บทที่ 921 ปรึกษาเรื่องเงินบำนาญ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 921 ปรึกษาเรื่องเงินบำนาญ

บทที่ 921 ปรึกษาเรื่องเงินบำนาญ

เสี่ยวเถียนคิดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว

แม้คนงานจะมีรายได้ดี แต่พวกเขายังขาดแคลนหลักประกันที่จำเป็นในบางส่วนอยู่

สวัสดิการสามอย่างแรกยังไม่มีเลย อย่าเพิ่งไปพูดถึงสวัสดิการห้าอย่าง*[1]เถอะ โรงงานเราไม่มีสักข้อ

ถ้าไม่มีประกันสังคมและเงินบำนาญ อนาคตพวกเขาลำบากแน่ ๆ

ไม่ว่ายุคไหน ๆ ก็มีสถานประกอบการที่เอาเปรียบกันทั้งนั้น ถึงเงินเดือนจะน้อยกว่า แต่ในระยะยาวถือว่ามีระบบกว่า

เสี่ยวเถียนยังวานให้คนช่วยสอบถามเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะทีแรกคิดว่าถ้าหาบริษัทเอกชนที่สามารถซื้อประกันสังคมให้ได้ เธอจะได้จัดสรรเงินพิเศษเพื่อแก้ปัญหาอนาคตของคนงาน

ถ้าเราแก้ตรงนี้ได้ พวกเขาก็จะมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโรงงานมากขึ้น

แต่สิ่งที่คาดหวังไม่ได้เป็นเช่นนั้น

รัฐบาลยังไม่มีระบบจ่ายประกันสังคม และเงินบำนาญให้กับลูกจ้าง

ในยุคนี้คนมีงานทำมั่นคงกันทุกคน พอเกษียณตัวเองก็จะได้เงินบำนาญจากรัฐบาลด้วย

ไม่ใช่ว่าเสี่ยวเถียนไม่คิดจะหยิบระบบนี้มาใช้ในโรงงาน

แต่ด้วยความกลัวจึงไม่เคยทำเลย

เพราะถ้าทำแบบนั้น เราจะลากทุกคนลงเหวกันหมด

หลังจากสอบถามอยู่นานโดยพิจารณาจากข้อมูลที่มีและความทรงจำอันคลุมเครือในชีวิตครั้งก่อน เธอต้องรออีกสองสามปีประเทศจึงจะเริ่มใช้ระบบประกันสังคม

ตอนนั้นถึงจะทำให้ทางรัฐวิสาหกิจดำเนินการให้ได้ แล้วก็จะได้ทำประกันให้ลูกจ้างเสียที

แต่ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ามันจะส่งผลยังไง

สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการให้โบนัสและสวัสดิการแก่พวกเขาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกจ้างรู้สึกว่าการทำงานที่นี่มันคุ้มค่า

เสี่ยวเถียนที่กำลังหนักใจ ทางฝั่งเสี่ยวซื่อก็กำลังคิดเรื่องนี้เหมือนกัน

ด้วยความที่ธุรกิจที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จากมุมมององเสี่ยวเถียน รูปแบบธุรกิจของซูซื่อเจี่ยนเป็นเหมือนกับซูเปอร์มาร์เก็ตของคนยุคหลัง

หากพัฒนาไปในทิศทางนี้ พี่สี่จะกลายเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการค้าปลีกในอนาคตอย่างแน่นอน

แต่คนที่เก่งจริง ๆ เท่านั้นจึงจะรู้ว่า ยิ่งหาเงินได้ไวเท่าไร ความกังวลก็ยิ่งมากเท่านั้น

เสี่ยวซื่อมีลูกน้องเยอะมาก แต่ก็มีหลายคนที่เปลี่ยนงานเหมือนกัน

ทั้งคนที่มีเส้นสาย หรือคนที่การงานมั่นคงแล้ว ก็ล้วนจากไปกันทั้งนั้น

เพราะรู้ว่าอนาคตของตัวเองไม่แน่ไม่นอน

พวกเขาอาจจะหาโรงงานหรือเหมืองแร่ของทางรัฐที่ได้เงินน้อยกว่า แต่อนาคตมั่นคงกว่าแทน

ช่วงสุดสัปดาห์ เสี่ยวเถียนนั่งคุยเรื่องนี้กับเสี่ยวซื่อ และสิ่งนี้กระทบกระเทือนต่อพี่สี่มาก ๆ

“ก็มีเหตุผลไม่ใช่เหรอเสี่ยวเถียน คนที่อุตส่าห์ฝึกฝนมาด้วยความยากลำบาก กลับจากไปกันทั้งนั้น”

พอคิดถึงกลุ่มคนชุดแรกที่ทำงานก็ยิ่งทำให้เขาปวดหัวจริง ๆ

ต่างกันตรงที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องในอนาคต ส่วนเสี่ยวเถียนรู้อยู่บ้าง รู้เท่าที่รู้

เธอรู้สึกว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องที่แก้ได้ในเร็ววันขนาดนั้น อีกปัญหาคือการทำให้คนงานรู้สึกมั่นคงด้วย

“พี่สี่ พี่ว่าถ้าเราลองทำระบบนี้กันดีไหม ขอแค่เป็นพนักงานที่ทำงานในโรงงานหรือห้างมาหลายปีก็ได้ เราออมเงินไว้สักหน่อยเอามาทำเป็นบำนาญให้พวกเขากันไหม?”

เสี่ยวซื่อมองน้องสาว ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือความคิดของเธอ

เขาเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเพื่อให้แน่ใจว่าสาวน้อยไม่ได้ป่วยใด ๆ

“เธอไม่ได้ป่วยแท้ ๆ ทำไมดูมึน ๆ จัง?”

“รู้ไหมว่าการให้เงินบำนาญของพนักงานไม่ใช่เงินเล็กน้อยนะ เดี๋ยวพี่คำนวณให้คร่าว ๆ”

“ตอนนี้พี่มีพนักงานสามร้อยยี่สิบคน คนพวกนี้จะเกษียณตอนอายุหกสิบปี และจะต้องมีชีวิตอยู่หลังจากนั้นโดยประมาณสิบห้าปี”

“เงินบำนาญคือห้าสิบหยวนต่อเดือน คนหนึ่งได้ปีละหกร้อยหยวน ร้อยคนรวมเป็นหกหมื่นหยวน เบ็ดเสร็จแล้วพี่ต้องจ่ายปีละสองแสนเลยนะ นี่แค่เริ่มเอง”

“ยิ่งเวลาผ่านไป จำนวนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ปีหนึ่งพี่ต้องทำเงินได้เท่าไรกันล่ะ?”

เสี่ยวซื่อส่ายหัวพรืด

เราจะช่วยจ่ายเงินบำนาญให้พนักงานเกษียณเพราะปัญหานี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?

มันจะไม่เสียเปล่าหรอกเหรอ?

เสี่ยวเถียนยิ้ม “พี่สี่ ค่าเงินกำลังขึ้น เงินเดือนก็เลยสูงตามไปด้วย ถ้าอิงตามที่พี่คำนวณอีกสามสิบปีข้างหน้า พี่ก็ไม่ต้องจ่ายเยอะขนาดนั้นหรอกค่ะ”

เสี่ยวซื่อมองน้องด้วยความโมโห

รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังกล้าพูดออกมาอีกนะ

“หนูคิดแบบนี้นะ เราจะสร้างระบบขึ้นมาว่า คุณทำงานได้กี่ปีแล้ว สมมติทำงานได้ห้าปี ก็จะได้บำนาญเดือนละสิบหยวน ทำสิบปีได้บำนาญเดือนละยี่สิบหยวนแบบนี้ค่ะ”

เสี่ยวซื่อยังคงส่ายหัว

“ถึงจะเป็นวิธีที่ดี แต่ยังมีปัญหาอยู่นะ”

“งั้นก็ให้คนงานเอาเงินไปฝากเองหรือจะเก็บไว้ที่เราช่วยดูแลก่อนไงคะ พอเกษียณอายุเมื่อไรก็ค่อยให้ก้อนเดียวเลย”

“หนูว่าถ้าจะเอาให้คุ้มก็คือนับตามอายุงานที่ทำดีกว่า พอเกษียณเมื่อไรก็ค่อยรับเงินบำนาญทีเดียว”

เสี่ยวซื่อคิดว่าแทนที่จะรับภาระครั้งละมาก ๆ จนรับไม่ไหว สู้ทำให้มันง่ายแต่แรกดีกว่า

หากคุณทำงานจนเกษียณตัว เงินบำนาญก้อนเดียวก็มากพอแล้ว ทั้งยังเป็นสิ่งดึงดูดใจด้วย

เสี่ยวเถียนยิ้มไม่ได้ว่าอะไรต่อ

อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ระบบเงินบำนาญจะเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่เราต้องทำในตอนนั้นคือช่วยจ่ายบำนาญให้พวกเขาก็พอ

แต่เสี่ยวเถียนไม่กล้าบอกก็เลยส่งยิ้มให้แทน

“ได้ ไว้ไปปรึกษาผู้จัดการนะ เดี๋ยวลองทดลองใช้แบบนำร่องไปก่อน”

เด็กสาวพยักหน้ารับ

พี่สี่สามารถทำสิ่งที่น่าประทับให้ได้เสมอ

ขอแค่มีทิศทางให้ พี่เขาก็ทำให้ลูกจ้างเชื่อมั่นในห้างสรรพสินค้าของเขาได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีบางส่วนที่อยากออกไป และทำงานภายใต้ระบบรัฐอยู่ดี

ไม่ใช่แค่ในยุค 1980 นะ แม้แต่ในปี 2021 หลาย ๆ คนก็ยังยอมสละเงินเดือนสูง ๆ เพื่อทำงานกับรัฐอยู่ดี

แต่มันไม่ได้สำคัญหรอก เราขอแค่คนส่วนใหญ่ยังอยู่ก็พอ

เสี่ยวซื่อรีบจากไป ส่วนเสี่ยวเถียนปัด ๆ ก้นแล้วอ่านหนังสือต่อ

ปล่อยให้พี่สี่จัดการไป เธอแค่รอผลลัพธ์ก็พอ

ปัญหาฝั่งพี่สี่ร้ายแรงกว่าของเธอเยอะ

วันรุ่งขึ้นเข้าสู่สัปดาห์ใหม่

ถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ดอกไม้ต่างแย่งกันผลิบาน

เสี่ยวเถียนกลับมาถึงมหาวิทยาลัย ก่อนจะพบว่าเพื่อน ๆ ขายกิ๊บกับที่คาดผมกันอยู่

พวกเธอขยันกันจริง ๆ พอเจอหนทางหาเงินก็พยายามมาจนถึงตอนนี้เลยสินะ

[1] สวัสดิการที่ทางภาครัฐจัดหาให้กับพนักงาน ได้แก่ ประกันสังคมยามว่างงาน,

เงินบำนาญหลังเกษียณ, ประกันสุขภาพ ค่าคลอดบุตรและตั้งครรภ์, ประกันอุบัติเหตุ และเงินช่วยเหลือที่อยู่อาศัย

——————————————————-