ตอนที่ 227-1 อุ่นไอรักกลางท้องทะเล
“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ
ยัยปีศาจแก่เฟิ่งชิงเกอนั่นไม่เรียกเขาว่าเสี่ยวเยี่ยนจื่อก็ต้องบอกอามิตตาพุทธแล้ว แต่นี่เอ่ยปากเรียกเขาด้วยความเคารพว่าลุง?
ตากลมโตของเฉียวเวยเบิกกว้าง “เรียกเจ้าว่าเยี่ยนเฟยเจวี๋ยอย่างไรเล่า!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยส่ายหน้า “ไม่ใช่ เจ้าเรียกว่าลุงเยี่ยน”
“เยี่ยนเฟยเจวี๋ย!”
“ลุงเยี่ยน!”
“เอ๊ะ!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยโกรธจนแทบหงายหลัง!
นี่ค่อยเหมือนสิ่งที่เฟิ่งชิงเกอจะทำหน่อย เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถลึงตาใส่เฉียวเวยอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพาแม่นางเซวียเดินเข้าโรงเตี๊ยมไป
เฉียวเวยลูบหน้าอกแล้วระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยยังหลอกง่าย หากเมื่อครู่คนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือจีอู๋ซวง น่ากลัวว่าต่อให้ตนกลบเกลื่อนอย่างไรก็คงไม่เป็นผล
เมื่อในคณะมีแม่นางเพิ่มมาหนึ่งคน ทุกคนไม่มีใครคัดค้านอะไร ทุกคนรู้จักเยี่ยนเฟยเจวี๋ยมานานเพียงนี้ ไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยปากบอกจะเก็บสตรีนางใดมาก่อน ในเมื่อเขาพอใจนาง ให้เก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน
แม่นางเซวียยังอยู่ในชุดแต่งงานอย่างอนุ เฉียวเวยเดินนำนางขึ้นไปชั้นบนแล้วหาเสื้อผ้าของตนสองชุดมามอบ รูปร่างของเฉียวเวยสูงว่านางเพียงสามสี่เซนติเมตร แต่เฉียวเวยขายาว กระโปรงจะยาวลงมากองกับพื้น โชคดีที่แม่นางเซวียมีฝีมือเย็บปักไม่เลว แก้นิดหน่อยก็พอดีตัวแล้ว
จากสิ่งที่นางเล่าให้ฟัง เฉียวเวยเลยได้รู้ว่าอีกฝ่ายแซ่เซวีย ซื่อซ้ำกันสองพยางค์ว่าหรงหรง เด็กกว่าเฉียวเวยหนึ่งปี แต่หน้าตานางดูเป็นผู้ใหญ่กว่า ไม่เหมือกับเฉียวเวยที่ดูอ่อนเยาว์ ไม่ว่าอายุเท่าไรก็เหมือนเด็กอายุสิบกว่าปีอยู่อย่างนั้น
เซวียหรงหรงเป็นชาวบ้านในเมืองเฟยอวี๋ ครอบครัวนางทอผ้าเป็นอาชีพ ผ้าที่นางทอก็คือผ้าไหมหลงเซียวที่มีอยู่ทั่วตลาด แต่พ่อค้าที่มารับผ้าไหมหลงเซียวจากพวกนางมักบอกคนอื่นว่าเป็นผ้าไหมฝีมือเงือกในทะเล
พ่อแม่ของเซวียหรงหรงป่วยตายไปแล้ว พี่ชายเพียงคนเดียวก็จมน้ำเสียชีวิตอยู่ในทะเลจากการออกเรือไปจับปลาแล้วระหว่างทางเจอลมพายุ ตอนหลังพี่สะใภ้ใหญ่ของนางหอบลูกไปแต่งงานใหม่ นางอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครให้พึ่งพิง หอบเอาผ้าไหมหลงเซียวไปตั้งแผงขายก็บังเอิญไปถูกใจนายอำเภอเข้า จึงบังคับจะให้นางเป็นอนุคนที่สิบเก้าให้ได้
เรื่องหลังจากนั้นเฉียวเวยรู้หมดแล้ว
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ล้างเครื่องผัดหน้าทั้งหลายออก เซวียหรงหรงดูเด็กลงไปหลายปี นางมีใบหน้าเรียวยาว เครื่องหน้าทั้งห้าไม่นับว่างามเลิศแต่กลับสะอาดสะอ้านมองได้นานไม่เบื่อ ที่มือของนางมีตุ่มด้านหนาๆ คิดดูแล้วคงเกิดจากการกรำงานหนักมาหลายปี
ถึงแม้เฉียวเวยจะประกาศกร้าวว่าตนไม่ต้องการสาวใช้ แต่เซวียหรงหรงก็ยังช่วยนางเก็บของอย่างกระตือรือร้น “ฮูหยิน ให้ข้าช่วยทำสักหน่อยเถิด ข้าจะได้สบายใจขึ้นด้วย”
ทางด้านเฉียวเวยไม่มีของอะไรให้เก็บมากนัก จึงให้นางไปช่วยเยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับจีอู๋ซวง
ทางพวกเขาสองคนคงมีอะไรให้เก็บกวาดมากทีเดียว สภาพห้องพวกเขาราวกับรังสุนัขก็ไม่ปาน
เซวียหรงหรงเอาเสื้อผ้าสะอาดพับใส่หีบอย่างเป็นระเบียบ ส่วนเสื้อผ้าสกปรกก็เอาไปซักที่เรือนหลังแล้วใส่ลงในถังไม้ไผ่ที่ทำความสะอาดแล้ว อี้เชียนอินหอบเสื้อผ้าของตนเข้ามา เซวียหรงหรงก็จัดการซักให้ด้วยความยินดี
มีงานอะไรเล็กๆ น้อยๆ ทำอย่างไรก็ดีกว่า
วันนี้ต้องออกทะเล พวกเขาจึงไม่ได้อ้อยอิ่งกันอยู่ในโรงเตี๊ยมนานนัก หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ไซน่าอิงก็กลับมาถึงโรงเตี๊ยม บอกว่าเรือที่จะออกทะเลจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
คณะของพวกเขาตามอีกฝ่ายไปที่ท่าเรือ ตรงท่าเรือลมแรง กลิ่นคาวปลาลอยเข้ามากระแทกจมูก เฉียวเวยหันไปมองเห็นเรือประมงที่กลับมาจากออกไปจับปลาอยู่หลายลำ เวลานี้กำลังขนปลาเอากุ้งตะกร้าแล้วตะกร้าเล่าลงที่ท่าเรือ
ชายร่างกำยำอายุประมาณห้าสิบปี เนื้อตัวดำเมี่ยมเดินเข้ามาหาพวกเขา เขาใช้ภาษาท้องถิ่นพูดคุยกับไซน่าอิงหลายประโยค เฉียวเวยฟังไม่ออกสักคำ ดูจากสีหน้าของพวกเยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็งงเป็นไก่ตาแตกเช่นกัน เซวียหรงหรงเข้าใจที่พวกเขาคุยกัน นางกระซิบบอกเฉียวเวยว่า “พวกเขาคุยกันด้วยภาษาในหมู่บ้าน ไม่เหมือนกับในเมือง นายท่านไซถามว่าเรืออยู่ที่ไหน ออกเดินทางได้เมื่อไร เขาบอกว่าวันนี้ไปได้ แต่ชาวประมงที่เพิ่งจับปลากลับมาบอกว่าวันนี้สภาพอากาศในทะเลไม่ดี ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวจะมีพายุหรือไม่ แนะนำให้ไปพรุ่งนี้ แต่นายท่านไซไม่เห็นด้วย เลยเพิ่มเงินค่าจ้างออกเรือให้พวกเขาอีกเท่าหนึ่ง”
มีพายุก็ยังจะไป ไซน่าอิงผู้นี้จะต้องรีบร้อนเพียงใดหนอ
เฉียวเวยพูดกับเซวียหรงหรงว่า “เจ้าไปถามเขาทีว่ามีเสื้อชูชีพหรือไม่”
“เสื้อ เสื้อชูชีพ?” เซวียหรงหรงอึ้งไป
เฉียวเวยจึงบอกว่า “ก็คือว่าหากเกิดตกลงทะเลไป ต้องทำอย่างไรให้ไม่จมลงไปน่ะ”
เซวียหรงหรงเข้าใจแล้วจึงเดินเข้าไปถามชายสูงอายุผู้นั้น ชายสูงอายุเป็นคนอารมณ์ร้อน ด่าว่าเซวียหรงหรงให้ยกหนึ่ง เซวียหรงหรงจึงรีบเผ่นกลับมา “เขาบอกว่าไม่มีของเช่นนั้นเจ้าค่ะ หากกลัวก็ไม่ต้องไป”
เฉียวเวยพลันเบ้ปาก ตาแก่เอ้ย!
คณะของพวกเขาก้าวขึ้นเรือ
นี่เป็นเรือประมงขนาดใหญ่ เวลาไม่มีลูกค้าก็ใช้ออกไปจับปลา เวลามีลูกค้าก็สามารถพาออกทะเลไปชมทิวทัศน์ได้ เรือมีความยาวประมาณสามสิบเมตร กว้างเจ็ดแปดเมตร อัตรากินน้ำลึกเท่าไรไม่ทราบได้ ชั้นที่เป็นดาดฟ้าเรือมีเพิงเล็กๆ อยู่หลังหนึ่ง ตรงข้ามเพิงเป็นใบเรือขนาดใหญ่ มีคนเรือปีนขึ้นเสาไปแขวนธงเรือ ธงการค้ารวมถึงธงราชสำนักต้าเหลียงเอาไว้
บนแผ่นดินที่กว้างใหญ่นี้ไม่ได้มีเพียงแคว้นต้าเหลียง ซยงหนีว์กับหนานฉู่ไม่กี่แคว้นนี้เท่านั้น สามแคว้นนี้กับตงจิ้นเป็นแคว้นมหาอำนาจทั้งสี่ แต่นอกจากนี้แล้วยังมีแคว้นเล็กอื่นๆ อาทิแคว้นเฝ่ยชุ่ย แคว้นห่าวเย่ว์ที่มีขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่นัก ในน่านน้ำโจรสลัดเหิมเกริมหนัก แต่หากเป็นเรือการค้าของสี่แคว้นใหญ่ พวกโจรสลัดจะไม่กล้าผลีผลามเข้ามารุกราน