บทที่ 913 ราคาแพงเกินไป

บทที่ 913 ราคาแพงเกินไป

เสี่ยวเถียนต้อนรับแขกจากต่างชาติด้วยท่าทีที่สมเหตุสมผล และเป็นที่น่ายอมรับมาก ทั้งยังปฏิเสธคำข้อไร้เหตุผลจากพวกเขาด้วย

ฟ่านชูฟางพึงพอใจสุด ๆ

เด็กแบบนี้ควรทำงานในกระทรวงต่างประเทศจริง ๆ

เดี๋ยวนี้หนุ่มสาวในกระทรวงเอาแต่บูชาชาวต่างชาติ ความสามารถไม่ค่อยมี ทักษะการแปลก็ด้อย มีดีแต่ประจบคนเขาเท่านั้น

คนที่มีความซื่อสัตย์อย่างเสี่ยวเถียนสิควรทำงานกับเรา

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเธอก็ทำงานเสร็จเสียที

ฟ่านชูฟานพอใจในผลงานมาก

คนในกระทรวงต่างประเทศที่มาด้วยกันก็รู้สึกเช่นกัน

ก่อนหน้านี้คิดว่าหญิงชรายกย่องเสี่ยวเถียนมากเกินไป

ไม่ได้หวังไว้เลยว่าครั้งนี้จะได้มาเห็นกับตาตัวเอง จึงได้ตระหนักว่าเด็กคนนี้เก่งมากจริง ๆ

บุคลิกดีไม่พอยังมีความเป็นมืออาชีพมากอีกด้วย

ครั้งนี้เธอได้รับหน้าที่เป็นล่ามภาษาฝรั่งเศส แต่ก็ได้ยินว่าเจ้าตัวเชี่ยวชาญหลายภาษา

หากไม่ให้ภูมิใจกับคนแบบนี้ แล้วพวกเราจะไปเหลืออะไรล่ะ?

ฟ่านชูฟางดีใจที่ได้พาเสี่ยวเถียนมาด้วยกัน

หลานสาวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาด้านการแปลเท่านั้น แต่ยังทำให้คนในกระทรวงของเธอได้เล็งเห็นคุณค่าของการเรียนหนังสือด้วย

หลังจากส่งชาวต่างชาติเสร็จ งานของเธอก็จบลงแล้ว

การต้อนรับครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เรากลับไปรายงานผลงานได้

ถ้าราบรื่นอาจจะได้รับคำชมเชยด้วย

ตอนนี้ฟ่านชูฟางกำลังพักผ่อน รถไฟจะมาตอนเย็น เราจึงมีเวลาว่างในตอนกลางวัน

เธอถามหลานว่ามีที่ที่อยากไปอีกหรือเปล่า

“ไม่มีอะไรน่าดูหรอกค่ะย่ารอง ตอนนี้เป็นปีใหม่ด้วย คนยังฉลองกันอยู่เลย ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด”

เสี่ยวเถียนออกไปเดินเที่ยวตั้งครึ่งค่อนวัน เธอเห็นมาเกือบหมดแล้ว

“ยัยเด็กคนนี้ ทำตัวไม่เหมือนเด็กเลยจริง ๆ!” ท่านยิ้มด้วยความเอ็นดู “ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ตลอดเลยนะ”

เป็นเด็กแท้ ๆ ทำไมไม่มีความขี้สงสัยเลยก็ไม่รู้?

“เสี่ยวเถียนทำอะไรอีกล่ะ? ช่วงนี้หลานก็ทำตัวดีอยู่นี่นา” หยางลี่หมิงได้ยินบทสนทนาพอดี

“เราเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงก่อนออกเดินทางน่ะสิ ฉันก็เลยชวนออกไปเดินเที่ยว แต่เด็กคนนี้กลับบอกว่าน่าเบื่อ!” ฟ่านชูฟางส่ายหัว

“บังเอิญจังเลย ฉันว่าจะชวนเธอไปเดินตลาดดอกไม้อยู่พอดี โครงการประเมินงานสุดท้ายของเราต้องไปที่ตลาดนี้กันน่ะ”

สองปีมานี้ตลาดดอกไม้ในชุนเฉิงกำลังเฟื่องฟู จนแม้แต่ระดับชาติยังให้ความสนใจ

ครั้งนี้เธอเดินทางมาประเมินงานก็เลยถือโอกาสมาดูว่าชุนเฉิงสามารถเป็นโมเดลทางเศรษฐกิจได้หรือเปล่า

ถ้าทำได้ เราจะเริ่มจากเมืองหลวงทันที เพื่อให้เหล่าแม่บ้านได้มีรายได้เป็นของตัวเอง

ที่จริงตลาดดอกไม้กำลังไปได้สวยเลยนะ ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่อยากมาดู ตัวผู้นำชุนเฉิงเองก็อยากให้มา

สองวันมานี้หยางลี่หมิงมักจะได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงเศรษฐกิจขอบหน้าต่าง เอาแต่พูดซ้ำ ๆ ว่าทุกครัวเรือนสามารถปลูกดอกไม้ขาย และร่ำรวยจากธุรกิจนี้ได้ อะไรทำนองนั้น

ฟ่านชูฟางได้ฟังก็เริ่มสนใจ

หญิงชราถามหลานสาวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสี่ยวเถียนตอบตกลง เพราะอยากไปดูด้วยเหมือนกัน

ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสดี ๆ แบบนี้ด้วย

เดิมทีก็อยากไปดูอยู่แล้วเผื่อได้พันธุ์ดี ๆ กลับมาอีกสักสองสามกระถาง และสวรรค์ก็ประทานโอกาสมาให้

ก่อนหน้านี้ตนได้มอบหน้าที่ให้หนุ่มเจ้าของร้านช่วยซื้อมาให้อีกสิบกระถาง หน้าตาดูไม่ค่อยดีแต่หลากหลายพันธ์ุ

รวม ๆ ทั้งหมดที่มีคือสี่สิบกว่ากระถางแล้ว

รอให้มันค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา จากนั้นก็คอยเลี้ยงดูดี ๆ แล้วค่อยเอาไปขายหาเงิน

แม้จะไม่รู้เศรษฐกิจของดอกคลีเวียในชาติที่แล้ว แต่เสี่ยวเถียนสามารถวิเคราะห์ได้

เธอแน่ใจว่าภายในหนึ่งปีนี้ ราคาจะสูงขึ้นแบบทวีคูณ พอถึงตอนนั้นตนจะทำกำไรได้โดยไม่ขาดทุนสักหยวนเดียว

การที่ชุนเฉิงพัฒนาเศรษฐกิจของคลีเวียจนสามารถนำเสนอแก่ผู้นำได้นั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน

แล้วทั้งสองกลุ่มก็ได้พบกัน

จริง ๆ บางส่วนก็ไม่ได้สนใจดอกไม้อะไรหรอก แต่ที่คนใส่ใจเพราะได้ยินว่าราคาหลายร้อนหยวน จึงแย่งชิงเพื่อให้ได้มันมา

อยากรู้จริง ๆ ว่าดอกไม้มีคุณค่าจริงหรือเปล่า

ดอกไม้แต่ละพันธุ์ในเมืองชุนเฉิงมีตั้งแต่ระดับสูงไล่ลงไปจนถึงระดับซื้อขายกันได้ทั่วไป

แต่ที่นิยมมากที่สุดคือ คลีเวีย

แล้วราคาของก็ไม่ได้สูงไปกว่าดอกไม้ธรรมดาด้วย อย่างน้อยก็ไม่มีคุณค่าอะไรขนาดนั้น

หลายคนเห็นยังบอกเลยว่าผิดหวัง

มันสวยนะ พวกเขารับได้หากมีราคาแค่ยี่สิบสามสิบหยวน แต่ไม่คุ้มกับราคาหลายร้อยเลย

ฟ่านชูฟางมองอยู่สักพัก ก็แน่ใจแล้วว่ามีแค่ราคาคลีเวียในตลาดเท่านั้นที่สูงกว่าชาวบ้าน

“แพงกว่าดอกไม้อื่น ๆ อีก”

หยางลี่หมิงพยักหน้าเช่นกัน “ความต้องการของตลาดสินะ! ได้ยินว่าปริมาณที่ขายไม่พอด้วยซ้ำ!”

ผู้รับผิดชอบที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สัมผัสได้ว่าผู้มาเยือนในคราวนี้ไม่ใช่คนฐานะธรรมดาแน่ ๆ

ตอนได้ยินทั้งสองคนสนทนากันก็เลยเข้าไปยิ้มทักทาย

“ตอนนี้มีคนชอบคลิเวียเยอะมากเลยครับ แม้แต่คนในเซียงเจียงก็ชอบและยินดีซื้อดอกไม้ของเรา มันเป็นดอกไม้หายากและมีราคาสูง คนชอบเยอะเป็นพิเศษ และการปลูกคลิเวียก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะงั้นราคาจึงขึ้นเป็นธรรมดาครับ”

ฟ่านชูฟางพยักหน้า ปัจจุบันเราไม่ได้อยู่ในยุคระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนอีกต่อไป วิธีการแบบเมื่อก่อนจึงใช้ไม่ได้อีกแล้ว

การพัฒนาระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดีที่คลีเวียมีราคาขนาดนี้

โดยพื้นฐานแล้วมันถือเป็นภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ที่เกิดจากการเก็งกำไรใช่ไหม?

ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบอะไรบ้างหรือเปล่า!

แต่ว่าตนไม่ได้รับผิดชอบงานด้านนี้ เลยไม่ต้องห่วงอะไร

ไว้กลับไปเล่าให้เหล่าต้าฟังแล้วกัน อยากรู้ว่าเขาจะคิดยังไง

แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่จำได้คือ เธอมาดูดอกไม้เป็นเพื่อนหลานสาว

“เสี่ยวเถียน หนูชอบหรือเปล่า?”

เสี่ยวเถียนชอบอ่านหนังสือมาแต่ไหนแต่ไร ไหงอยู่ ๆ ก็ชอบดอกไม้ล่ะ?

แถมลานบ้านซูมีดอกไม้ปลูกไว้ตั้งเยอะแยะ ถึงจะไม่ได้หายากอะไร แต่พอถึงช่วงที่มันบานก็ดูสวยมาก ๆ

“หนูชอบค่ะย่ารอง ตอนอยู่หนานหลิ่งมีดอกไม้เต็มเขาเต็มนาเลย สวยมาก”

ฟ่านชูฟางยิ้ม “หลานชอบก็ดีแล้ว แต่ถ้าจะปลูกก็ต้องระวังด้วยนะ มันดูแลยากไม่เหมือนดอกไม้บนเขาหรอก”

หญิงชรากลัวหลานจะหน้ามืดซื้อพวกมันมา

แม้เจ้าตัวจะมีเงิน แต่ราคามันสูงเกินไปจริง ๆ สำหรับตัวเธอ เธอไม่เอาด้วยดีกว่า

เสี่ยวเถียนพยักหน้าจริงจัง “หนูรู้ค่ะย่ารอง แต่ถ้ามันเป็นของที่ชอบ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ที่เราจะใช้เงินสร้างความสุขให้ตัวเองนี่คะ”

เด็กสาวอายที่จะบอกว่า อยากลองเสี่ยงโชคดูว่า ถ้าซื้อมาดูแลแล้วจะขายออกหรือเปล่า

ก็เลยบอกไปแบบนั้นแทน

หญิงชรามองหลานสาวที่ยืนมองดอกไม้ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าถ้าตัวเองซื้อมาไว้ดูผ่อนคลายก็คงดีเหมือนกัน