บทที่ 932 ประเพณี

บทที่ 932 ประเพณี

“งั้นเราจะกลับเมื่อไรล่ะ? ที่บ้านมีแต่คนแก่เหงาแย่!”

คุณปู่ซูลังเล

ก่อนหน้านี้ก็คิดแต่จะกลับบ้าน แต่ลืมไปเลยว่าเด็ก ๆ ไม่อยู่ด้วย แล้วจะทำยังไง?

“ไว้ถึงเวลาค่อยว่ากัน อาจจะเป็นสิบปีก็ได้” คุณย่าซูเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

พูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์

หญิงชรารู้สึกได้ว่าสามีคิดเยอะเกินไป

คุณปู่ซูไม่เข้าใจความหมาย จึงถามด้วยความแปลกใจ “ทำไมถึงนานเป็นสิบปีเลยล่ะ?”

“คุณพูดเองไม่ใช่หรือไงว่าอยากให้เสี่ยวเถียนอยู่บ้านนาน ๆ? เธอก็คงไม่ได้ออกเรือนไวแล้ว และแบบนี้จะไม่ให้ใช้เวลาเป็นสิบปีได้ยังไง?”

คุณย่าซูรู้สึกได้ว่าตาแก่โง่ขึ้นมากเรื่อย ๆ

“ฉันลืมไปเลย แต่ไม่รู้ว่าเราสองคนจะอยู่ถึงวันที่หลานสาวแต่งงานหรือเปล่าเนี่ยสิ”

เหตุผลที่ชายชราอยากกลับบ้านเพราะสภาพร่างกายไม่ค่อยไหวแล้ว

แถมยังต้องอยู่ต่ออีกเป็นสิบปีถึงจะได้เห็นหลานสุดที่รักสร้างครอบครัวอีก เลยรู้สึกว่ามันนานเหลือเกิน

ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเถียนเดินเข้ามา

“คุณปู่พูดจาไม่รู้เรื่องอีกแล้ว ปู่กับย่าจะต้องอยู่ไปนาน ๆ เลยต่างหาก”

เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของหลานสาว เขาก็อดหัวเราะไม่ได้

“ได้สิ ปู่กับย่าจะอยู่ไปนาน ๆ เลยนะ แล้วก็จะเลี้ยงเหลนให้ด้วย”

ชายชรามีความสุขมาก

เสี่ยวเถียนหน้าแดงแจ๋

“ย่าดูสิ ปู่แกล้งหนูอีกแล้ว” เสี่ยวเถียนกระทืบเท้า ทำท่าทำทางไม่พอใจให้ดูพานทำให้เกิดเสียงหัวเราะครืน

วันนี้เป็นวันที่หลี่เจี้ยนหงมาเยี่ยมอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ทุกคนในบ้านยกเว้นครอบครัวโส่วเวินมารวมตัวกันอย่างเป็นทางการ

หญิงสาวเคยพบพวกเขามาก่อน แต่ด้วยสถานะที่เปลี่ยนไปจึงรู้สึกอึดอัดขึ้นมา

หลี่เจี้ยนหงเป็นกังวลมาก กลัวว่าความเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ความต้องการของบ้านซูที่มีต่อตนเพิ่มขึ้น และปฏิบัติต่อกันไม่เหมือนเดิม

แต่เนื้อแท้พวกเขาเป็นคนจิตใจดี และยังคอยปกป้องกันด้วย

ขอแค่เป็นคนในครอบครัว พวกเขาย่อมปกป้องอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเสี่ยวเถียนจึงมีความสุภาพต่อกัน ตอนนี้เป็นว่าที่หลานสะใภ้แล้วทุกคนจึงเป็นมิตรยิ่งขึ้น

การปฏิบัติที่เป็นกันเองและไม่ได้ห่างเหินต่อกันทำให้ความกังวลค่อย ๆ หายไป

หลังจากสงบจิตใจได้ เธอก็พูดคุยกับพวกเขาได้เหมือนเมื่อตอนปีใหม่เลย

งานเลี้ยงรวมตัวกันครั้งนี้เป็นมื้อที่คึกคักมาก เจี้ยนหงรู้สึกประทับใจ

หลังกินเสร็จเธอเสนอตัวจะล้างจานให้ แต่คุณย่าซูกลับปฏิเสธ

“ไม่ได้หรอก วันนี้หนูมาบ้านเราในฐานะอื่นครั้งแรกนะ ถึงบ้านเราจะไม่เคร่งประเพณีขนาดนั้น แต่จะให้มาล้างจานไม่ได้หรอกจ้ะ” หญิงชรายิ้ม แล้วสั่งหลานชายว่า “เสี่ยวเอ้อร์ เสี่ยวซาน เสี่ยวซื่อ ไปล้างถ้วยชามนะ ล้างหม้อด้วยล่ะ”

หลังจากนั้นเหมือนท่านจะคิดอะไรขึ้นได้ “เสี่ยวซื่ออย่าเพิ่งไปนะ ย่ามีเรื่องจะคุยด้วย เสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวชีไปช่วยพี่เขาแทนไป”

หลาน ๆ ลงมือทันทีที่ผู้เป็นย่าสั่ง

เสี่ยวซื่อที่เตรียมจะเช็ดโต๊ะหยุดมือเอาไว้ แล้วมองคุณย่า

ย่าพูดผิดหรือเปล่า?

วันนี้ว่าที่พี่สะใภ้รองมาเยี่ยมนะ แล้วให้ตนอยู่ต่อได้ยังไง?

ซื่อเลี่ยงยังนึกแปลกใจ

เจี้ยนหงมาบ้านเราครั้งแรก ทำไมย่าถึงให้ตนไปล้างหม้อ?

ทั้งยังขอให้เสี่ยวซื่ออยู่ต่อด้วย

แต่ย่าบอกแล้วเขาขัดไม่ได้

ช่างเถอะ รีบล้างรีบกลับมาแล้วกัน

หญิงสาวรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย แม้ครอบครัวเธอจะไม่เหมือนบ้านเสี่ยวเป่ย แต่หน้าที่ของชายหญิงจะแยกกันทำไปเลย และงานบ้านจะได้ผู้หญิงจัดการทั้งหมด

เลยไม่ชินให้ผู้ชายทำ ส่วนผู้หญิงนั่งเฉย ๆ

“เดี๋ยวอนาคตผู้ใหญ่ก็ต้องทำงานบ้านอีกเยอะ ถึงจะแต่งงานไปแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องทำให้ชินก็ได้ ตอนไหนควรทำก็ทำพอ” คุณย่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หลานชายพวกนี้ทำมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดี

ยิ่งถ้าทำให้เคยชินปัญหาในบ้านจะลดน้อยลงด้วย

ดูหลานชายคนโตสิ ชีวิตดีกันทั้งคู่เลย

ท่านได้แต่หวังว่าลูกหลานจะมีชีวิตสุขเหมือนกับโส่วเวิน

เสี่ยวเถียนขบริมฝีปาก

ย่าคิดอะไรที่แตกต่างกับคนอื่นเสมอ

ถ้าเป็นบ้านอื่นก็คงปกป้องครอบครัวตัวเอง แต่ท่านยังปกป้องเครือญาติกันเองด้วย

“เจี้ยนหงเอ๊ย หนูต้องจำไว้ให้ขึ้นนะว่าอย่าเอาใจสามีจนเคยตัว!” หวังเซียงฮวาเข้ามาพร้อมกับซองแดง

จากนั้นก็ตามด้วยเหลียงซิ่วที่ถือมาเหมือนกัน

“นี่เป็นของขวัญอวยพรจากคุณย่านะ รับไว้สิ!” หญิงชราหยิบซองแดงออกมาจากกระเป๋าแล้วยัดใส่มือว่าที่หลานสะใภ้

หญิงสาวไม่คิดเลยว่าจะได้รับซองสีแดงโดยไม่ทันตั้งตัว พวกเขาใจกว้างกันมากเลย

แต่เธอรับไว้ไม่ได้หรอก

“หนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ

“ถือเป็นการดูแลจากเรานะ เวลาว่าที่สะใภ้มาบ้านผู้ใหญ่จะมอบซองแดงให้กัน ถ้าไม่รับมือว่าไม่ชอบบ้านเรานะ”

เสี่ยวเถียนเอ่ยปากแทน

เจี้ยนหงไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย ตนกำลังลังเลอยู่ว่าจะรับดีไหม

“ซองนี้เป็นแม่ใหญ่ให้เองจ้ะ” หวังเซียวฮวายัดใส่มือหญิงสาว

จากนั้นก็ตามด้วยเหลียงซิ่ว อีกฝ่ายถือไว้สองซอง

“ซองหนึ่งจากแม่ซื่อเลี่ยง ส่วนอีกซองจากแม่เอง”

เจี้ยนหงพยายามควบคุมตัวเองเอาไว้ เธอได้ซองแดงเยอะขนาดนี้จะไม่ให้ละอายใจได้ยังไง?

แล้วถ้ารับมา สมาชิกคนอื่นในบ้านซูจะคิดยังไงกับเธอ?

“เอาไปเถอะ ถ้าไม่ชอบพี่รองแล้วค่อยเอามาคืน” เสี่ยวเถียนปิดปากหัวเราะ

เหลียงซิ่วกลอกตาใส่ลูกสาว ดูยัยเด็กคนนี้สิ ทำไมพูดจาแบบนี้เนี่ย?

อะไรคือการไม่ชอบพี่รองแล้ว?

“ถึงเสี่ยวเอ้อร์จะไม่ได้รู้ความเท่าเสี่ยวเถียน แต่ถือว่าใช้ได้อยู่นะ” คุณย่าซูยิ้มปลอบ

ทุกคนได้แต่อึ้ง

โดยเฉพาะเหลียงซิ่วที่หมดคำจะพูดของจริง

ไม่เก่งเท่าเสี่ยวเถียนมันหมายความว่ายังไงคะ?

ลำเอียงชัดเกินไปหน่อยหรือเปล่า?

เห็นกันอยู่จะจะ ว่าเสี่ยวเถียนเป็นเด็กไม่ได้ความที่สุดแล้ว

ช่างเถอะ ปล่อยให้แกมีความสุขต่อไป

สุดท้ายหญิงสาวก็รับซองแดงปึกหนาไว้ ไม่รู้ว่ามีเท่าไรแต่คิดว่าไม่ใช่น้อย ๆ แน่นอน

ยังไม่ทันได้นับก็มีคนมาหาที่บ้านพร้อมบอกข่าวว่าหลินหลินกำลังจะคลอด ตอนนี้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว

ทุกคนในบ้านวุ่นวายกันทันทีโดยเฉพาะผู้หญิง พวกเธอหยิบข้าวของที่เตรียมเอาไว้แล้วออกเดินทางกันทันที

“เสี่ยวเถียนฝากเจี้ยนหงด้วยนะ พวกแม่ไปดูพี่สะใภ้คลอดน้องก่อน” เหลียงซิ่วรีบบอกลูกสาว

จากนั้นก็ขอโทษว่าที่สะใภ้

“เจี้ยนหงอย่าใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยนะ”

เจี้ยนหงกล่าว “เกรงใจกันเกินไปแล้วค่ะ เรื่องคลอดสำคัญกว่านะคะ หนูอยู่คุยกับเสี่ยวเถียนที่บ้านได้ค่ะ”

——————————————————-