บทที่ 904 ว้าวุ่นใจ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีเงียบอีกครั้ง

ใช่ ถ้าตอนนี้ไม่ถาม แล้วมีอะไรเกิดขึ้นมาจริงๆ คงจะเสียใจมากแน่

เห็นคิ้ววารุณีคลายออก ลีน่าก็ยิ้มแล้วยื่นโทรศัพท์ให้เธอ“เอาล่ะ รีบโทรหาประธานนัทธีเถอะ ถามเขาว่าไปทำอะไร ใช้โทรศัพท์นี้ มาเป็นตัวแก้ไขปัญหา คลี่คลายสงครามเย็นของพวกเธอสามีภรรยา”

“ฉันเข้าใจแล้ว อย่าเร่งสิ”วารุณีจ้องเธออย่างเขินอาย จากนั้นหยิบโทรศัพท์มา ปลดล็อก แล้วจะโทรหานัทธี

จากนั้นตอนที่เธอหาเบอร์นัทธี กลับลังเลกดไม่ลงอีกครั้ง

ลีน่าเห็นแบบนี้ จึงมองบนใส่อย่างไม่สบอารมณ์“เธอกลัวขายขี้หน้าหรือไง ขอร้องล่ะวารุณี นั่นเป็นสามีสุดที่รักของเธอนะเฮ้อ บางครั้ง ก็อย่าสนใจเรื่องเสียหน้าบ้าง เวลาที่หน้าด้านก็หน้าด้านไปเถอะ ไม่งั้นสามีภรรยาจะอยู่ด้วยกันได้ไง?”

วารุณีได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี“ฟังดูแล้ว เหมือนว่าเธอจะเข้าใจความเป็นสามีภรรยาดีกว่าฉันอีกนะ แต่เธอก็ยังจีบรุ่นพี่ไม่ได้เลยไม่ใช่หรือไง?”

“เอ่อ……”ลีน่าส่งเสียงจิ๊จ๊ะ สุดท้ายก็ยืดตัวตรง ตอบอย่างมั่นใจ:“ถึงฉันจะจีบรุ่นพี่ไม่ได้ แต่เพื่อจีบรุ่นพี่ให้ได้แล้ว ฉันใช้อุบายความรักและทำการบ้านมาเยอะ ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องทำตัวอย่างไรกับสามีหรือแฟนนั้น ฉันต้องรู้มากกว่าเธออยู่แล้ว อย่างน้อยก็มีความรู้เชิงทฤษฎีมากกว่าเธอ”

เห็นเธอแบบนี้ วารุณีจึงส่ายหน้าอย่างขำขัน“โอเคๆๆ เธอพูดมีเหตุผล ก็ได้ งั้นฉันจะทำตามเธอบอก ไม่ต้องอายมันแล้ว”

“ต้องแบบนี้สิ”ลีน่าหัวเราะ

วารุณีสูดหายใจลึกๆ ครั้งนี้ ในที่สุดนิ้วมือก็กดลงไป โทรหาเบอร์ของนัทธี

โทรติดแล้ว ดวงตาของวารุณีก็จ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์เขม็ง มือทั้งสองข้างก็ค่อยๆกำขึ้นมา ลมหายใจติดขัดเล็กน้อย ใจก็เต้นแรงขึ้น

ชัดเจนว่า เธอกังวล

พูดแล้วก็ตลก นัทธีเป็นสามีของเธอ ปกติเธอโทรหาเขา จะเป็นธรรมชาติมาก มีแต่ใจที่เฝ้าคอย

แต่ตอนนี้มีสงครามเย็นหลายวัน พอโทรหาเขา จู่ๆเธอก็กังวลขึ้นมา

นี่น่าจะเป็นผลจากการที่เย็นชาในความสัมพันธ์สินะ

ถ้ายังเย็นชากันต่อไป เธอก็จะยิ่งไม่กล้าโทรหานัทธีแล้ว กลัวว่าเจอหน้าหรือว่าพูดกัน ก็จะไม่กล้าพูด หรือว่าพูดแล้ว ตอนที่พูดก็อาจจะไม่สนิทสนมแบบเมื่อก่อน ห่างเหินกันชัดเจน

ดังนั้นลีน่าพูดถูก สงครามเย็นน่ะได้ ระหว่างสามีภรรยา ไม่มีทางที่จะไม่ทะเลาะกัน

แต่ก็ต้องทำให้มันพอดี อย่าเย็นชาต่อไปแบบนี้ ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ดีแค่ไหน ก็ต้องจบลง

โทรติดแล้ว แต่ที่น่าแปลกคือ ไม่มีใครรับเลย

ทำให้สายตาของวารุณีหม่นลงไป ในใจก็ตื่นตระหนก

เธอกัดริมฝีปาก พูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจเล็กน้อย:“เธอว่า เขาจะจงใจไม่รับสายฉันไหม?”

ลีน่ารีบส่ายหน้า“ไม่ ไม่มีทางแน่ ประธานนัทธีจะจงใจไม่รับสายเธอได้ไง”

“ไม่จริงๆเหรอ?”วารุณีเงยมองเธอ“เดิมทีเขาก็เป็นคนเย็นชาเย่อหยิ่งอยู่แล้ว หลายวันนี้ที่ทำสงครามเย็น ฉันกับเขาต่างไม่สนใจอีกฝ่ายเลย ช่วงนี้ เขาไม่ยอมคุยกับฉันก่อนเลย และก็ไม่ติดต่อฉันก่อนเลยด้วย

จะเห็นว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่เย่อหยิ่งมาก

ดังนั้นจงใจไม่รับสายฉัน เขาก็ทำได้

ประโยคนี้ลีน่าก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

ก็จริง เธอก็ไม่รู้ว่าประธานนัทธีจงใจไม่รับสายหรือไม่

ยังไงเธอก็ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้ดี

แต่สามีภรรยาที่ทำสงครามเย็นกันหลายคู่ ฝ่ายหนึ่งถอย อีกฝ่ายยังเด็ดเดี่ยวไม่ยอมถอยก็มีจริงๆ และเยอะด้วย

ดังนั้น เธอก็ไม่รู้ว่า ประธานนัทธีเป็นคนแบบนี้หรือไม่

แต่ตอนนี้ เธอได้แต่ปลอบวารุณีว่าไม่ใช่

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็หวังว่าประธานนัทธีจะยอมอ่อนข้อให้บ้าง เย็นชาใส่วารุณีอีกนิดหน่อยก็พอแล้ว อย่าเอาแต่ทำตัวเย็นชานัก

หากยังเย็นชาต่อไป จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ

ยังไงวารุณีก็คิดได้แล้ว ยอมถอยก่อนแล้ว ถ้าประธานนัทธียังไม่ยอม งั้นวารุณีก็จะมีแต่ทำสงครามเย็นใส่ประธานนัทธีหนักขึ้น

และสงครามเย็นครั้งนี้ ก็จะจริงจังแล้วจริงๆ

ดังนั้นประธานนัทธี คุณต้องรับสายนะ จะต้องรับ ไม่งั้นคุณจะไม่มีภรรยาแล้ว

ลีน่าพนมมือ อธิษฐานเงียบๆไม่หยุด

ส่วนวารุณีที่อยู่ตรงข้าม ก็เอาแต่จ้องโทรศัพท์เขม็ง มองหน้าจอที่กำลังโทรไป ในใจก็ค่อยๆหม่นลง เยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ กับโทรศัพท์ที่ดังอยู่ตลอด แต่ไม่มีใครรับ

ทำให้ฟันของเธอ ก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่น อารมณ์รอบตัว ก็ค่อยๆหม่นลงไป จากที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

ลีน่าเห็นเธอแบบนี้ ในใจก็กังวลเล็กน้อย“วารุณี……”

“ฉันไม่เป็นไร”วารุณีส่ายหน้า ฝืนยิ้มออกมา

ลีน่าไม่พูด ยังคงมองเธออย่างกังวล

ไม่เป็นไร?

สีหน้าเธอยิ่งซีดขึ้นเรื่อยๆ จะไม่เป็นไรได้ไงกัน

ประธานนัทธีก็จริงๆเลย ไม่อยากรับสายของวารุณีจริงๆ หรือว่ากำลังยุ่งอยู่เนี่ย

ถ้ายุ่งอยู่ ก็กดวางสายแล้วส่งข้อความมาบอกก็ได้นี่

แต่ตอนนี้……

“เฮ้อ”ลีน่าถอนหายใจอย่างปวดหัว

นี่มันเรื่องอะไรกัน กว่าเธอจะโน้มน้าววารุณีได้ สุดท้ายประธานนัทธีกลับทำให้ตกม้าตายตอนท้ายเองเสียได้

เธอสื่อไปว่า เธอก็หมดหนทาง

วารุณียังคงจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์ โทรศัพท์ยังโทรไปอยู่

เธอบอกตัวเองในใจเงียบๆว่า ถ้าดังอีกสามครั้ง อีกสามครั้งต่อจากนี้ ถ้าไม่มีคนรับ ตัวเองก็จะวางสายแล้ว และไม่โทรไปอีก

จากนั้น เธอก็จะพิจารณาว่าต่อไปตัวเองกับนัทธี จะเดินด้วยกันอีกได้ไหม

หนึ่งครั้ง!

วารุณีสูดหายใจลึก

สองครั้ง!

วารุณีหลับตาลง

สาม……

ในใจเธอเพิ่งคิดออกไปสามคำ จู่ๆในสายก็มีเสียงออกมาว่า“คุณหญิง”

วารุณีลืมตาขึ้นมาทันที จ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์

หน้าจอโทรศัพท์ไม่ใช่ภาพที่กำลังโทรศัพท์ไปหาแล้ว แต่เป็นภาพที่กำลังคุยโทรศัพท์ ด้านบนเริ่มนับเวลา

จะเห็นว่า เมื่อกี๊เธอไม่ได้หูฝาด

ลีน่าเห็นวารุณีตะลึง ก็คิดว่าวารุณีไม่ได้สติคืนมา เลยอุทานไปด้วยความตกใจทันที:“วารุณี เธอได้ยินไหม?รับแล้ว รับแล้ว ประธานนัทธีรับแล้ว!”

ที่ปลายสาย มารุตแสยะปาก“เอ่อ……คุณลีน่า ผมไม่ใช่ประธานนัทธี คุณจำผิดคนแล้วครับ”

ได้ยินคำนี้ ความตื่นเต้นบนใบหน้าลีน่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที ตะคอกไปที่โทรศัพท์:“คุณไม่ใช่ประธานนัทธีแล้วคุณมารับสายทำไม ทำให้เราดีใจเสียเปล่า คุณรู้ไหมว่าในที่สุดวารุณีก็คิดได้แล้ว ยอมเชื่อฟังประธานนัทธีแล้วไปจากที่นี่ ยอมคืนดีกับประธานนัทธี เลยโทรมาหาประธานนัทธีเอง ประธานนัทธีดันไม่รับสายอีก และตอนนี้กว่าจะรับสายได้ สุดท้ายก็ยัง ไม่ใช่ประธานนัทธี แต่เป็นก็คุณ คุณไม่มีอะไรทำแล้วมาจับโทรศัพท์ของประธานนัทธีทำไม ทำเกินหน้าที่เหรอ?”

เธอตะโกนไปแบบนี้ ทำเอามารุตตะลึงงันไปหมด นานมากกว่าจะตอบสนองคืนมา หลังจากปะติดปะต่อคำพูดของเธอแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ที่แท้คุณหญิงก็คิดได้ อยากมาคืนดีกับประธานนัทธี

แต่ประธานนัทธีไม่รับสาย ทำให้คุณหญิงไม่สบายใจ

โอเค พวกเขารู้สึกผิดต่อคุณหญิงมาก แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้

มารุตถอนหายใจ ลูบขมับแล้วตอบกลับ:“คุณลีน่า คุณอย่าว่าผมเลย ประธานนัทธีไม่รับสาย จะต้องมีธุระแน่ ไม่สะดวกรับ ดังนั้นเลยให้ผมรับ”

“เหอะ งั้นทำไมนายไม่อธิบายตั้งแต่แรก?”ลีน่าส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ

วารุณีได้ยินว่านัทธีไม่ได้จงใจไม่รับสายเธอ แต่มีธุระ หัวใจที่ยกขึ้นมา ก็ค่อยๆคืนกลับไปที่เดิม เธอจึงโล่งอก ใบหน้าที่ซีดขาว ก็ค่อยๆกลับมามีเลือดฝาด

เธอเข้าใจเขาผิดเอง