War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2263
ตอนที่ 2,263 : ความเร็วในการบ่มเพาะอันน่ากลัว
“ทำลาย!!”
เสียงตะโกนของต้วนหลิงเทียนนั้นเรียกว่าแข่งกันดังกับสายฟ้าฟาดได้เลย!
และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงเขาดังจบคำ
กระบี่พันอาคมเซียนเล่มจริง ก็แปรเปลี่ยนไปคล้ายเส้นสายอัสนี มันพุ่งทะยานขึ้นฟ้าหมายปะทะกับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 5!
ก่อนหน้านี้ด้วยกระบี่จากร่างแยกของเซียนอมตะข้ามภพ อัสนีทัณฑ์ฟ้าสายที่ 5 ก็สูญเสียพลังไปไม่น้อย
และก่อนที่เมฆหายนะเบื้องบนจะส่งพลังหนุนเสริมมายังอัสนีทัณฑ์สายที่ 5 ต้วนหลิงเทียนก็เร่งใช้กระบี่พันอาคมเซียนเล่มจริง จู่โจมอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 5 ทันที!
พริบตาต่อมา
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
…
เสียงแหลมเสียดหูจากการปะทะกันของพลังดังขึ้น! กระบี่พันอาคมเซียนต้วนหลิงเทียนยันกับอัสณีทัณฑ์สวรรค์อย่างไม่มีถอย!!
“ปีกอีกาทองคำ!!”
ในระหว่างที่ควบคุมกระบี่ต้านสายฟ้า ต้วนหลิงเทียนก็รีบเร่งเร้าพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดใช้ออกด้ววยเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหว เหินร่างทะยานขึ้นไปยังฟ้าสูง จี้เข้าหาเมฆทะมึนเบื้องบน
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
……
พลังเซียนสุริยันเร่งเร้าควบผนึกเป็นกระบี่พลังฉับไวเล่มแล้วเล่มเล่า! ทั้งหมดถูกควบคุมออกด้วยเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจ พุ่งยิงขึ้นไปทำลายจุดศูนย์กลางเมฆหายนะ ด้วยไม่ให้มันสามารถควบรวมพลังหนุนเสริมอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 5 ได้สำเร็จ!!
ขณะเดียวกันด้านกระบี่พันอาคมเซียนที่กำลังยันกับอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 5 นั้น ก็ได้รับพลังหนุนเสริมจากต้วนหลิงเทียนไม่หยุด บัดนี้เขาใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดอย่างไม่คิดออมรั้ง หมายทำลายอัสนีสายที่ 5 ให้ได้ไวที่สุด!
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! ตูมมม!! ซัววว!!!
…
หลังจากปะทะทำลายกันอยู่ไม่นานนัก ในที่สุดกระบี่พันอาคมเซียนที่มีพลังหนุนเนื่องไม่หยุด ก็สามารถทำลายอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 5 อันขาดพลังหนุนเสริมจากเมฆหายนะได้สำเร็จ! บังเกิดเป็นเสียงสนั่นดังลั่นไปก้องฟ้า!!
หลังจากการระเบิด อากาศ ณ จุดปะทะพลันวิปริตแปรปรวน ดั่งมรสุมก่อเกิดก็ไม่ปาน! สายลมอันรุนแรงทั้งคลื่นกระแทกกวาดซัดออกไปทั่วสารทิศ!!
อีกทั้งคลื่นกระแทกส่วนหนึ่งยังก่อให้เกิดปรากฏการณ์ดั่งดอกเห็ดเบ่งบาน!
ฟู่ววว! ฟู่ววว! ฟู่ววว!
…
ความว่างเปล่า ณ จุดระเบิดเริ่มบิดเบือน ต้นไม้ใบหญ้าเบื้องล่างบัดนี้ปลิดปลิวล้มระเนระนาด บ้างก็หลุดไปทั้งรากปลิวหายไปที่ใดไม่ทราบ!
เรียกว่าฉากเรื่องราวในหุบเขานั้นยับเยินถึงที่สุด ราวกับพึ่งถูกกองโจรบุกมากวาดล้างทำลาย!
“ในที่สุด!”
สายลมอันรุนแรงดั่งมหาพายุกวาดซัดออกมา 5-6 ระลอก ก่อนที่ทุกสิ่งจะเริ่มหวนคืนสู่ความปกติ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเฮือกหนึ่ง
เขาสามารถต้านทานอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 5 ได้สำเร็จแล้ว!
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปไม่ทันไร เสียงอัสนีเบื้องบนก็เริ่มดังก้องหูเขาอีกครั้ง
คล้ายจะย้ำเตือนว่าหายนะทัณฑ์สวรรค์ยังไม่ถึงกาลสิ้นสุด! และอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 6 กำลังจะผ่าฟาดลง!!
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนที่เหม่อไปเล็กน้อย ก็ดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยทันที
ใบหน้าที่พึ่งผ่อนคลายกลายเป็นตึงเครียดอีกครั้ง!
‘ลำพังแค่สายฟ้าที่ 5 ก็น่ากลัวมากแล้ว…สายฟ้าที่ 6 ต้องร้ายกาจกว่านี้แน่! แล้วข้าจะเอาอะไรไปรับมัน!?’
ความกังวลสุมเต็มอกต้วนหลิงเทียน สองตาที่แหงนมองฟ้าฉายชัดถึงความวิตกกังวล ยังอดยิ้มขื่นขมออกมาไม่ได้
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังรู้สึกขื่นขมทั้งยังเริ่มบังเกิดความสิ้นหวังนั้นเอง…
สองตาที่จับจ้องมองเมฆหายนะเบื้องบนคล้ายพบเห็นบางสิ่ง พาลให้ลูกตาหดเล็กลงทันใด สีหน้าตึงเครียดรวมถึงแววตาท้อแท้มลายหายกลับกลายเป็นความตกใจ!
นั่นเพราะในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังรู้สึกอับจนนั้น เมฆหายนะเบื้องบนก็ค่อยๆคลี่คลายสลายตัว!
เสียงอัสนีที่ลั่นดังอย่าน่ากลัวก็ค่อยๆซาลงไปทุกขณะ จนในที่สุดก็ดับไปอย่างสมบูรณ์
“นี่…มัน…”
ฉากเรื่องราวตรงหน้าทำให้ต้วนหลิงเทียนนิ่งอึ้งอยู่พักหนึ่งกว่าจะคืนสติ นั่นเพราะเรื่องราวมันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป!
หายนะทัณฑ์สวรรค์จบแล้ว? จบลงทั้งแบบนี้?
หายนะทัณฑ์สวรรค์วันนี้ กลับมีแค่อัสนีลงทัณฑ์ 5 สาย?
หลังผ่านไปราวๆสิบลมหายใจ ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆฟื้นตัว
พอดึงสติกลับมาได้แล้ว เขาก็อดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้ หากแต่ใบหน้ายังฉายชัดถึงความหวาดกลัว ‘ให้ตายเถอะเกือบตายเพราะความไม่รู้แล้วไง…แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมีทัณฑ์อัสนีแค่ 5 สายเท่านั้น’
‘นับว่าโชคดีนักที่มันมีแค่ 5 สาย…ไม่งั้นอย่าว่าแต่สายฟ้าสายอื่นๆหลังจากนั้นเลย เอาแค่สายที่ 6 ก็เกรงว่าจะไม่รอดเอา…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างหวาดเสียว
ตอนนี้นอกจากความปิติยินดีในใจแล้วต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกโชคดีนัก
ถึงแม้ว่าหายนะทัณฑ์สวรรค์คราวนี้จะมีแค่ 6 อัสนีทัณฑ์ก็ตามที เขาไม่รอดแน่!
โชคดีที่หายนะทัณฑ์สวรรค์รอบนี้มันมีแค่ 5 อัสนี ทำให้เขารอดชีวิตมาได้อย่างราบรื่น
‘หากหายนะทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้เกิดจากการที่รากวิญญาณของข้าเปลี่ยนเป็นสีดำจริง…นี่มันจะไม่ร้ายแรงไปหน่อยหรือไง แค่รากวิญญาณเปลี่ยนเป็นสีดำกลับต้องเจออันตรายถึงตายขนาดนี้?’
ใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรู้สึกหนักอึ้ง
‘หายนะระดับนั้น ถ้าคนที่เจอไม่มีพลังฝึกปรือถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดชีวิตมาได้…’
‘ตอนแรกหลังยกระดับรากวิญญาณให้เป็นสีดำได้แล้ว ก็คิดจะช่วยยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของเค่อเอ๋อให้เป็นสีดำด้วยเสียหน่อย…แต่ตอนนี้คงไม่อาจรีบร้อนทำแบบนั้นได้’
‘ไม่งั้นก็รังแต่จะทำให้เค่อเอ๋อตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนยังตระหนักได้ว่า
ถึงแม้เขาคิดจะช่วยภรรยาเขาอย่างเค่อเอ๋อยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้เป็นสีดำมากแค่ไหน เขาก็ไม่อาจกระทำได้ จำต้องรอให้เค่อเอ๋อมีพลังฝีมือกล้าแข็งพอจะต้านทานหายนะที่เขาพึ่งประสบมาเมื่อครู่ซะก่อน ไม่งั้นก็มีแต่จะทำให้เค่อเอ๋อตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น
‘แต่ว่า…พรสวรรค์รากวิญญาณของซือหลิงก็เป็นสีดำนี่ ทว่าตอนนางบ่มเพาะพลังกลับไม่ได้ชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมา…หรือเป็นเพราะนางเกิดมาพร้อมรากวิญญาณสีดำ เลยไม่ได้ชักนำหายนะ?’
ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาจุดนี้ได้ไม่ยาก
‘ตอนนี้หากข้าลองบ่มเพาะพลังเพื่อดูว่ารากวิญญาณสีดำมันยอดเยี่ยมแค่ไหน คงไม่ชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาอีกรอบหรอกนะ?’
หลังจากส่ายศีรษะไปมาเบาๆด้วยรอยยิ้ม ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มจับสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินหมายดูดซับมาบ่มเพาะอีกครั้ง
ทันใดนั้นพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบก็พากันหลั่งไหลไปห้อมล้อมร่างกายต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง
ไม่นานนักต้วนหลิงเทียนก็เริ่มบ่มเพาะด้วยเคล็ด 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม เคล็ดที่สิบ 9 มังกร! ทำให้พลังวิญญาณฟ้าดินถูกดูดเข้าร่างต้วนหลิงเทียนระลอกแล้วระลอกเล่า!!
“เร็วมาก!”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ลืมตาขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
“ความเร็วในการบ่มเพาะข้าตอนนี้กลับเหนือกว่าเดิมถึง 10 เท่า…แม้ที่นี่จะเป็นภูมิภาคเบื้องล่าง แต่ยังเหนือกว่าชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลงตอนอยู่ภูมิภาคเบื้องบน!”
หลังทดสอบจนตระหนักได้ถึงความเร็วในการบ่มเพาะแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดตกใจไม่ได้!
หลังหายนะกลับได้พบเรื่องอัศจรรย์ใจขนาดนี้!
ตอนนี้ด้วยรากวิญญาณสีดำ กระทั่งเขาลองบ่มเพาะพลังในพื้นที่รกร้างที่พลังวิญญาณฟ้าดินเบาบาง แต่ความเร็วในการบ่มเพาะกลับเหนือกว่าตอนที่เขาใช้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติบ่มเพาะในลัทธิบูชาไฟเสียอีก!
นี่หมายความว่าอะไร?
หมายความว่าความเร็วในการบ่มเพาะของเขาตอนนี้ มันอยู่คนละระดับกับกาลก่อนอย่างสิ้นเชิง!
‘ในตอนนั้นที่ข้าอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนและติดอยู่ในระนาบเทียมของพวกปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้ง 3…ข้าใช้เวลาในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปเป็นสิบๆปี แต่พลังฝึกปรือยังเพิ่มขึ้นได้ถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนเท่านั้น’
‘หากตอนนั้นข้ามีพรสวรรค์รากวิญญาณสีดำแบบนี้ กระทั่งต่อให้ไม่มีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติและอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างก็ตามที แต่เกรงว่าคงใช้เวลาแค่ราวๆ 2-3 ปีก็ให้ผลลัพธ์ดุจเดียวกัน!’
ต้องทราบด้วยว่าภูมิภาคเบื้องล่างนั้น มีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะด้อยกว่าภูมิภาคเบื้องบนอย่างมาก
ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับบอกว่าตอนนี้เขาแค่บ่มเพาะในภูมิภาคเบื้องร่างราวๆ 2-3 ปี ก็สามารถบรรลุผลดุจเดียวกันกับตอนที่บ่มเพาะอยู่ในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเป็นเวลา 30 ปี!
กล่าวได้ว่า…
ต้วนหลิงเทียนในตอนนี้นั้น แม้จะบ่มเพาะพลังที่ภูมิภาคเบื้องล่าง หากแต่ความเร็วในการบ่มเพาะยังเหนือกว่ามีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติและอยู่ในภูมิภาคเบื้องบน!
‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันถึงชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาแบบนี้…รากวิญญาณสีดำนี่มันเป็นอะไรที่ต่อต้านสวรรค์จริงๆ!’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ทีจะสูดอากาศเข้าเฮือกใหญ่
‘ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าตอนนี้ หากไปบ่มเพาะพลังในเมืองเหรินโม่เชิ่ง…คิดทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนภายใน 1 ปีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร กระทั่งหากมีเวลาสัก 3 ปี คิดทะลวงให้ถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนก็ไม่มีปัญหา’
ต้วนหลิงเทียนมั่นใจในเรื่องนี้มาก
และบ่อเกิดความมั่นใจทั้งหมด ก็มาจากรากวิญญาณสีดำที่เขาครอบครองอยู่!
‘และนี่ยังแค่เมืองเหรินโม่เชิ่งในภูมิภาคเบื้องล่างเท่านั้น หากข้าได้กลับไปบ่มเพาะในลัทธิบูชาไฟล่ะก็ คิดทะลวงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนในปีเดียว ยังไม่ใช่ปัญหา!’
คิดถึงจุดนี้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งพล่านไม่น้อย
เขาที่พึ่งจะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสีดำ กลับสามารถทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้ในปีเดียวถ้าไปบ่มเพาะในภูมิภาคเบื้องบน…
เรื่องนี้จะให้คิดอย่างไร?
‘พรสวรรค์รากวิญญาณของซือหลิง…ถึงนางจะไม่ได้ใช้พรสวรรค์นั่นแต่แรก แต่ในภายหลังความเร็วในการบ่มเพาะของนางต้องเหนือล้ำกว่าคนอื่นหลายขุม ระดับพลังของนางต้องก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดแน่! แม้ในภายหลังความเร็วในการบ่มเพาะจะเริ่มช้าลงตามระดับพลังแต่ก็ไม่ถือว่าช้าอะไรแน่นอน…’
‘กระทั่งต่อให้ระหว่างบ่มเพาะนางจะพบจุดรอคอยอะไรมากมาย…แต่อาศัยปริมาณพลังมหาศาลที่ดูดซับมา จุดรอคอยอันใดก็ยากที่จะขัดขวางนางได้! เวลาที่นางใช้กรุยจุดรอคอยน่ากลัวเมื่อเทียบกับคนธรรมดาก็พูดไม่ออกแล้ว…’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะวาดหวัง ว่าลูกสาวของเขาจะประสบความก้าวหน้าในการบ่มเพาะอย่างก้าวกระโดด
เพราะสุดท้ายแล้วลูกสาวของเขาก็เหนือกว่าอัจฉริยะใดๆในแดนดิน เพราะนางถือครองรากวิญญาณสีดำ!
‘นี่ก็ออกมานานแล้ว ข้ากลับก่อนดีกว่า…จากนั้นค่อยไปวังเซียนสัญจร 1 ใน 3 วัง 6 ตำหนักนั่น’
หลังจากตัดสินใจได้ ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างออกจากสถานที่บ่มเพาะของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรทันที ยังเดินทางอย่างระมัดระวังและไม่คิดจะทิ้งเบาะแสใดๆ
แต่เขาไม่ได้รู้ตัวเลย…
ว่าตัวตนในฐานะมนุษย์ของเขาได้ถูกเปิดเผยให้ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทั้ง 3 ล่วงรู้แล้ว
และเกรงว่าจะใช้เวลาแค่ไม่นาน…
ทั้งเผ่าปีศาจสุกร ไม่เว้นเผ่าปีศาจทั้งหมดคงได้รับรู้แน่! ว่าในภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ กลับมียอดฝีมือมนุษย์ที่ถือครองตราผนึกมารดำรงอยู่! กระทั่งยังเข่นฆ่า 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรได้อย่างง่ายดายด้วยพลังอันเหนือชั้น!!