บทที่ 932 ชาวบ้านอู๋ซีรู้สึกเสียใจ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 932 ชาวบ้านอู๋ซีรู้สึกเสียใจ

บทที่ 932 ชาวบ้านอู๋ซีรู้สึกเสียใจ

เมื่อป้าจางได้ยินก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่คิด “เฉาซินเหลียน เจ้ากำลังทำอะไร? กลับมาบ้านเพื่อร้องไห้และส่งเสียงดังในวันส่งท้ายปีเก่า เจ้านี่ไร้ยางอายจริง ๆ”

สิ่งต้องห้ามของคนในชนบทคือการร้องไห้ในช่วงปีใหม่

ใบหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นดูไม่สู้ดีนัก ในการเฉลิมฉลองปีใหม่ ใบหน้าของพวกเขาหม่นหมองและดูไม่มีความสุข

ทันทีที่เฉาซินเหลียนได้ยิน นางก็ยืนขึ้นทันที ชี้ไปที่หน้าของป้าจางและสาปแช่ง “ให้ตายเถอะ พวกคนสกุลจางทั้งสามมากินอยู่ที่บ้านเสี่ยวหวานของข้า ข้ายังไม่พูดเลยว่าเจ้าไร้ยางอาย เจ้าก็มาว่าข้าไร้ยางอายเสียแล้วหรือ?!”

ป้าจางชี้ไปที่เฉาซินเหลียน และพูดไม่ออกเป็นเวลานาน

เมื่อเห็นว่านางจางไม่ได้โต้แย้ง แต่ยืนอยู่ที่นั่นและจ้องมองนาง เฉาซินเหลียนก็ยิ่งหยิ่งยโสมากขึ้นและสาปแช่งต่อไป “เจ้ามันคนนอกมาครอบครองบ้านเสี่ยวหวานของข้า และอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยความไร้ยางอาย เจ้าไม่ละอายใจ แต่ข้าละอายใจแทนนะ ไม่ใช่แค่ขอข้าวกินไม่กี่คำ แต่เจ้ากินดื่มโดยไร้ประโยช์มาสองปีแล้ว ยังไม่สายนะถ้าเจ้าจะรีบเก็บข้าวของออกไปตอนนี้”

ป้าจางโดนถากถางจนนางเกือบจะใส่อารมณ์กลับไป

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเฉาซินเหลียนก่นด่าป้าจาง กู้เสี่ยวหวานเดินเข้ามาตั้งแต่นางเริ่มพูดประโยคแรก

เมื่อเฉาซินเหลียนกำลังพ่นคำดูถูกออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่ กู้เสี่ยวหวานก็ตะโกนว่า “เฉาซินเหลียน หุบปาก!”

กู้เสี่ยวหวานเรียกชื่อและนามสกุลของเฉาซินเหลียน ซึ่งทำให้นางตกใจ

คำพูดดูถูกที่ยังอัดอยู่ในปากของนางเมื่อครู่ถูกกลืนหายไปอย่างกะทันหันก่อนที่นางจะพ่นมันออกมา

เมื่อหันศีรษะไปก็เห็นกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าของนางซีดเซียวและดวงตาสีดำของนางก็จ้องมองมาด้วยความโกรธ

“สะ… เสี่ยวหวาน” เฉาซินเหลียนมองไปที่ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน และรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย นางคว้าคอเสื้อของกู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีไม่ยอมปล่อย

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลอกตาและผลักเด็กทั้งสองไปทางกู้เสี่ยวหวานทันที ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปแล้วก็น้ำตาไหลอีกครั้ง “เสี่ยวหวาน ชีวิตของเจ้าดีขึ้นแล้ว เจ้าต้องช่วยน้อง ๆ ของเจ้านะ ฮือ ๆ”

กู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีมาได้รับการฝึกฝนจากเฉาซินเหลียนแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงร้องของเฉาซินเหลียน นางโผเข้ากอดเฉาซินเหลียนทันที และร้องเสียงดัง “ท่านท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าหิว ข้าหิว!”

“ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าหนาว ข้าหนาว”

คนหนึ่งร้องหิว คนหนึ่งร้องหนาว เด็กสองคนกอดเฉาซินเหลียนอยู่ข้างหลังในชุดขาดรุ่งริ่งและสกปรก มีน้ำตาหยดใหญ่เท่าเม็ดถั่วอยู่ในดวงตา พวกเขาดูซีดเซียวและผอมแห้ง หรือว่านี่จะเป็นเรื่องจริง

เมื่อเห็นพวกเขาทำเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานก็ขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่พูด เฉาซินเหลียนก็ร้องโอดครวญดังยิ่งขึ้น “เสี่ยวหวาน เจ้าควรสงสารน้องชายน้องสาวทั้งสองคนของเจ้า อาคนที่สามของเจ้าไม่อยู่บ้าน เงินก็ถูกเอาไปหมดแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน ข้าอยู่กับน้องชายน้องสาวสองคนของเจ้า ปีใหม่นี้ไม่มีเงินแม้แต่เหรียญเดียว ข้าจะฉลองได้อย่างไร”

สิ่งที่เฉาซินเหลียนพูดนั้นเป็นความจริง

เดิมทีปีนี้มีการเก็บค่าเช่าและยังมีการเก็บเกี่ยวที่ดี

สองสามวันมานี้ เฉาซินเหลียนยุ่งอยู่กับการนำที่ดินที่เคยให้เช่าไปขายทั้งหมด แลกเป็นเงินหลายสิบตำลึง เฉาซินเหลียนมีความสุขมาก

แต่เก็บไว้ในถุงเงินของนางไม่ทันไร กู้ฉวนโซ่วก็กลับมา

เขารื้อค้นไปทั่วทั้งบ้าน ครั้นเห็นเฉาซินเหลียนกลับมาอย่างมีความสุข จึงเข้าไปทุบตีและค้นร่างของเฉาซินเหลียน นำเงินที่ขายที่ดินได้ทั้งหมดแล้วเหลือไว้เพียงห้าตำลึงก่อนจะจากไป

เมื่อเห็นว่าเงินห้าตำลึงไม่เพียงพอ ใช้ไม่กี่วันก็หมดไป อาหารที่บ้านก็ไม่เหลืออะไรเลย เฉาซินเหลียนจึงพากู้ถิงถิงกับกู้ซุ่นสีมาขออยู่ด้วยสักสองสามวัน

คนที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันรับรู้สถานการณ์ของครอบครัวเฉาซินเหลียนดี นางเป็นหญิงคนเดียวพาลูกทั้งสองมา ไม่มีเงิน ไม่มีอาหาร พวกนางน่าเวทนายิ่งนัก

ทุกคนในหมู่บ้านเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจเฉาซินเหลียน

แต่ภายในไม่กี่วัน ทุกคนก็ไม่สนใจนางอีก เฉาซินเหลียนคนนี้ไร้ยางอาย และจะมาขอข้าวกินทุกมื้อ

เมื่อไม่ให้กินก็จะไม่ไป พอได้อาหารไม่ถูกใจก็ทำหน้าเอือมระอา

ใครจะทนกับสิ่งนี้ได้

เมื่อเจ้ามาขอข้าวกิน ข้าก็ให้เจ้ากินด้วยความหวังดี

เราไม่ใช่ญาติกัน การให้อาหารกินถือเป็นความเมตตา แต่จะให้หรือไม่ให้ก็ย่อมได้

เป็นผลให้ตราบใดที่คนในหมู่บ้านเห็นเฉาซินเหลียน พวกเขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงและซ่อนตัว

เฉาซินเหลียนหิวมาก นางยังไม่ได้กินอาหาร

ทำได้แค่ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเท่านั้น

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงไม่ใช่คนที่จะถูกเอาเปรียบ เขาหรี่ตาและพึมพำ ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานรวยแล้วไม่ใช่หรือ? เจ้าคืออาสะใภ้ของนาง นางไม่มีทางไม่สนใจเจ้า

ครั้งที่แล้วท่านอาจารย์ฮุ่ยหย่วนกล่าวว่าชีวิตของกู้เสี่ยวหวานมีค่า และข่าวได้แพร่กระจายไปยังหมู่บ้านอู๋ซีแล้ว

นับตั้งแต่กู้เสี่ยวหวานถูกขับไล่ออกไปจากหมู่บ้านอู๋ซี ชาวบ้านก็ไม่มีแหล่งรายได้อีกเลย

เนื่องจากร้านขนมอวี๋จี้ลงนามในสัญญากับตระกูลจางในเวลานั้น จึงไม่สามารถยกเลิกสัญญาก่อนหมดอายุได้ ดังนั้นร้านขนมอวี๋จี้จึงรับเฉพาะกล่องไม้ไผ่จากตระกูลจางเท่านั้น

แต่ต่อมาตระกูลจางก็ถูกขับไล่ไป และพวกเขาก็ยกเลิกสัญญากับร้านขนมอวี๋จี้

มีคนต้องการร่วมมือกับร้านขนมอวี๋จี้ และร้านขนมอวี๋จี้ก็ร่วมมือกับคนสนิทเรียบร้อย พวกเขาไม่ต้องการกล่องไม้ไผ่จากหมู่บ้านอู๋ซีอีกต่อไป

ชาวบ้านในหมู่บ้านอู๋ซีทำกล่องไม้ไผ่เป็นพัน ๆ กล่อง แต่ขายไม่ได้เลย พวกเขาจึงกระโดดโลดเต้นด้วยความโกรธ

แต่ไฟนี้ไม่สามารถพุ่งตรงไปที่คนในตระกูลจางได้ ท้ายที่สุดคนในตระกูลจางก็ถูกพวกเขาขับไล่ไปแล้ว

และไม่กล้าส่งข้อความถึงหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ท้ายที่สุดแล้วหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเป็นผู้พิจารณาว่ากู้เสี่ยวหวานถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงก็เพื่อหมู่บ้าน

ต่อมาหลังจากอาจารย์ฮุ่ยหย่วนกล่าวว่ากู้เสี่ยวหวานมีค่าอย่างสุดจะพรรณนา ชีวิตนางจะมั่งคั่งร่ำรวย และนางไม่ใช่ดาวหายนะเลย

ทันใดนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่บ้าน

——————————————-