ตอนที่ 897 พวกเดียวกัน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 897 พวกเดียวกัน

“ขอรับ!” ทหารได้ยินจึงเดินออกไปทำตามคำสั่งทันที

ไม่นานขันทีเล็กปากแดงฟันขาวใบหน้าเกลี้ยงเกลาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้านใน ด้านหลังของขันทีเล็กคือคนที่สวมชุดคลุมสีดำคลุมร่างทั้งร่างไว้อย่างมิดชิด ดูการจากเดินและรูปร่างของเขาจึงพอเดาได้ว่าเขาคือบุรุษวัยกลางคนคนหนึ่ง

ไป๋ชิงเหยียนมองดูขันทีเล็กที่มาดใหญ่ผู้นั้นแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง นางคิดว่าจักรพรรดิต้าจิ้นจะส่งเกาเต๋อเม่าขันทีข้างกายของเขามาเสียอีก

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาเชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ คืนนี้องค์หญิงใหญ่จะจัดงานเลี้ยงขึ้นที่เมืองลั่วหงจึงเชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปร่วมงาน…” ขันทีเล็กวางจดหมายลงบนโต๊ะด้านหน้าไป๋ชิงเหยียน จากนั้นถอยกลับไปยืนที่เดิมด้วยรอยยิ้ม เขาสบตากับไป๋ชิงเหยียนราวกับไม่หวาดกลัวเลยสักนิด “ฝ่าบาททรงไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์มากอย่างองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะกบฏฝ่าบาทและองค์รัชทายาท! ฝ่าบาททรงผิดหวังมาก ทว่า ทรงเห็นแก่ที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทเอาไว้ หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงยอมรับผิด ฝ่าบาทจะทรงเห็นแก่องค์รัชทายาทและองค์หญิงใหญ่ปล่อยองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปสักครั้งพ่ะย่ะค่ะ”

“จักรพรรดิต้าจิ้นเสวยสิ่งใดเข้าไปกัน เหตุใดวาจาถึงได้อาจหาญถึงเพียงนี้…” หลินคังเล่อกล่าวเสียงเย็นออกมาอย่างไม่เกรงกลัว “ถูกต้อนจนจนมุมถึงเพียงนี้แล้วยังกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับฝ่าบาทของข้าอีกหรือ”

“แม้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเป็นจักรพรรดินีในเมืองหลวง ทว่า ท่านได้บัลลังก์มาอย่างไม่ชอบธรรม จะมีสักกี่คนในใต้หล้าที่ยอมรับเรื่องนี้กัน” ขันทีเล็กมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทตรัสว่าเมื่อพระองค์ได้เสด็จขึ้นไปบนหอบูชาเก้าชั้น ฝ่าบาทจะทรงยกบัลลังก์ให้องค์รัชทายาท หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วยังทรงนึกถึงองค์หญิงใหญ่และองค์รัชทายาทอยู่ก็ยอมจำนนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียงของขันทีเล็ก ชายทางด้านหลังเขาปลดหมวกคลุมศีรษะออก นึกไม่ถึงเลยว่าคนผู้นั้นจะคือเสิ่นเทียนจือเจ้าเมืองเยี่ยนว่อ

เสิ่นเทียนจือทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอยู่ทางด้านหลังขันทีเล็กผู้นั้น “กระหม่อมมาทูลเชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วตามคำสั่งขององค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”

“ใต้เท้าเสิ่นคือคนคุ้นเคย เหตุใดจึงแต่งตัวลึกลับเช่นนี้มาพบข้ากัน ข้านึกว่าจักรพรรดิต้าจิ้นเสด็จมาด้วยพระองค์เองเสียอีก” ดวงตาดำขลับของไป๋ชิงเหยียนมีรอยยิ้มน้อยๆ

“บัดนี้กระหม่อมเป็นหัวหน้านำทัพต้านทานศัตรู ทว่า บุตรชายทั้งสามของกระหม่อมทำงานรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว หากกระหม่อมมาที่ค่ายทหารฝ่ายศัตรูอย่างเปิดเผยแล้วลูกน้องกระหม่อมเห็นเข้าอาจทำให้พวกเขาเสียขวัญได้ กระหม่อมจึงแต่งกายลึกลับมาเช่นนี้ องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดอภัยให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเทียนจือคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง

แววตาราวกับเหล็กกล้าของหลินคังเล่อจ้องไปทางเสิ่นเทียนจืออย่างเยือกเย็น “ใต้เท้าเสิ่นกลัวว่าทหารจะเสียกำลังใจ หากข้าตัดศีรษะของใต้เท้าเสิ่นไปแขวนไว้บนธง ทหารของใต้เท้าเสิ่นคงเสียขวัญมากขึ้นสินะ!”

“หากท่านแม่ทัพทำเช่นนั้นคงได้ผลดีมากขอรับ!” เสิ่นเทียนจือไม่มีท่าทีว่าจะโมโหแม้แต่น้อย เขากล่าวกับหลินคังเล่อยิ้มๆ “เช่นนี้ถือเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ข้าได้แล้วว่าข้าไม่ได้ทรยศฝ่าบาทเพียงเพราะบุตรชายทั้งสามคนของข้าทำงานให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ถือว่าข้าไม่ได้ทรยศความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทและองค์รัชทายาท”

แววตาใสของไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเสิ่นเทียนจือ หญิงสาวรู้ว่าจักรพรรดิต้าจิ้นตั้งใจส่งเสิ่นเทียนจือมาเพราะบุตรชายทั้งสามของเขาทำงานให้นาง จักรพรรดิต้าจิ้นจึงหวาดระแวงในตัวเขา

ไป๋ชิงเหยียนอ่านจดหมายของท่านย่าจบจึงวางจดหมายลงบนโต๊ะด้านหน้าพลางเคาะนิ้วลงบนจดหมายเป็นจังหวะ “ท่านย่าส่งจดหมายมาให้ข้าแล้ว เหตุใดยังต้องส่งใต้เท้าเสิ่นมาอีก”

ท่านย่ากล่าวในจดหมายว่าหากไป๋ชิงเหยียนยอมจำนน นางและองค์รัชทายาทจะโน้มน้าวให้จักรพรรดิต้าจิ้นแต่งตั้งให้ไป๋ชิงเหยียนเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์รัชทายาท ให้ไป๋ชิงเหยียนไปเจรจากันในเมือง

“องค์หญิงใหญ่และฝ่าบาทกลัวว่าเมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วอ่านจดหมายจบแล้วอาจมีข้อสงสัยเพราะสองฝ่ายกำลังทำสงครามกันอยู่ เมื่อเชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วเข้าไปในเมืองเช่นนี้จึงกลัวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะหวาดระแวง กระหม่อมคือเจ้าเมืองเก่าของซั่วหยาง ถือเป็นคนคุ้นเคยขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว ดังนั้นฝ่าบาทจึงส่งกระหม่อมมาโน้มน้าวองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนชะงักนิ้วที่เคาะจดหมายอยู่ จากนั้นเงยหน้ามองเสิ่นเทียนจือ เสิ่นเทียนจือพยักหน้าให้นางเล็กน้อย

คำกล่าวของเสิ่นเทียนจือมีนัยแฝง

องค์หญิงใหญ่และฝ่าบาทกลัวว่าเมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วอ่านจดหมายจบแล้วอาจมีข้อสงสัย…

ต้องการเชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปเจรจากันในเมือง ผู้ใดต้องการเชิญกัน

เสิ่นเทียนจือกำลังส่งสัญญาณบอกนางว่าการเชิญนางเข้าไปในเมืองครั้งนี้คือกับดัก

“ข้าทราบแล้ว รบกวนใต้เท้าเสิ่นกลับไปบอกท่านย่าของข้าด้วยว่าคืนนี้ข้าจะไปอย่างแน่นอน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ไป๋จิ่นซิ่วกำมือแน่นพลางเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน ขนาดไป๋จิ่นซิ่วยังรู้ว่านี้คือกับดัก เหตุใดพี่หญิงใหญ่ต้องรับปากด้วย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้กระหม่อมก็วางใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเทียนจือโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นคลุมหมวกปิดศีรษะแล้วเดินตามขันทีเล็กจากไป

“ฝ่าบาท! เสด็จไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” หลินคังเล่อกล่าว

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ นั่นคือกับดักนะเจ้าคะพี่หญิงใหญ่”

ไป๋ชิงเหยียนก้มมองจดหมายลายมือของท่านย่า นี่คือจดหมายลายมือของท่านย่าของนางจริงๆ ท่านย่าน่าจะทราบว่าเสิ่นเทียนจือคือคนของนาง

ดังนั้นท่านย่าจึงหาทางให้จักรพรรดิต้าจิ้นส่งเสิ่นเทียนจือมาหานางที่นี่

ท่านย่าตัดสินใจทำเช่นนี้ในตอนนี้คงเป็นเพราะว่าท่านทราบเรื่องที่นางจะขึ้นเป็นจักพรรดินีแล้ว ท่านย่าต้องการทำเพื่อราชวงศ์หลินเป็นครั้งสุดท้าย ทว่า ท่านย่ายังเห็นแก่ความสัมพันธ์ย่าหลานจึงส่งเสิ่นเทียนจือมาพบนางก่อน ไม่ว่าจะมีคนมากับเสิ่นเทียนจือหรือไม่ ขอเพียงเสิ่นเทียนจือได้พบหน้าไป๋ชิงเหยียนเพื่อส่งสัญญานบอกนางเรื่องนี้ ไป๋ชิงเหยียนจะได้รับรู้ว่าคืนนี้มีกับดักรอนางอยู่

หากไป๋ชิงเหยียนเห็นแก่ความสัมพันธ์ย่าหลาน ตัดสินใจยอมจำนนกลายเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อองค์รัชทายาท นางจะเข้าไปในเมืองเพื่อเจรจาเรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่จะทำให้ไป๋ชิงเหยียนกลายเป็นขุนนางคนสำคัญในราชสำนักแน่นอน

ทว่า หากไป๋ชิงเหยียนต้องการขึ้นเป็นจักรพรรดิเอง จักรพรรดิต้าจิ้นจะใช้ชีวิตขององค์หญิงใหญ่ข่มขู่ไป๋ชิงเหยียน องค์หญิงใหญ่หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นไป๋ชิงเหยียนจะไม่ใจอ่อนโดยเด็ดขาด

หากต้องการขึ้นเป็นจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ต้าโจว ไป๋ชิงเหยียนต้องเรียนรู้ที่จะถ่วงดุลอำนาจ สละความรู้สึกส่วนตัวทิ้งไป บัดนี้ท่านย่าของนางยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของนาง องค์หญิงใหญ่คือศัตรูไม่ใช่ครอบครัวอีกต่อไป

การแย่งชิงบัลลังก์ไม่มีที่ว่างให้ความรู้สึกส่วนตัว แต่ไรมาอำนาจล้วนได้มาจากการนองเลือด บัลลังก์สูงได้มาจากซากศพและกระดูกมากมายกองรวมกัน พรมแดงที่ทอดยาวไปยังบัลลังก์และอำนาจเต็มไปด้วยเลือดของศัตรูและคนสนิทมากมายนับไม่ถ้วน

นี่คือสิ่งที่องค์หญิงใหญ่ต้องการให้ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจ

องค์หญิงใหญ่มีชีวิตอยู่จนถึงปูนนี้แล้ว นางไม่กลัวตายอีกต่อไป

นางได้แต่หวังว่าการตายของนางจะสามารถปกป้องราชวงศ์ที่เสด็จพ่อของนางฝากฝังไว้กับนางได้หรือไม่ก็ปูทางให้หลานสาวของนางขึ้นครองราชย์ได้อย่างราบรื่นมากขึ้นเท่านั้น

“พี่ต้องไปพบท่านย่า!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นซิ่วและหลินคังเล่อที่เตรียมกล่าวห้ามนาง “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลเกินไปนัก ใต้เท้าเสิ่นผู้นั้นคือพวกเดียวกันกับเรา! เขามาที่นี่เพื่อบอกข้าว่าคืนนี้มีกับดัก ข้าบอกเขาไปแล้วว่าคืนนี้ข้าจะไปที่นั่น เขาต้องเตรียมรับมือไว้แน่นอน”