บทที่ 924 นักขายผู้เก่งกาจ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 924 นักขายผู้เก่งกาจ

บทที่ 924 นักขายผู้เก่งกาจ

ซุนเสี่ยวอวี๋อายุน้อยกว่าพวกเราอีกนะ แต่เอ่ยปากบอกจะขายให้ได้หนึ่งหมื่นหยวนเนี่ยนะ

ใครจะไปสงบจิตสงบใจได้ล่ะ?

เสี่ยวเถียนแปลกใจจริง ๆ ตำแหน่งพนักงานขายในโรงงานไปได้สวยกว่าพวกโรงงานของรัฐอยู่แล้ว

แต่ไม่มีใครขายได้เดือนละหมื่นหยวนหรอก

เธอคิดว่าต่อให้เจ้าตัวทำได้จริง ๆ พวกเธอคงเน้นไปด้านการส่งเสริมก่อนแล้วกัน

แล้วก็จัดซุนเสี่ยวอวี๋ไว้ในส่วนที่ยังไม่ใช่พนักงานก่อนดีกว่า

“เสี่ยวอวี๋ นายขายได้เดือนละหมื่นจริง ๆ หรือ?”

ซุนเสี่ยวอวี๋ตบหน้าอกทันที “ได้อยู่แล้วครับ!”

“เข้าใจแล้ว ถ้านายมั่นใจขนาดนั้น ฉันจะเชื่อนะ” เสี่ยวเถียนพยักหน้าแสดงการสนับสนุน “ถ้าทำได้ นายก็จะได้รับเงินเดือนเหมือนกับพนักงานในโรงงานเลย!”

เงินเดือนขั้นพื้นฐานของพนักงานขายของเราได้เงินเดือนสูงนะ เดือนละห้าสิบหยวนแหนะ

สำหรับเด็กอย่างซุนเสี่ยวอวี๋ การได้เงินเพิ่มอีกห้าสิบหยวนต่อเดือนถือว่าเป็นชีวิตที่มั่งคั่งของชาวนายากไร้เลย

“แล้วถ้านายขายได้เดือนละหมื่น ค่านายหน้าเพียว ๆ คือหนึ่งร้อยหยวน รวมกับเงินเดือนเข้าไปอีก แม่เจ้า ไม่อยากจะคิด” แววตาฉีเสี่ยวฟางเป็นประกาย

ถ้าเราขายของแล้วได้เงินมากขนาดนั้น ทำไมต้องทำงานหนักขนาดนี้ด้วยนะ

“อย่าไปคิดเลยเสี่ยวฟาง เราสามคนไม่มีความสามารถด้านนี้หรอก” เฉียนเสี่ยวเป่ยมองความคิดเพื่อนออก

ในฐานะที่เป็นเพื่อนที่ดี ต้องเตือนเอาไว้ว่าอย่าตั้งเป้าสูงเกินไป!

หลี่เจี้ยนหงพยักหน้าเห็นด้วย “เราให้พวกฉู่เยว่ทำดีกว่า พวกเขามีรากฐานอยู่ในเมืองหลวง อาจจะมีเส้นสายขายได้เยอะก็ได้!”

เสี่ยวเถียนฟังดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ไม่ว่าจะยุคไหน ๆ การมีคอนเน็กชันคือสิ่งสำคัญที่สุด

เพื่อนเธอประสบปัญหากับการเป็นนักขายมาก ๆ เพราะเป็นคนต่างจังหวัด เติบโตในพื้นที่ชนบท แล้วเมืองหลวงใหญ่ขนาดนี้คงหาลู่ทางไม่ได้หรอก

แต่คนที่เติบโตในเมืองหลวงเลย จะไม่เหมือนกับเรา

เราจ้างคนมาช่วยได้

ทั้งยังสามารถเพิ่มยอดขายสินค้าได้อีก ที่จริงมันเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนะ ลองกลับไปหารือดูดีกว่า

ฉีเสี่ยวฟางลมแทบจับ

ก็จริง เราไม่มีคุณสมบัติพอ พูดจาไม่เชิญชวน ไร้ความมั่นใจในตัวเอง แค่เครื่องประดับที่ขายอยู่ยังเอาไม่รอด นับประสาอะไรกับสินค้าจากโรงงานอาหาร

แม้จะมีคำพูดที่ว่าถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม แต่ก็ต้องยอมรับนะว่าบางคนอยู่กรุงโรมมาตั้งแต่เกิด

ไม่มีทางเทียบได้เลย!

ช่างมัน สิ่งสำคัญสุดคือการเป็นตัวของตัวเองต่างหาก

“จะลองก็ได้นะ ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไร ขายได้เท่าไรกำไรก็เท่านั้น” เสี่ยวเถียนให้กำลังใจเพื่อนด้วยรอยยิ้ม

ฐานะบ้านเพื่อนไม่ค่อยดี คงจะดีถ้าพวกเขาหาเงินได้อีกสักหน่อย

แต่จู่ ๆ ซื่อเลี่ยงผู้ไม่เคยมีส่วนร่วมในเรื่องนี้กลับเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าไม่อยากทำก็ขายเครื่องประดับเหมือนเดิมก็ได้ ดั่งคำกล่าวที่บอกว่า ‘360 ศาสตร์อาชีพ ย่อมมีจอหงวนของตน’*[1] น่ะ ถ้าธุรกิจเครื่องประดับไปได้สวยก็มีอนาคตเหมือนกัน”

ฉีเสี่ยวฟางคร่ำครวญ “ต่อให้มี 720 อาชีพ ฉันก็เป็นจอหงวนไม่ได้หรอกค่ะ ช่างมันเถอะ หาได้แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างสงบสุขดีกว่า!”

เธอเป็นเด็กบ้านนอก ต่อให้เรียนเก่งแต่ไม่ได้ใจกล้าขนาดนั้น เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาน่ะ

โดยแก่นแท้แล้ว ฉีเสี่ยวฟางเป็นคนที่อยากรวยนะ แต่เธอจะหาเงินแค่พอสำหรับอาหารการกินเท่านั้น

ตอนนี้เธอคิดแค่ว่าหาเงินเลี้ยงชีพตอนยังเรียนอยู่ได้ก็พอ อาจจะมีช่วยที่บ้านได้บ้าง

“จริง ๆ บางเรื่องมันฝึกกันได้นะ จะได้รู้ด้วยว่าถนัดหรือเปล่า” ซุนเสี่ยวอวี๋ลองโน้มน้าวดู

ขายของคนเดียวมันเหงานะ มีเพื่อนมาเพิ่มสักสองคนท่าจะดี แถมเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในอนาคตด้วย

ฝ่ายฉีเสี่ยวฟางส่ายหัวพรืด

“ฉันไม่น่าทำได้หรอก ขอขายเครื่องประดับอย่างสงบสุขดีกว่า ได้กินเนื้อทุกมื้อก็พอ”

ตั้งแต่ทำงานหาเงิน หญิงสาวผู้กินเยอะมีเงินพอจะสั่งเนื้อสัตว์และผักเพิ่มอีกช้อนแล้ว

แต่แปลกมากที่หลังจากได้กินเพิ่มขึ้นมา แค่ครึ่งค่อนเดือนก็เหมือนจะตะกละน้อยลง

ไม่รู้ละเมอเพ้อพกอยู่หรือเปล่า!

ทุกคนหัวเราะครืน จากนั้นก็แยกย้ายกันไป

พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือน

อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ นักศึกษาหญิงเริ่มแต่งตัวสวย ๆ กันแล้ว

พวกเธอยังติดเครื่องประดับผมหลากสีสันบนหัว ทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม

แม้แต่พวกหลี่เจี้ยนหงยังดูเหมือนชาวเมืองมากขึ้น

พวกเธอทำธุรกิจมานานแล้ว มีเงินเก็บอยู่ในมือ ส่วนหนึ่งส่งให้ที่บ้าน ส่วนที่เกินก็เอาไปซื้อของไว้แต่งตัวสวย ๆ

สาว ๆ ที่ไหนจะไม่ชอบแต่งตัวสวยกันล่ะ?

ยิ่งข้างกายมีเพื่อนสนิทรสนิยมดี การแต่งตัวของพวกเธอจึงดีขึ้นตาม ถ้าไม่รู้จักกันคงจินตนาการไม่ออกเลยว่าเมื่อครึ่งปีที่แล้วเรามีสภาพกันแบบไหน

เสี่ยวเถียนเองก็สวมชุดเดรสลายสกอตแขนยาว เป็นคอลเลกชันใหม่ของฤดูใบไม้ผลิ ผลิตจากโรงงานป้าเถาฮวา เด็กสาวใส่แล้วดูดีมาก ทั้งมีภูมิฐานและงดงาม

เธอเป็นคนสวยอยู่แล้ว หน้าตาดีแต่เด็ก ทว่าน้อยคนที่จะสังเกตเห็นมัน

ตอนนี้เธอโตแล้ว สาวแรกแย้มงดงามจนผู้คนที่พบเห็นไม่สามารถลืมเลือนได้เลย

อาจบอกได้ว่าเจ้าตัวเป็นภาพที่งดงามของมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงด้วยซ้ำ

หนุ่ม ๆ ชอบเสี่ยวเถียนกันมาก หากไม่ใช่เพราะซื่อเลี่ยงคอยปกป้อง ป่านนี้อาจจะเป็นที่ดึงดูดหมาป่าจอมตะกละก็ว่าได้

“เจ้านายครับ อันนี้เป็นบิลที่ผมทำเมื่อไม่กี่วันก่อนครับ ช่วยเซ็นให้ผมหน่อยนะ แล้วผมจะไปรับสินค้าที่โรงงานเลย!” ซุนเสี่ยวอวี๋วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับกระดาษจำนวนหนึ่ง

สมกับเป็นนักขายผู้เก่งกาจ

ยอดขายต่อเดือนในตอนนี้แทบจะเท่ากับพนักงานทุกคนรวมกันเสียอีก

ว่าไป ถ้าไม่ใช่เพราะมีชื่อเสียงในเมืองหลวง จะทำได้ขนาดนี้เชียวหรือ?

เสี่ยวเถียนอ่านดู มีรายการหลากหลายประเภทมาก บางอันขายได้เยอะบางอันขายได้น้อย ไม่รู้เขาลงแรงขนาดไหน

หลังจากมองอีกฝ่าย ก็เอ่ยอย่างจริงจัง

[1] ‘360 ศาสตร์อาชีพ ย่อมมีจอหงวนของตน’ หมายถึง ไม่ว่าอาชีพใด หากทุ่มเทแรงกายใจย่อมได้เป็นหนึ่งในอาชีพนั้น ๆ

——————————————————-