดิน…ริมหน้าต่างและปลายเท้าของมู่หรงเหยี่ยน

มู่หรงผิงและมู่หรงลี่เดินเข้ามาในตำหนักหล่านเฟิ่งก็เห็นท่านอาเก้าของพวกเขายืนมองต้นไห่ถังอยู่ริมหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ทั้งสองหันไปสบตากันเล็กน้อย จากนั้นรีบเดินเข้าไปด้านใน

เปลวไฟในโคมไฟนกกระเรียนที่ตั้งอยู่ในตำหนักสะบัดไปมา ม่านพลิ้วสะบัดตามแรงลม กลีบดอกไห่ถังร่วงโรยสู่พื้นดิน

มู่หรงผิงและมู่หรงลี่เดินอ้อมฉากกั้นลายทิวทัศน์เข้าไปด้านใน ภายในตำหนักใหญ่ไม่มีขันทีรับใช้แม้แต่คนเดียว เมื่อเห็นอาเก้าถือราชโองการอยู่ในมือ ทั้งสองจึงรีบเดินเข้าไปคารวะชายหนุ่ม “ท่านอาเก้า…”

มู่หรงเหยี่ยนรับคำเบาๆ จากนั้นหันไปมองมู่หรงผิงและมู่หรงลี่ เขาเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะเล็ก วางราชโองการลงบนโต๊ะ จากนั้นสื่อให้ทั้งสองคนนั่งลงพลางเอ่ยขึ้น “มาแล้วหรือ ข้ามีเรื่องจะถามพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าระหว่างพวกเจ้าสองคน ผู้ใดสามารถแบกรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ได้ดีกว่ากัน”

มู่หรงผิงตะลึง เขามองไปที่ราชโองการที่อยู่ในมือของท่านอาเก้า “ท่านอาเก้าเสด็จพ่อทรงยกบัลลังก์ให้ท่านอาขอรับ”

ความจริงตั้งแต่ที่มู่หรงเหยี่ยนจัดการกับเชื้อพระวงศ์ของแคว้นเว่ยเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด มู่หรงผิงก็รู้แล้วว่ามู่หรงเหยี่ยนไม่คิดขึ้นครองบัลลังก์ มู่หรงลี่เดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะ จากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้ามู่หรงเหยี่ยนพลางมมองไปที่ชายหนุ่มอย่างจริงจัง

“อาลี่ทราบดีว่าท่านอาเก้าไม่เคยคิดอยากครอบครองบัลลังก์นี้ ทว่า เสด็จพ่อทรงสั่งเสียไว้ว่ามีเพียงมอบแคว้นต้าเยี่ยนให้ท่านอาเก้าเท่านั้นพระองค์จึงจะวางพระทัย พวกเราพี่น้องจะเป็นดั่งดาบที่แหลมคมของท่านอาเก้า ช่วยให้ต้าเยี่ยนของเรารวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งให้ได้ขอรับ”

เมื่อเห็นน้องชายควบคุมสติได้แล้ว มู่หรงผิงจึงก้าวไปด้านหน้า จากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้ามู่หรงเหยี่ยน “พวกเราพี่น้องล้วนเต็มใจและยอมรับการขึ้นครองราชย์ของท่านอาเก้าขอรับ หากไม่มีท่านอา ต้าเยี่ยนคงไม่ได้มีอย่างทุกวันนี้ ท่านอาเก้าคือคนที่มีความดีความชอบมากที่สุดขอรับ”

“หากท่านอาเก้ากลัวว่าการที่ท่านอาจัดการกับเชื้อพระวงศ์ของแคว้นเว่ยอย่างเด็ดขาดเกินไปจะทำให้ผู้อื่นประนามว่าท่านอาเก้าเป็นจักรพรรดิที่โหดร้าย นับจากนี้เป็นต้นไปอาลี่จะเป็นดาบเล่มนั้นให้ท่านอาเก้าเองขอรับ…” มู่หรงลี่กล่าวเสียงหนักแน่น

“อาลี่เด็กเกินไป ข้าจะทำเองขอรับ” มู่หรงผิงกำหมัดกล่าวกับมู่หรงเหยี่ยน “ถือเสียว่าตอนที่อยู่ในแคว้นเว่ยท่านอาทำไปเพราะโดนข้าบังคับขอรับ!”