รัชศกหลงเซิ่งปีที่สี่ องค์หญิงถอดชุดไว้ทุกข์ ท่านอ๋องเสด็จไปขอแต่งงานที่จวนหย่งติ้งจวิ้นอ๋องด้วยตนเอง องค์หญิงแก้มแดงตกลงปลงใจ ไท่จงได้ฟังข่าวก็ยินดีอย่างยิ่ง พระราชทานสมรสด้วยพระองค์เอง
ยามนั้นอดีตจักรพรรดิยังมีพระวรกายแข็งแรง นับตั้งแต่ฉีอ๋องตกพุ่มม่าย พระองค์มักกังวลอยู่เสมอ เมื่อได้ยินข่าวงานมงคลสมรสจึงดีพระทัยยิ่งนัก เสด็จมาเป็นประธานงานมงคลด้วยพระองค์เอง ในวันงานพิธีทรงนั่งเคียงข้างจวิ้นอ๋อง สองครอบครัวเกี่ยวดองผ่านการสมรส จึงถือโอกาสหมั้นหมายองค์หญิงตวนอี๋กับซื่อจื่อของหย่งติ้งจวิ้นอ๋องด้วย
องค์หญิงตวนอี๋เป็นพระธิดาลำดับที่สิบสี่ของอดีตองค์จักรพรรดิ ถือกำเนิดจากพระสนมเจาอี๋ต้วนซื่อ เรียบร้อยสุขุม รูปโฉมงดงาม อายุสิบห้าปี หย่งติ้งจวิ้นอ๋องซื่อจื่อนามว่าหลิวเหอ อุปนิสัยซื่อตรงดีงาม มิลุ่มหลงลาภยศ เพียบพร้อมด้วยมารยาท อายุสิบเก้าปี สองตระกูลปรองดองเป็นทองแผ่นเดียว นับจากนั้นตระกูลหลิวจึงอยู่อย่างสงบสุข
…พงศาวดารต้ายง พระประวัติองค์หญิงจยาผิง
หลี่หลินเข้ามาในจวนฉีอ๋องจากประตูข้าง จากนั้นส่งพาหนะให้องครักษ์ ขณะที่กำลังคิดจะกลับไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ในห้องของตนเอง เขาก็ถูกองครักษ์เรียกเอาไว้ “ท่านชายหลิน ท่านอ๋องสั่งว่าหากท่านกลับมาแล้วให้ไปพบเขาพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่หลินลังเลครู่หนึ่ง ตลอดมาความรู้สึกที่เขามีต่อบิดาผสมปนเประหว่างความชื่นชมกับความหวั่นเกรง ช่วงนี้แต่ละวันหลี่เสี่ยนไม่ยุ่งอยู่กับงานในราชสำนักก็วนเวียนอยู่รอบตัวน้องฝาแฝดชายหญิงคู่นั้นของตน ไม่มีเวลามาสนใจตนแม้แต่น้อย แต่วันนี้กลับเรียกหาตน หรือตนทำความผิดอันใด ครานี้เขามิกล้าลังเลแล้ว รีบร้อนเดินไปยังโถงบุปผาของจวนชั้นใน
ยังมิทันเดินเข้าใกล้ประตูก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่าเริงดังมาจากด้านใน นั่นเป็นเสียงของบิดาของตน หลี่หลินลอบเดินไปด้านข้างของโถงบุปผา ลอบมองผ่านหน้าต่างที่แง้มเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง เพียงเหลือบมองหนเดียว ร่างกายของหลี่หลินพลันแข็งทื่อ
เหตุไฉนเป็นเช่นนี้ บุรุษผมขาวเป็นด่างดวงแต่ใบหน้าแดงระเรื่อผู้นั่งอยู่ตรงข้ามบิดาของตนด้วยท่าทางสบายอารมณ์นั่น มิใช่อาเขยเจียงเจ๋อหรอกหรือ ทั้งสองคนกำลังดวลหมากกันอยู่ บิดาเบิกบานใจเช่นนี้ท่าทางคงจะเล่นงานอาเขยบนกระดานหมากจนแพ้ยับไม่เป็นท่าอีกแล้วกระมัง
ฉู่จวิ้นโหวผู้แม้แต่เข้าประชุมขุนนางเช้ายังไม่ยอมไปคนนี้วิ่งมานั่งเล่นที่บ้านของตนตั้งแต่เมื่อใด เขาคงยังไม่ทันรู้ว่าตนเองทำให้โหรวหลันโกรธจนร้องไห้กระมัง หลี่หลินคิดว้าวุ่นพลางลังเลว่าจะแอบเผ่นหนีไป ทำเป็นว่าตนเองยังไม่กลับมาดีหรือไม่
ตอนนี้เอง เงามารที่ตามติดอาเขยมิห่างกายผู้นั้นก็หันมาทางกรอบหน้าต่างแล้วคลี่ยิ้มเหมือนมิได้ตั้งใจ หลี่หลินก้มหน้าคอตกด้วยรู้ตัวว่าตนเองไม่มีโอกาสแอบเผ่นหนีแล้ว ทำได้เพียงก้าวผ่านประตูห้องเข้าไปในโถงบุปผาอย่างเชื่องช้า
ข้าหัวเราะเบาๆ เสแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าหลี่หลินยื่นศีรษะชะเง้อดูอยู่นอกหน้าต่างตรงนั้น พูดไปแล้วก็น่าละอายใจจริงๆ บุตรชายบุตรสาวของข้าล้วนฉลาดเฉลียวอย่างยิ่ง รู้ว่าจะหลบเลี่ยงการกลั่นแกล้งของข้าอย่างไร โหรวหลันอาศัยฮองเฮากับรัชทายาทมาหนุนหลัง ยังมิต้องพูดถึงว่าในอดีตฮองเฮาเคยเลี้ยงดูฟูมฟักโหรวหลันให้เติบใหญ่มากับมือ มองนางเป็นเสมือนธิดาที่ตนเองให้กำเนิด แม้แต่รัชทายาท ไยมิใช่มองนางเป็นเสมือนน้องสาวร่วมอุทร
รัชทายาทยังพอทำเนา แม้เขาจะเป็นองค์รัชทายาท แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นอาเขยของเขา เขาจึงมิกล้าเสียมารยาทกับข้า แต่ไหนเลยข้าจะหาเรื่องฮองเฮาไหว หากไท่ซั่งหวงยังมิสวรรคต น่ากลัวว่าแม้แต่จะสั่งสอนโหรวหลันข้าก็คงมิกล้า
ส่วนเจียงเซิ่นน่ะหรือ เจ้าลูกชายจอมดื้อคนนี้ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ในหนึ่งปีมีสิบเดือนทำตัววางอำนาจบาตรใหญ่อยู่กับพวกพระในวัดก็แล้วไปเถิด นี่เขายังกล้าหลบหน้าข้าอีก ไม่มีอะไรก็วิ่งมาหลอกขออาหารขอน้ำที่บ้านว่าที่พ่อตาของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่หลี่หนิงว่าที่ภรรยาน้อยของเขาถือกำเนิด ข้าก็แทบไม่เห็นเงาของเจ้าเด็กคนนี้นอกจากวันเทศกาล
ในเมื่อฉีอ๋องหลอกลักตัวบุตรชายของข้าไป ข้าย่อมต้องชำระแค้น เจ้าเด็กหลี่หลินคนนี้ค่อนข้างโชคร้ายต้องกลายมาเป็นเครื่องบันเทิงเริงใจของข้า ส่วนหลี่จั๋ว น้องชายฝาแฝดของหลี่หนิง ซื่อจื่อของฉีอ๋องคนปัจจุบัน ข้าย่อมมิกล้ารังแก ความร้ายกาจขององค์หญิงจยาผิงหรือพระชายาฉีอ๋อง ข้าย่อมรู้ดี
ตอนฉีอ๋องไปเจรจาสู่ขอกับหย่งติ้งจวิ้นอ๋อง ข้าเป็นคนส่งเสริม ตอนหลินปี้ถือกระบี่บุกเข้ามาในจวนฉีอ๋อง ข้าเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย หากมิใช่ข้าออกความคิดให้หลี่เสี่ยนคุกเข่าขออภัย น่ากลัวว่าหลินปี้คงแทงหลี่เสี่ยนตายในดาบเดียวแล้วปลิดชีพตนชดใช้ความผิดไปแล้ว
หากเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าเป่ยฮั่นที่ลำบากลำบนบีบให้ยอมสวามิภักดิ์มาได้คงลุกฮือชูธงกบฏขึ้นใหม่อีกหน อยากจะกลืนแผ่นดินและประชาชนเป่ยฮั่นภายในเวลาไม่กี่ปี คงจะกลายเป็นคนบ้าเพ้อฝัน โชคดีข้าเตรียมการเอาไว้ก่อน อาศัยโอกาสหนนี้บอกคำสั่งเสียของหลงถิงเฟย ในที่สุดจึงทำให้หลินปี้คลายโทสะลงได้ แล้วยังทำให้ฉีอ๋องมีข้ออ้างและโอกาสอันดีในการตามคว้าหัวใจคนงาม หลังจากสามปีแห่งการตรากตรำชี้แนะ ในที่สุดก็ทำให้ฉีอ๋องสมปรารถนาได้สำเร็จ
ความจริงมิใช่ข้าอยากเสี่ยงอันตราย แต่นี่เป็นสิ่งที่เลือกมิได้ หลังจากราชวงศ์เป่ยฮั่นยอมสวามิภักดิ์ ภายในต้ายงมิใช่ว่าจะไม่มีเสียงเรียกร้องให้ขุดรากถอนโคน แต่ข้อเรียกร้องเหล่านั้นถูกหลี่จื้อปฏิเสธ กล่าวไปแล้วหลี่จื้อก็ชาญฉลาดและใจกว้างอย่างแท้จริง แม้ราชวงศ์เป่ยฮั่นจะสิ้นแคว้นขอสวามิภักดิ์แล้ว แต่ตระกูลหลิวก็ยังมีอิทธิพลฝังรากลึกในเป่ยฮั่น หากตระกูลหลินไม่สงบ เป่ยฮั่นก็ไม่สงบ แม้การขุดรากถอนโคนจะเป็นวิธีที่ค่อนข้างง่าย แต่ภัยร้ายที่ตามมาจะไม่มีสิ้นสุด
นอกจากตระกูลหลินจะไม่พอใจเรื่องนี้จนเกิดความคิดก่อกบฏ แม่ทัพและทหารหาญของเป่ยฮั่นที่ถอดเกราะกลับบ้านเกิดหลังเป่ยฮั่นขอสวามิภักดิ์เหล่านั้นกับพรรคมารที่หลบเร้นตัวไปก็คงไม่เลิกต่อต้านเพราะการสูญสิ้นเชื้อพระวงศ์เป่ยฮั่น แต่กลับกันคงจะก่อความลำบากให้ต้ายงไม่เลิกรา ทว่าหากปล่อยให้อิทธิพลของตระกูลหลิวคงอยู่ต่อไป ก็ย่อมเป็นภัยแฝงเร้นต่ออำนาจจักรพรรดิต้ายงอีกรูปแบบหนึ่ง
สุดท้ายข้าจึงหาทางออกอื่น วางอุบายกลืนราชวงศ์เป่ยฮั่น ในเมื่อราชวงศ์เป่ยฮั่นมากอำนาจบารมี ครองใจประชาชน ถ้าเช่นนั้นก็กลืนพวกเขาเข้ามาในราชวงศ์ของต้ายงเสีย บุตรสาวของตระกูลหลิวไม่ว่าคนใดล้วนแต่งเข้ามาเป็นสนม เป็นพระชายาอ๋องในราชวงศ์ ส่วนลูกชายหลานชายของตระกูลหลิวก็ให้พวกเขาตบแต่งธิดาจากราชวงศ์
เมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างมากที่สุดสามรุ่น ตระกูลหลิวกับราชวงศ์ก็จะเป็นสายเลือดเดียวกันแยกไม่ออกอีก ถึงยามนั้นรุ่งโรจน์ก็รุ่งโรจน์ด้วยกัน ย่อยยับก็ย่อยยับด้วยกัน พวกเขายังจะก่อกบฏทำอะไร ทหารหาญแห่งเป่ยฮั่นยังจะสร้างความลำบากให้นายเก่าของตนเองได้หรือ แม้ทหารและประชาชนสองแคว้นเคียดแค้นกันเหลือคณา ทว่าขอเพียงส่งเสริมให้พวกเขาแต่งงานกัน ทำให้สายเลือดของพวกเขากลืนเข้าด้วยกัน ความแค้นลึกล้ำอีกเท่าใดย่อมมลายหายหลังสายเลือดเชื่อมเป็นหนึ่งเดียว
แต่จะทำแผนการนี้ให้สำเร็จ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องให้ฉีอ๋องกับองค์หญิงจยาผิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันให้ได้ ฉีอ๋องนำทัพล่มเป่ยฮั่น แม้สุดท้ายผู้ที่จัดการรวบตาข่ายจะเป็นฝ่าบาท แต่สำหรับคนเป่ยฮั่น หลี่เสี่ยนจึงจะเป็นตัวการร้ายคนสำคัญ ส่วนองค์หญิงจยาผิง นางเป็นทั้งผู้นำทางจิตใจของตระกูลหลินแห่งไต้โจวและเป็นผู้ค้ำจุนราชวงศ์เป่ยฮั่น อีกทั้งนางยังเป็นภรรยาที่ยังมิได้ตบแต่งเข้าตระกูลของหลงถิงเฟย กล่าวได้ว่านางเป็นผู้นำเพียงคนเดียวที่ฝั่งทหารของเป่ยฮั่นยอมรับ มีแต่ต้องให้นางแต่งเข้ามาในราชวงศ์จึงจะทำให้ราชวงศ์ต้ายงวางใจได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังทำให้ตระกูลหลินสบายใจ แล้วยังดึงตระกูลหลินเข้ามาเป็นพรรคพวกได้อีกด้วย
แต่หากอยากบรรลุเป้าหมายนี้ จะให้หลินปี้รู้สึกฝืนใจแม้แต่น้อยมิได้ การถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับสองฝ่ายตกลงปลงใจย่อมได้ผลลัพธ์คนละแบบ เพื่อเป้าหมายนี้ ข้าออกอุบายวางแผนการอยู่เบื้องหลังฉีอ๋อง จนในที่สุดก็ทำให้หลินปี้พยักหน้ายอมแต่งงาน เรื่องนี้ยากเย็นเสียยิ่งกว่ายามนั้นที่ข้าวางอุบายกำจัดเป่ยฮั่นเสียอีก หลี่เสี่ยนถูกเรียกขานว่าบุรุษเสเพลเสียเปล่าโดยแท้ ยามตามจีบหลินปี้ ท่าทางโง่เง่าเช่นไรล้วนถูกข้าเห็นจนหมด โชคยังดีที่สุดท้ายแล้วได้สมดั่งปรารถนา
ในงานมงคลสมรสของหลี่เสี่ยนกับหลินปี้ ไท่ซั่งหวงโจมตีไม้สุดท้ายเป็นผลสำเร็จ หมั้นหมายองค์หญิงต้วนอี๋ที่เพิ่งปักปิ่นกับหย่งติ้งจวิ้นอ๋องซื่อจื่อ หรือก็คืออดีตรัชทายาทแห่งเป่ยฮั่นนามว่าหลิวเหอ หลิวเหอมีนิสัยซื่อตรงจิตใจดีงาม มิสนใจอำนาจอันใด หากเป่ยฮั่นยังอยู่ เขาคงไม่เหมาะกับตำแหน่งรัชทายาทนัก แต่ในฐานะซื่อจื่อของหย่งติ้งจวิ้นอ๋อง เขากลับเป็นคนที่สมกับความต้องการของราชวงศ์ต้ายงมากที่สุด
เมื่องานมงคลสองงานนี้สำเร็จ ผลก็ปรากฏขึ้นทันที แม่ทัพและขุนนางมากมายที่แต่เดิมมิยอมทำงานให้ต้ายงต่างพากันกลับมาเป็นขุนนาง หรือไม่ก็เข้าร่วมกองทัพ เมื่อมีทหารกล้าเป่ยฮั่นเข้าร่วม กำลังของกองทัพต้ายงที่เสียหายอย่างหนักตอนบุกยึดเป่ยฮั่นก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา
แน่นอนว่าผู้ที่ตกอยู่ในแผนการหนนี้ของข้ากับหลี่จื้อยังมีฉีอ๋องหลี่เสี่ยนอีกคน เพื่อขอความรักจากหลินปี้ หลี่เสี่ยนยอมวางมือจากอำนาจทางทหารอย่างรู้จักสถานการณ์ มิว่าผู้ใดก็มิอาจปล่อยให้คู่สามีภรรยาเช่นนี้กุมอำนาจทหารไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังหลี่เสี่ยนจัดงานมงคล เขาแทบจะมิยุ่งเกี่ยวกับกองทัพอีกเลย เรื่องนี้ทำให้ฝ่าบาทมีโอกาสรวบอำนาจทหารกลับมาระหว่างจัดกองทัพเสียใหม่ ภายในแคว้นต้ายงมิมีอำนาจที่จะเป็นศัตรูกับอำนาจของจักรพรรดิอีกต่อไป
แม้จะทำกับหลี่เสี่ยนเกินไปอยู่บ้าง ทว่าฝ่ายหนึ่งยินดีทำ ฝ่ายหนึ่งยินดีรับ ผู้ที่ยอมทิ้งแผ่นดินและอำนาจเพื่อคนงามก็มิได้มีเขาเพียงคนเดียวเสียหน่อย อีกอย่างหนึ่งแม้ข้าจะวางอุบายริบอำนาจทหารของเขา แต่อิทธิพลในกองทัพของเขาก็ยังคงอยู่
นอกจากนี้การแต่งงานกับหลินปี้ก็มอบหลักประกันอันมั่นคงที่สุดให้แก่เขาแล้ว หากแผ่นดินมิพลิกคว่ำ มิว่าผุ้ใดนั่งบนบัลลังก์จักรพรรดิของต้ายงล้วนมิอาจจัดการเขาได้โดยง่าย แล้วอีกอย่างหนึ่ง ถึงเวลาบุกตีหนานฉู่ย่อมขาดเขาไปมิได้ กำราบเป่ยฮั่นต่อจากนั้นก็หนานฉู่ ความดีความชอบบนสนามรบเช่นนี้มิว่าเป็นผู้ใดก็สมควรพอใจแล้ว
สถานการณ์สมดุลเช่นนี้ถูกข้าทุ่มเทสมองคิดอุบายปลุกปั้นขึ้นมา เรียกได้ว่าเหน็ดเหนื่อยยากลำบากและมีความดีความชอบอย่างยิ่ง แต่หลี่เสี่ยนกลับไร้คุณธรรมเหลือเกิน หลินปี้ยังมิทันกลายเป็นภรรยาจอมร้ายกาจ ฉีอ๋องผู้อยู่อยู่เหนือคนนับหมื่นอยู่ใต้คนเพียงคนเดียวในรัชสมัยนี้ก็ขายข้าเพื่อประจบคนงามเสียแล้ว ทำให้จนถึงบัดนี้ยามข้าพบหน้าหลินปี้ก็ยังรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย
สิ่งที่น่ายินดีเพียงอย่างเดียวก็คือผู้คนของเป่ยฮั่นมิคิดบัญชีเรื่องความตายของพวกหลงถิงเฟยบนศีรษะข้า อย่างไรเสียสำหรับพวกเขาแล้ว การพ่ายแพ้ให้แก่บัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่งก็เสียหน้าอยู่บ้าง ดังนั้นความผิดหนนี้ย่อมมีหลี่จื้อกับหลี่เสี่ยนแบกรับแทนข้า ถึงอย่างไรจะว่าไปแล้วผู้ที่ลงมือในตอนสุดท้ายก็ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย
ทว่าขณะที่รู้สึกว่าขาดทุนอยู่บ้าง ข้าก็หาวิธีระบายโทสะได้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือการกลั่นแกล้งหลี่หลิน แต่ถ้าจะให้พูดจากใจจริงสักประโยคหนึ่ง หากมิใช่ข้าเอ็นดูสงสารเจ้าหนูคนนี้ ข้าก็คงไม่แกล้งเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เสียมารดาไปเพราะข้า ตั้งแต่เล็กเติบโตมาในกองทัพ ยิ่งเมื่อหลี่หนิงกับหลี่จั๋วเกิดมา เขาก็ไร้วาสนากับตำแหน่งซื่อจื่อของฉีอ๋องอย่างสมบูรณ์
เมื่อเทียบกับพี่น้องที่แต่เดิมก็มิมีความสำคัญเหล่านั้น หลี่หลินผู้เคยเป็นทายาทของภรรยาเอกน่าเวทนากว่าอยู่บ้าง เพื่อชดเชยให้เด็กคนนี้ ข้าจึงเสนอฝ่าบาทให้แต่งตั้งเขาเป็นบรรดาศักดิ์จวิ้นอ๋อง ตอนนี้เขายังเป็นสหายเล่าเรียนขององค์รัชทายาทหลี่จวิ้น หากมิเกิดเรื่องไม่คาดฝัน วันหน้าเขาย่อมกลายเป็นแขนซ้ายแขนขวาของหลี่จวิ้น เช่นนี้ก็น่าจะชดเชยสิ่งที่เขาสูญเสียได้เพียงพอแล้ว