ตอนที่ 904 ทำตามสถานการณ์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 904 ทำตามสถานการณ์

องค์หญิงใหญ่พยักหน้าน้อยๆ ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ นางกวักมือเรียกไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “มาเถิด…”

ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปหาองค์หญิงใหญ่ จากนั้นนั่งลงข้างกายของท่านย่าอย่างว่าง่าย

เมื่อเกาเต๋อเม่าเห็นสาวใช้ถือชาเข้ามาจึงเดินไปรับ เขากวาดสายตามองสำรวจสาวใช้ผู้นั้นแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติจึงนำชาเข้าไปให้ไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง จากนั้นถอยหลังกลับไปยืนอยู่ด้านข้าง

จมูกขององค์หญิงใหญ่เริ่มแสบร้อนขึ้นมา นางมองสำรวจหลานสาวของตัวเองยิ้มๆ นางเอื้อมมือไปลูบผมยาวที่ถูกมัดรวบของไป๋ชิงเหยียนอย่างแผ่วเบา จากนั้นลูบไปที่ใบหน้าเรียวเล็กของหลานสาว นางกล่าวกับหลานสาวเหมือนที่เคยกล่าว “ผอมลงแล้ว!”

“ทำสงครามในสนามรบค่อนข้างลำบากเจ้าค่ะ ท่านย่าไม่ต้องห่วง…อีกไม่นานก็กลับมาอ้วนอย่างเดิมแล้วเจ้าค่ะ”

จักรพรรดิต้าจิ้นที่นั่งอยู่ด้านหลังฉากกั้นได้ยินบทสนทนาไร้สาระของสองย่าหลานจึงรู้สึกทนไม่ไหว ทว่า เมื่อคิดถึงหอบูชาเก้าชั้นของตัวเองจึงได้แต่อดทน

“อาเป่า ทั้งๆ ที่รู้ว่าเมื่อเข้ามาในเมืองลั่วหงจะมีงานเลี้ยงหงเหมินรอเจ้าอยู่ เจ้าก็ยังมาอยู่ดี…” องค์หญิงใหญ่กุมมือไป๋ชิงเหยียนไว้หลวมๆ กล่าวเสียงอ่อนโยน “อาเป่าตัดสินใจยอมรับข้อเสนอของย่า ยอมเป็นขุนนางผู้กุมอำนาจของแคว้นเพื่อแสดงความจงรักภักดีอย่างนั้นหรือ”

หากหลานสาวของนางไม่มาคงดีกว่านี้ แม้หากอาเป่าไม่มานางอาจรู้สึกผิดหวัง ทว่า อย่างน้อยนางก็คงไม่ต้องรู้สึกผิดถึงเพียงนี้

ไป๋ชิงเหยียนสบกับสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของท่านย่า จากนั้นส่ายหน้าน้อยๆ “ข้ามาที่นี่เพราะท่านย่าคือท่านย่าของข้า อีกทั้งยังเป็นองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หลิน ท่านย่าปกป้องราชวงศ์หลินเหมือนที่พวกเราพี่น้องปกป้องตระกูลไป๋เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนมองดูหญิงชราผมขาวโพลนที่ซ่อนความเศร้าสร้อยทุกอย่างไว้ในดวงตาและยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยนตรงหน้า “ท่านย่าและข้าควรเป็นญาติที่สนิทกันมากที่สุดบนโลกนี้ บัดนี้กลับต้องยืนอยู่คนละฝั่งเพราะความเห็นที่แตกต่างกัน ท่านย่าคงเจ็บปวดใจมาก ดังนั้นข้าจึงต้องมาที่นี่เพื่อให้ท่านย่ารับรู้ว่าแม้พวกเราจะคิดไม่เหมือนกัน ทว่า ความสัมพันธ์ระหว่างย่าหลานของพวกเรายังคงอยู่เจ้าค่ะ!”

เมื่อองค์หญิงใหญ่ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ น้ำตาของนางไหลพรากในทันที แม้จะข่มใจเพียงใด แม้จะทระนงในศักดิ์เพียงใดก็ต้านทานคำกล่าวนี้ของหลานสาวไม่ไหวอยู่ดี

ความเค็มของน้ำตาซึมเข้าไปในปากขององค์หญิงใหญ่ ความรู้สึกผิดที่มีต่อหลานสาวติดอยู่ที่มุมปาก นางกลืนมันลงไปในลำคออีกครั้ง องค์หญิงใหญ่เอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไปที่ศีรษะของหลานสาว จากนั้นลดลงไปที่บ่า “อาเป่า หากเจ้าก่อกบฏและตั้งตนเป็นจักรพรรดินีจริงๆ วันหน้าเจ้าจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นขุนนางกบฏนะ”

“ท่านย่าลองมองดูจักรพรรดิต้าจิ้นและรัชทายาทในเวลานี้สิเจ้าคะ ข้าไม่ขอให้พวกเขารวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ไม่ขอให้พวกเขาเป็นจักรพรรดิที่มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ ขอเพียงให้พวกเขาคุ้มครองแผ่นดินต้าจิ้นแห่งนี้เท่านั้น ท่านย่าคิดว่าพวกเขาทำได้หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับองค์หญิงใหญ่อย่างเปิดใจ “ท่านย่า ผู้ที่มีเมตตาต่อชาวบ้านในใต้หล้าถึงจะได้ครอบครองใต้หล้าเจ้าค่ะ ทว่า จักรพรรดิองค์นี้เป็นจักรพรรดิเช่นนั้นหรือไม่เจ้าคะ ต้าเยี่ยนทำลายแคว้นเว่ย กำจัดภัยทางใต้ของแคว้นตนเองแล้ว พวกเขาจะเดินหน้ารวบรวมใต้หล้าต่อไป ท่านย่าคิดว่าจักรพรรดิและรัชทายาทของต้าจิ้นจะปกป้องแคว้นไว้ได้นานเพียงใดเจ้าคะ พวกเขาจะทำให้แคว้นดับสูญลงเมื่อใดเจ้าคะ”

“ที่ราชวงศ์มีบารมีสูงส่ง ได้รับความเคารพนับถือจากชาวบ้านเป็นเพราะชาวบ้านหวังให้ราชวงศ์ช่วยปกป้องคุ้มครองชาวบ้าน ทว่า ราชวงศ์ในตอนนี้ทำหน้าที่นั้นแล้วหรือไม่เจ้าคะ ราชสำนักชิงตัวเด็กส่งไปให้จักรพรรดิต้าจิ้นปรุงยาวิเศษที่หอบูชาเก้าชั้น ผู้ใดขัดขืนต่างพลอยเดือดร้อนไปตามๆ กัน บังคับให้ชาวบ้านไปถึงหอบูชาเก้าชั้นในเวลาที่กำหนดมิเช่นนั้นจะถูกประหาร เขาใช้วิธีการที่โหดร้ายรุนแรงเพื่อบรรลุเป้าหมายจนหลายเมืองลุกขึ้นมาต่อต้าน”

“ท่านย่า อำนาจของราชวงศ์หลินจบสิ้นแล้วเจ้าค่ะ ถึงแม้ไม่มีไป๋ชิงเหยียน ก็ต้องมีหลี่ชิงเหยียน หวังชิงเหยียนหรือฉี่ชิงเหยียนลุกขึ้นก่อกบฏอยู่ดีเจ้าค่ะ! ทหารอ่อนแอ ราชสำนักวุ่นวายล้วนเป็นสาเหตุทำให้แคว้นดับสูญทั้งสิ้น ข้าแค่ทำไปตามสถานการณ์เท่านั้นเจ้าค่ะ!”

เมื่อเห็นองค์หญิงใหญ่มีท่าทีอึกอัก ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวต่อ “ท่านย่าต้องการจะบอกว่าตระกูลไป๋สามารถสนับสนุนคนสกุลหลินขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ ทว่า ผู้ที่ท่านปู่ก็สนับสนุนให้จักรพรรดิต้าจิ้นองค์นี้ขึ้นครองราชย์ไม่ใช่หรือเจ้าคะ ดูสิเจ้าคะว่าตระกูลไป๋ของเรามีจุดจบเช่นไร! เมื่อจักรพรรดิไม่มีความทะเยอทะยาน ปณิธานของขุนนางยิ่งใหญ่กว่าจักรพรรดิ เหตุการณ์ย่อมดำเนินมาถึงวันที่จักรพรรดิหวาดระแวงในตัวขุนนางจนขุนนางต้องจบชีวิตลงเจ้าค่ะ! ดังนั้นมีเพียงการกุมอำนาจอยู่ในมือของตัวเองเท่านั้นถึงจะไม่ถูกบังคับและข่มขู่ จึงจะสามารถสานต่อปณิธานของตระกูลไป๋ได้เจ้าค่ะ”

“ท่านย่าเคยกล่าวว่าใต้หล้าแห่งนี้ไม่มีความยุติธรรม คนเราเกิดมาล้วนถูกแบ่งแยกสูงต่ำ สัจธรรมของใต้หล้าเป็นเช่นนี้ ทว่า อาเป่าจะพยายามทำให้ชาวบ้านทุกคนมีใต้หล้าที่สงบสุขและมีแต่ความยุติธรรมให้ได้เจ้าค่ะ!”

แววตาของไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ใต้แสงไฟแน่วแน่และหนักแน่นราวกับไม่สามารถมีสิ่งใดมาลบล้างความคิดของนางได้ หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงแน่วแน่มั่นคง “ผู้เป็นจักรพรรดิใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินภาษีของชาวบ้าน เขาต้องรับผิดชอบดูแลและพัฒนาแคว้นให้ดียิ่งขึ้น ขุนนางในราชสำนักรับเงินจากภาษีของชาวบ้าน พวกเขาต้องดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้สงบสุขและปลอดภัย เหล่าทหารรับภาษีจากชาวบ้าน พวกเขามีหน้าคุ้มกันชายแดน ปกป้องไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อนจากสงคราม แม่ทัพรับภาษีจากชาวบ้าน พวกเขามีหน้าที่ดูแลไม่ให้ทหารในสังกัดของตัวเองเสียชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ อาเป่าต้องการให้ทุกคนใต้หล้าแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นทหาร ชาวนา พ่อค้าหรือชาวบ้านธรรมดาล้วนมีชีวิตที่สงบสุข ทุกคนได้รับความยุติธรรม นี่คือสิ่งที่ราชวงศ์หลินไม่มีทางทำได้เจ้าค่ะ!”

จักรพรรดิต้าจิ้นที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นเดือดดาลขึ้นมาทันที ทว่า เขาไม่มีความมั่นใจจึงได้แต่นั่งอยู่ด้านในอย่างหวั่นวิตกและร้อนรน

รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งอย่างนั้นหรือ สตรีตัวเล็กเพียงนี้กล้าคิดการใหญ่ถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน!

หากไป๋ชิงเหยียนแน่วแน่ถึงเพียงนี้ เขาก็คงเก็บนางไว้ไม่ได้

“ตระกูลไป๋จงรักภักดีและได้รับความนับถือจากทุกแคว้นมาโดยตลอด เจ้าทนเห็นชื่อเสียงนับร้อยปีของตระกูลไป๋ด่างพร้อยได้อย่างนั้นหรือ” องค์หญิงใหญ่ถามอย่างไม่มั่นใจ

หลานสาวของนางสืบทอดนิสัยและปณิธานของบรรพบุรุษตระกูลไป๋มาเต็มๆ นางมีความเมตตาต่อใต้หล้าเหมือนที่บรรพบุรุษทุกคนของนางเคยมี องค์หญิงใหญ่มองเห็นจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณและปณิธานที่ยิ่งใหญ่ในตัวของหลานสาวของนาง นี่คือสิ่งที่ราชวงศ์หลินในตอนนี้ไม่มี

“บรรพบุรุษตระกูลไป๋ทุกคนไม่เคยทำผิดต่อผู้นำแคว้นและชาวบ้าน พวกเราไม่กลัวปลายพู่กันของนักบันทึกประวัติศาสตร์เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางท่านย่าของตัวเองด้วยแววตาเปิดเผย “หากสามารถทำให้ใต้หล้านี้มีแต่ความสงบอย่างแท้จริง ต่อให้โดนประณามว่าเป็นกบฏ ชื่อเสียงเสียหายนับพันปีก็มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ ท่านย่าแต่งงานกับท่านปู่มาหลายสิบปี ท่านย่าน่าจะรู้จักนิสัยของท่านปู่ดี หากท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็คงเลือกทางเดียวกับอาเป่า ในสายตาของท่านปู่…เกียรติยศของคนเพียงคนเดียว เกียรติยศของคนทั้งตระกูลเทียบไม่ได้กับชีวิตนับหมื่นของชาวบ้านและความสงบสุขในวันข้างหน้าของใต้หล้าไม่ได้แม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”

นั่นสินะ…

หากไป๋เวยถิงสามีของนางยังมีชีวิตอยู่ หากแคว้นต้าจิ้นเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หากแคว้นมีจักรพรรดิที่คิดจะนำชีวิตเด็กไปปรุงยาวิเศษเพื่อต่ออายุของตัวเอง หากแคว้นมีรัชทายาทที่ยอมก้มศีรษะอ้อนวอนเหลียงอ๋องอย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ ไป๋เวยถิงไม่มีทางทำตามคำสั่งของคนเหล่านี้อีกต่อไป เขาต้องนำกองทัพไป๋ก่อกบฏเพื่อชาวบ้านแน่นอน