บทที่ 926 อิสระในการแต่งงาน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 926 อิสระในการแต่งงาน

บทที่ 926 อิสระในการแต่งงาน

“เรื่องแบบนี้อย่าเอามาบอกกับย่าเลย ถ้าตั้งใจจริง ๆ ก็ไปบอกพี่เขาเถอะ!”

หญิงชราดูไม่อยากจะสนใจเท่าไร แต่ท่านก็พูดด้วยความจริงใจ

อันที่จริง คุณย่าเคยชินกับการเป็นเสาหลักของบ้านมาก

ท่านจะดูแลจัดการเรื่องลูกสะใภ้ด้วยตัวเองทั้งหมด

แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าสะใภ้ทุกคนล้วนเป็นคนดีมาก

แล้วทำไมพอถึงตาหลานชาย ท่านถึงไม่ยุ่งล่ะ?

จากนั้นชายชราก็เอ่ยว่า

“ย่าเขาพูดถูกนะ เราในฐานะผู้อาวุโสไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องแบบนี้หรอก ปล่อยให้พวกเขาจัดการเองดีกว่า”

คุณปู่เองยังเห็นด้วยกับความคิดย่าเลย!

“ย่าไม่คิดว่าเรื่องแต่งงานควรให้พ่อแม่จัดการ แบบคลุมถุงชนแบบนั้นหรือคะ?” เสี่ยวเถียนสงสัย

คนรุ่นก่อนน่าจะคิดแบบนี้ไม่ใช่หรือ?

เวลาลูกหลานจะแต่งงาน ผู้ใหญ่ก็ต้องอนุญาตก่อน

คุณย่ายิ้มออกมา “เห็นย่าเป็นคนหัวโบราณเรอะ? ดูถูกกันจริง ๆ เลยนะ”

“ย่าอยู่เมืองหลวงมานานแล้ว ได้ยินเรื่องแต่งงานมาเยอะมาก ทั้งความจำเป็น ทั้งความมีอิสระในการตัดสินใจ เรื่องพวกนี้ย่าจะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ?”

ถึงเธอจะแก่ แต่ก็มีความคิดก้าวหน้าได้ใช่ไหมล่ะ?

เหลียงซิ่วยิ้ม

“แม่คะ ถ้าเสี่ยวเถียนเจอคู่ครองเมื่อไร แม่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า?”

แต่ยังไม่ทันได้ตอบ สามีก็โพล่งขึ้นมาด้วยความร้อนรน

“เธอพูดอะไรเนี่ย? เสี่ยวเถียนเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง คิดจะให้ลูกแต่งงานแล้วหรือ?”

เหล่าซานไม่พอใจมาก น้ำเสียงยังดุดันราวกับภรรยาไม่ได้พูดเล่นแต่คิดจะให้ลูกแต่งงานจริง ๆ

ตัวเธอเองก็ไม่ได้คิดว่าสามีจะสนใจขนาดนั้น

แค่พูดเฉย ๆ เอง

“เธอเป็นแม่นะ ทำไมรีบผลักไสลูกออกจากอกขนาดนั้นล่ะ? เราต้องเลี้ยงเขาอีกตั้งหลายปี! อย่างน้อยก็ต้องอายุ 25-26-27-28 สิ!”

ท่าทางกังวลทำทุกคนหัวเราะครืน

กระทั่งเสี่ยวเถียนยังยิ้มออกมาเช่นกัน

พ่อก็มีมุมน่ารักกับเขาเหมือนกันนะเนี่ย?

เหลียงซิ่วกลอกตา

พูดอะไร? มาบอกจะเลี้ยงลูกจนกว่าอายุจะยี่สิบกว่า ไม่งั้นไม่บอกสามสิบไปเลยเล่า?

วัยขนาดนั้นไม่มากไปหน่อยหรือ?

ถึงตอนนั้นจะแต่งงานได้อยู่ไหม?

คิดจะทำลายชีวิตลูกด้วยการให้แกเป็นสาวแก่เรอะ?

คิดแบบนั้นตนตั้งใจแล้วว่าจะต้องถกกันสักรอบ

ตอนนั้นเองที่มีเสียงอันหนักแน่นเอ่ยขึ้นมา

“เสี่ยวเถียนเป็นผู้หญิงคนเดียวของบ้าน เลี้ยงเขาให้ได้มากที่สุดก็พอ”

เหล่าซานได้ยินพ่อพูดเช่นนั้นก็ดีใจมาก

จากนั้นชายชราจึงเหลือบมองลูกชาย “ถึง 24-25 ก็พอแล้ว อายุไม่เยอะเกินไปหาครอบครัวง่าย เรารักลูกก็จริง แต่อย่าไปถ่วงชีวิตเขาเลย!”

แม้คุณปู่ซูจะไม่ค่อยพูด แต่ทุกครั้งที่ท่านเอ่ยปากมักจัดการทุกเรื่องได้อย่างราบรื่นเสมอ

มองผิวเผินเหมือนคุณย่าจะเป็นเสาหลัก แต่จริง ๆ แล้ว ปู่ต่างหากที่เป็นคนใหญ่สุด โนเวล-พีดีเอฟ

ไม่มีใครค้านคุณปู่สักคน

ถึงพ่อจะบอกว่ารอหลานจนอายุ 24-25 ก่อนแล้วค่อยแต่งงาน แต่เหล่าซานก็ยังไม่พอใจ

คิดดูอีกทีเดี๋ยวก็ถึงแล้วนี่

อายุไม่ได้เยอะ แล้วก็ไม่ได้น้อยด้วย

“เอาเถอะ ตัดสินใจแบบนี้แล้วกัน ไม่ได้เร็วอะไร”

เสี่ยวเถียนตกใจกับคนที่บ้านมาก

เรามาคุยเรื่องพี่รองนี่นา? ทำไมกลายเป็นเรื่องตัวเองเสียได้?

ช่างเถอะ ไม่ต้องไปวิเคราะห์หรอก อ่านหนังสือดีกว่า

ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ

แต่ก่อนจะไป เธอแวะไปดูเรือนกระจกที่สวนหลังบ้านก่อน

เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่สร้างมันขึ้นมา

ในวันที่สามหลังจากสร้าง เสี่ยวเถียนหาข้ออ้างเรื่องซื้อดอกไม้และวานให้คนเอาคลีเวียที่ตนใส่ไว้ในระบบมาส่ง

เหมือนว่าเวลาของมันจะหยุดนิ่งเมื่ออยู่ในนั้น

เข้าไปสภาพแบบไหน ก็ออกมาสภาพนั้น

แต่ละกระถางสภาพเฉา ๆ ทั้งนั้น ทำให้คนที่บ้านตกใจกันมาก

เสี่ยวเถียนในความคิดของเราคือคนฉลาดของบ้าน

และเชื่อว่านอกจากเจ้าเสี่ยวซื่อผู้ฉลาดแกมโกงแล้ว ก็มีเสี่ยวเถียนที่ฉลาดที่สุด

แต่เธอกลับซื้อของไม่ดีกลับมาทั้งนั้น

อย่าว่าแต่ตกใจ

คุณย่าซูที่รักหลานสาวราวกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองยังเกือบล้มทั้งยืน

เจ้าเด็กคนนี้นิสัยเสียจนเอาเงินไปผลาญกับขยะหมดแล้ว

“เสี่ยวเถียน ทำไมนับวันหนูถึงโง่ขึ้นเรื่อย ๆ เลยล่ะ? ดอกไม้พวกนี้มันกำลังจะตายแล้วนะ แล้วซื้อมันมาทำไม?”

เหลียงซิ่วผิดหวังมาก

“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ อีกสองสามวันลองมาดูนะ สภาพจะไม่ใช่แบบนี้แน่นอน”

เสี่ยวเถียนกลัวผู้ใหญ่จะโกรธเลยพยายามปลอบประโลม

แต่เหลียงซิ่วจะเชื่อได้ยังไง?

เธอเป็นชาวนานะ ถึงจะไม่เคยปลูกดอกไม้แต่เธอเคยปลูกข้าว

อย่าว่าแต่ดอกไม้แพง ๆ พวกนี้เลย ขนาดต้นข้าวที่มีสภาพนี้ยังไปไม่รอดด้วยซ้ำ

“ไม่เชื่อหนูหรือคะ? หนูเลี้ยงได้จริง ๆ นะ อีกไม่กี่วันลองมาดูได้ค่ะ”

ดอกไม้พวกนี้ถูกปลูกไว้ในเรือนกระจก

ในวันเดียวกันนั้นเสี่ยวเถียนก็เปลี่ยนดินให้พวกมันด้วย

เป็นสัดส่วนที่อ้างอิงจากดอกไม้หลังจากสื่อสารกับพวกมัน บอกได้เลยว่าเหมาะแก่การเจริญเติบโตมาก

เสี่ยวเถียนเก่งจริง ๆ หลังจากเปลี่ยนดินให้พวกมัน สมาชิกในบ้านที่เดิมคิดว่า ดอกไม้จะต้องตายกลับเห็นว่าดีขึ้นในวันที่สาม

ดูจะมีความหวังขึ้นมา

พอถึงวันที่เจ็ด มันไม่ได้เหี่ยวเฉาอีกต่อไปแล้ว และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ยี่สิบกว่าวันผ่านไป เสี่ยวเถียนก้าวเข้ามาในเรือนกระจกก่อนจะเห็นดอกไม้นับสิบเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทั้งยังเขียวชอุ่ม

พวกมันกำลังแสดงความรู้สึกให้เด็กสาว เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันคุ้นเคยก็โบกใบเล็กน้อยเพื่อทักทายอย่างมีความสุข

เสี่ยวเถียนคุยกับพวกมันอย่างจริงจัง

หลังจากนั้นก็ยืนยันได้ว่าพวกมันเติบโตได้อย่างดิบดี อยู่ในสภาพที่ดีมาก แม้แต่ราก ตัวดอก หรือใบที่อยู่ในสภาพย่ำแย่มาก่อนหน้านั้นยังฟื้นฟูได้อีกต่างหาก

บอกได้เลยว่าถ้าคนทำไม่ได้ชุ่ย พวกมันก็โตอย่างดิบดีได้ต่อให้รดแค่น้ำก็ตาม

เสี่ยวเถียนมองใบสีขาวราวกับเห็นเป็นธนบัตร

หลายวันมานี้ได้ยินว่าราคาคลีเวียที่ชุนเฉิงพุ่งขึ้นอีกแล้ว

ถ้าเธอเก็บมันไว้สักครึ่งปี เธอจะสร้างรายได้ ได้อย่างมหาศาลเลยล่ะ

ถ้าอ้างอิงตามแนวโน้มราคาที่จะเพิ่มขึ้นในปีครึ่ง คงจะขายได้สักสี่ห้าพันหยวนโดยไม่มีปัญหาแน่นอน

“เติบโตดี ๆ เลยนะ อยากได้อะไรให้รีบบอก จะได้แน่ใจว่าได้รับสารอาหารที่พอเหมาะ”

นิ้วขาวลูบไล้ใบสีเขียวของมันเบา ๆ พลันรู้สึกชื่นมื่นในใจ

คนบ้านซูไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวเถียนถึงจ้องพวกมันอย่างกับลูกแบบนั้น ทั้งยังสร้างบ้านให้มันอีกด้วย

แต่พวกเขามีความสุขดีที่เห็นดอกไม้พวกนั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

เรากลัวว่าเจ้าตัวจะเสียใจที่ไม่สามารถดูแลมันได้

ในเมื่อมันกลับมามีชีวิตอีกครั้งก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว

ตั้งแต่เริ่มจนจบ ซานกงเป็นคนเดียวที่ไม่ห่วงเรื่องนี้

เขามั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นต้นไม้แบบไหน ขอแค่ยังมีชีวิตเสี่ยวเถียนก็เลี้ยงพวกมันจนเติบโตได้ทั้งนั้น

——————————————————-