บทที่ 942 ดวงจิตอนธการ งานใหญ่ของสำนักซ่อนเร้น

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 942 ดวงจิตอนธการ งานใหญ่ของสำนักซ่อนเร้น

ร้อยล้านล้านปี!

เทียบเท่ากับดวงจิตบรรพกาลที่อยู่ห่างจากผู้สร้างมรรคาเพียงครึ่งก้าว!!

จิตใจหานเจวี๋ยหนักอึ้ง ที่แท้ยังมีผู้ทรงพลังที่ไม่ทราบถึงซ่อนเร้นอยู่ในแดนบรรพกาลจริงๆ หรือ

ก็ถูกที่ว่าตอนนี้หานเจวี๋ยแข็งแกร่งมากพอแล้ว แต่ยังคงไม่สามารถมองทะลุเขตแดนบางส่วนที่อยู่ในฟ้าบุพกาลได้ หากไม่มีผู้ทรงพลังคอยคุ้มครอง ไหนเลยจะไม่อาจสอดส่องได้

หานเจวี๋ยเลือกดำเนินการต่อ

อายุขัยร้อยล้านล้านปี เขายังจ่ายไหว!

หานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เขาลืมตาขึ้น พบว่าตนมาโผล่ที่ห้วงมิติมืดมิดแห่งหนึ่ง รอบข้างอบอวลไปด้วยปราณสีม่วงแปลกประหลาดมากมาย ไกลออกไปในทุกทิศทางมีเงาร่างขนาดมหึมาที่ดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขามล่องลอยอยู่รางๆ

หานเจวี๋ยพบว่าด้านหน้ามีเงาร่างเก้าร่างชุมนุมกันอยู่

พวกเขากำลังโต้เถียงกัน

“ฟ้าบุพกาลหรือ เป็นเพียงเรื่องเท็จทั้งสิ้น!”

“น่าขัน มีเทพมารอนธการคอยสะกดอยู่ พวกเราไม่มีทางโงหัวขึ้นมาได้!”

“ใช่แล้ว จะวางแผนต่อที่แห่งนี้ได้อย่างไร พลังอำนาจของเขาแข็งแกร่งเกินไป พวกเราสู้ไม่ได้เลย ควบคุมอนธการไว้ไม่อยู่แล้ว คิดจะบุกเบิกฟ้าบุพกาลนั้นเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ”

“ความคิดของพี่ใหญ่ไม่มีทางกลายเป็นจริง ต่อให้บุกเบิกฟ้าบุพกาลขึ้นแล้วอย่างไรเล่า มีเทพมารอนธการอยู่ ต่อให้ฟ้าบุพกาลมีตัวตนจริงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”

….

ภาษาที่เงาร่างเก้าสายนี้พูดคุยกันหานเจวี๋ยไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ด้วยระดับของเขา หานเจวี๋ยจึงสามารถเข้าใจความหมายของพวกเขาได้ มีคำแปลฉบับภาษาของตนผุดขึ้นมาในหัว

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หรือว่ากลุ่มที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเจ้านวฟ้าบุพกาลและดวงจิตอนธการอีกแปดลำดับก่อนหน้านี้

ในอดีตตอนที่สืบหาข้อมูลของเจ้านวฟ้าบุพกาลเขาจำได้ว่าดวงจิตอนธการแปดลำดับก่อนหน้านี้บุกเบิกฟ้าบุพกาลล้มเหลว มีเพียงเจ้านวฟ้าบุพกาลที่ทำสำเร็จ

พวกเขากำลังวางแผนอะไรอยู่

หากว่าเกี่ยวข้องกับฟ้าบุพกาลเท่านั้น จะเป็นภัยคุกคามหานเจวี๋ยได้อย่างไร

เงาร่างหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราลองบุกเบิกฟ้าบุพกาลไล่กันเป็นทอดๆ เถิด ลองไปทีละคน เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากคนที่ล้มเหลวไปก่อนหน้า ฝากความหวังเอาไว้ที่น้องเก้า”

เงาร่างอีกเจ็ดร่างที่เหลือต่างพากันหันไปมองร่างที่เล็กเตี้ยที่สุดในกลุ่ม

หานเจวี๋ยเดาว่านั่นก็คือเจ้านวฟ้าบุพกาล

เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน “แต่หากว่าพวกพี่ทั้งหมดล้วนดับสูญไป ข้าก็ไม่อาจอยู่เพียงลำพังได้ อีกทั้งการบุกเบิกฟ้าบุพกาลก็ไม่ใช่ความต้องการของข้า!

“อันที่จริงพวกเราอยู่กันเช่นนี้ดีแล้วไม่ใช่หรือ อีกทั้งเทพอนธการก็มิได้ข่มเหงเอาเปรียบพวกเราเลย เพียงไม่ให้พวกเราสร้างดวงจิตอนธการที่เป็นเหมือนพวกเราขึ้นมาเท่านั้น”

คำพูดของเขาเรียกเสียงตำหนิดุด่าจากดวงจิตอนธการทั้งแปด ทำเอาเขาตกใจจนไม่กล้าพูดต่ออีก

เจ้านวฟ้าบุพกาลในยามนี้แตกต่างไปจากเจ้านวฟ้าบุพกาลที่หานเจวี๋ยจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง ไม่ได้สูงส่งลึกล้ำเลอเลิศไร้พ่ายถึงเพียงนั้นเลย นิสัยเป็นเด็กชายจอมซนคนหนึ่งเท่านั้น

ดวงจิตอนธการรายหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ต่อให้พวกเราล้มเหลว แต่ก็ยังเหลือทางรอดทิ้งไว้ พวกเราแต่ละคนจะแบ่งเศษเสี้ยวต้นกำเนิดออกมาผนึกเอาไว้แล้วมอบให้น้องเก้า หากว่าล้มเหลวจริงๆ วันหน้าน้องเก้าก็ค่อยฟื้นคืนชีพให้พวกเราใหม่ ฝากความหวังเอาไว้กับน้องเก้า”

หานเจวี๋ยพลันกระจ่างขึ้นมาในทันใด ที่แท้แปดดวงจิตอนธการต้องการฟื้นคืนชีพ หากอยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้หนุนหลังอย่างเจ้านวฟ้าบุพกาล ย่อมสามารถแข็งแกร่งเกรียงไกรขึ้นมาได้ โอกาสที่จะกลายเป็นภัยคุกคามเขาก็มีสูงมากเช่นกัน

ไม่นานนักภาพลวงตาวิวัฒนาการก็สิ้นสุดลง บทสนทนาในช่วงหลังล้วนเกี่ยวข้องกันในทำนองว่าจะบุกเบิกฟ้าบุพกาลอย่างไร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ยเลย

เมื่อจิตรับรู้กลับคืนร่าง หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น

‘ข้าอยากรู้ว่ามีดวงจิตอนธการตนใดที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยร้อยล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

คงไม่ใช่ว่าเติบใหญ่ขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับดวงจิตบรรพกาลแล้วกระมัง

จิตใจของหานเจวี๋ยจมดิ่งสู่ก้นเหวลึก

เขาเลือกดำเนินการต่อทันที

เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวหานเจวี๋ย ข้อมูลเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ยทีละแถว

[จ้าวซวงเฉวียน: ระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะต้น เจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลกลับชาติมาเกิด ศิษย์แห่งอริยะ ศิษย์แห่งสำนักซ่อนเร้น มหาโชคแต่กำเนิด]

เจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลกลับชาติมาเกิด!

น่าแปลก เหตุใดถึงไม่กระตุ้นให้เกิดแจ้งเตือนการพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดเล่า

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนายดู ที่แท้จ้าวซวงเฉวียนผู้นี้ถือกำเนิดในช่วงหนึ่งแสนปีมานี้ อีกทั้งเขาพำนักอยู่ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม อยู่ห่างไกลจากมรรคาสวรรค์

เรื่องที่ควรค่าให้กล่าวถึงคือจ้าวซวงเฉวียนเป็นศิษย์ผู้สืบทอดของซูฉี ถือกำเนิดมาพร้อมนิมิตหมายประหลาด เพียงแต่รูปการณ์เช่นนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นในมรรคาสวรรค์ อีกทั้งตอนนี้จ้าวซวงเฉวียนก็ยังไม่เผยคุณสมบัติอันโดดเด่นเลิศล้ำออกมา

เช่นนี้ก็จัดการยากแล้ว

คนผู้นี้คือศิษย์หลานเชียวนะ

หานเจวี๋ยคิดว่าการที่เจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลมาเกิดในมรรคาสวรรค์ หาใช่เรื่องบังเอิญไม่

‘ข้าอยากรู้ว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลจัดสรรให้เจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลกลับชาติมาเกิดในมรรคาสวรรค์เพราะมีแผนร้ายต่อข้าใช่หรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสิบล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ขณะนี้ไร้ซึ่งแผนการ]

หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนวาจาที่ประกาศกร้าวต่อหน้าดวงจิตบรรพกาลไปก่อนหน้านี้จะได้ผลดียิ่งนัก

คาดว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลคงกลัวมีใครทำอันตรายพี่ชายเข้า ดังนั้นจึงจัดสรรมาที่มรรคาสวรรค์เพราะค่อนข้างปลอดภัย

อย่างไรก็ตามแค่ไร้แผนการในขณะนี้ไม่ได้แปลว่าในอนาคตจะไม่วางแผน

ถึงอย่างไรเมื่อครู่หานเจวี๋ยก็ทำนายพบว่าจ้าวซวงเฉวียนจะกลายเป็นภัยคุกคามตน

‘แล้วไปเถิด ถึงคนผู้นี้อยากจะเติบใหญ่ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน อย่างมากก็แค่หาโอกาสสยบทาสเขาเสีย อีกอย่าง ระดับความก้าวหน้าของเขาไหนเลยจะเทียบกับข้าได้’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจก็รู้สึกระแวดระวังเช่นกัน

เขาดูเหมือนจะไร้พ่ายในฟ้าบุพกาล แต่ก็แค่ในตอนนี้เท่านั้น อาจเกิดตัวแปรขึ้นได้เสมอ

ความแข็งแกร่งอ่อนแอบนโลกนี้แต่ไหนแต่ไรมาหาได้กำหนดโดยพรสวรรค์ไม่ สิ่งที่สำคัญกว่าคือโอกาสวาสนา

เช่นเดียวกับหวงจุนเทียน คุณสมบัติธรรมดาสามัญ แต่พึ่งพาโอกาสวาสนาเสมอมาจนก้าวนำล้ำหน้าเหล่าศิษย์สืบทอดของเขาไปแล้ว

‘สมควรต้องใส่ใจศิษย์สำนักซ่อนเร้นบ้างแล้ว’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เขาถ่ายทอดเสียงหาเหล่าศิษย์สืบทอดทันที อีกหนึ่งแสนปีให้หลังให้มารวมตัวกันที่เขตเซียนร้อยคีรี ในบรรดานี้รวมถึงหลี่เต้าคงที่อยู่ในกลุ่มมิ่งด้วย จากนั้นก็สั่งให้พวกหลี่เสวียนเอ้าเตรียมจัดงานใหญ่ของสำนักซ่อนเร้นขึ้นในครั้งนี้ด้วย

ครั้งนี้ หานเจวี๋ยวางแผนว่าจะพากองทัพเทพมารมาที่เขตเซียนร้อยคีรีด้วย แต่สำหรับเรื่องสายเลือดของพวกเขายังต้องปกปิดเป็นความลับไว้

พอจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ เขาก็เริ่มฝึกบำเพ็ญต่อ

ทว่าเหล่าศิษย์สืบทอดกลับสงบกันต่อไปไม่ได้แล้ว

เวลาผ่านมาหลายล้านปี นี่คือการงานชุมนุมครั้งแรกของสำนักซ่อนเร้น!

ภายในหมื่นโลกาฉายชัด เหล่าศิษย์สืบทอดทยอยปรากฏตัวขึ้น

“ได้ยินคำสั่งของอาจารย์ปู่หรือยัง” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

“ได้ยินแล้ว นี่เป็นเรื่องดี พวกเราก็ไม่ได้พบปะกันมานานมากแล้ว สมควรรวมตัวเสียที”

“ใช่แล้ว หากไม่มีหมื่นโลกาฉายชัด เกรงว่าสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาคงห่างเหินกันไปนานแล้ว”

“ยังคงเป็นท่านอาจารย์ที่เลิศล้ำ สร้างพลังวิเศษที่ครอบคลุมไปทั่วฟ้าบุพกาลเช่นนี้ขึ้นมา”

“ฮ่าๆๆ พอถึงเวลาจะให้พวกเจ้าได้เห็นความองอาจของข้า”

เหล่าศิษย์สืบทอดต่างพูดคุยกันด้วยความคึกคักตื่นเต้น

ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นผู้ใดที่เปิดหัวข้อสนทนาขึ้นมา พวกเขาต่างเริ่มพูดคุยถึงศิษย์ของตน

พวกเขาหาใช่หนุ่มน้อยเยาว์วัยเหมือนในปีนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่ละคนล้วนมีเชื้อสายของตนแล้ว อย่าว่าแต่ลูกศิษย์เลย แม้แต่ศิษย์หลานก็มีแล้ว ถึงขั้นที่มีสืบทายาทกำเนิดชนรุ่นหลังแล้วด้วย บุกเบิกก่อตั้งตระกูลขึ้นมา

ในไม่ช้าข่าวก็แว่วไปถึงหูหานฮวง หานฮวงมิได้อยู่ในหมื่นโลกาฉายชัด แต่เหล่าศิษย์สืบทอดสามารถสื่อสารกันผ่านช่องทางมหามรรคโดยเฉพาะได้

ว่ากันตามปกติแล้ว อาณาเขตที่ตั้งของประตูแห่งมหามรรคมิได้เป็นส่วนตัวเลย มีผู้ทรงพลังมาถ่ายทอดข้อมูลกันที่นี่น้อยยิ่งนัก แต่เรื่องนี้หาใช่เรื่องที่ให้คนอื่นทราบไม่ได้ ดังนั้นจึงมาเล่าให้หานฮวงฟังได้

หานฮวงตื่นเต้นยิ่ง อยากพบเหล่าศิษย์สืบทอดของผู้เป็นบิดา จึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายทันที

“ฮ่าๆๆ นี่เป็นเรื่องดี บิดาเจ้าปิดด่านกักตัวมานานแล้ว หากไม่ออกมาพบปะกันเสียบ้าง เกรงว่าหากมีศิษย์หนีหายไปเขาก็คงไม่ทราบเลย”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยยิ้มๆ เข้าใจความคิดของหานฮวง

เขาพลันเปลี่ยนน้ำเสียง เอ่ยอย่างลุ่มลึกมีนัย “ฮวงเอ๋อร์ ครั้งนี้เจ้าต้องไปเข้าร่วมให้ได้ ถือโอกาสช่วยเรา…แค่กๆ เจ้าน่าจะรู้ดี”

หานฮวงตบอกพลางเอ่ยยิ้มๆ “ฝ่าบาทวางใจเถิด ข้าจะชักจูงบุตรแห่งสวรรค์มาให้ท่านอย่างน้อยๆ สิบราย จะทำให้วังสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นแน่นอน!’

………………………………………………………………