บทที่ 934 เส้นทางอันยาวนาน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 934 เส้นทางอันยาวนาน

บทที่ 934 เส้นทางอันยาวนาน

ซื่อเลี่ยงโล่งใจเมื่อได้ยินสิ่งที่น้องชายพูด

เขารู้ว่าเจี้ยนหงยังมีปมในใจอยู่

ด้วยความที่ฐานะบ้านเธอไม่ค่อยดี จึงไม่มั่นใจเมื่อต้องมาเจอครอบครัวของเขา

ถ้าเจี้ยนหงได้ฝึกฝน ปัญหาที่ว่าอาจได้รับการแก้ไขก็ได้

เสี่ยวเถียนยิ้ม “ในภายภาคหน้า ไม่ว่าเธอจะกินอาหารรสเลิศจากภูเขาลำเนาไพรหรือหมั่นโถวลูกหนา ๆ ก็ส่งให้พี่สี่ได้เลยนะ”

“รับประกันได้ว่าเผ็ดอร่อยเด็ดแน่นอน มีทุกอย่างที่อยากได้” เสี่ยวซื่อเอ่ยด้วยความมั่นใจมาก

เขายังเชิญชวนให้คนในหมู่บ้านทำงานร่วมกันได้เลย แล้วจะไม่สามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวตัวเองได้อย่างไร?

เขาไม่เชื่ออยู่แล้วว่าตัวเองจะทำไม่ได้

ต้องบอกเลยว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นนักธุรกิจโดยกำเนิดจริง ๆ

จากนั้นเสี่ยวซื่อก็บอกแผนการให้ฟังทีละขั้น ขนาดคนอย่างเจี้ยนหงที่ไม่ค่อยตื่นเต้นกับอะไรง่าย ๆ ยังมีอารมณ์ร่วมไปด้วย

“เสี่ยวเถียน ถ้าเราลองทำตามแผนนี้ อนาคตคงไม่ได้ร่ำรวยมหาศาลหรอกใช่ไหม?” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

เสี่ยวเถียนยิ้ม “พี่สี่เก่งเรื่องนี้มากนะ ไม่มีใครเทียบได้เลย”

ซื่อเลี่ยงอยากเสนอความเห็นบ้าง แต่หาจังหวะเหมาะ ๆ ไม่ได้เลย

จู่ ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนอยู่ในโลกเพ้อฝัน

ทีแรกเขาก็คิดว่าตัวเองเก่งแล้วนะ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เก่งขนาดนั้น

เขาเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “สงสัยพี่ต้องพึ่งพาเจี้ยนหงดูแลครอบครัวแล้วละ”

“พี่รองก็จัดการเรื่องสวย ๆ งาม ๆ ไปสิคะ ส่วนว่าที่พี่สะใภ้ก็คอยหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวแทน ไม่แย่เลยนะ” เสี่ยวเถียนหยอก

เจี้ยนหงได้ยินก็เขินอายมาก ก่อนทุกคนจะหัวเราะครืน

จากนั้นเสี่ยวเถียนก็ว่าต่อ “พี่รองก็อย่าเอาแต่อยู่บ้านละ พาเธอไปดูหนังไปทำอย่างอื่นบ้าง แล้วค่อยพามาส่งที่มหาวิทยาลัย”

ซื่อเลี่ยงลังเลเล็กน้อย ถ้าเขาไปส่งเจี้ยนหงก็ไม่ได้กลับบ้านแล้วน่ะสิ

แต่เสี่ยวเถียนจะกลับพรุ่งนี้เช้า แล้วน้องล่ะ?

“พี่รองไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมไปส่งน้องเอง”

เสี่ยวซื่อสนับสนุนให้พี่ชายติดตามคนรักตัวเองไปซะ

ส่วนน้องเล็กมีคนอื่นดูแลอยู่เยอะแยะ

เสี่ยวเถียนกลอกตา

เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้วนะ ยังต้องไปส่งเธออยู่อีกหรือ?

ไม่จำเป็นเลย

แต่พี่ ๆ คิดว่าสิ่งนี้จำเป็นน่ะสิ

ช่วยไม่ได้ สุดท้ายก็ทำได้แค่รับน้ำใจไว้เท่านั้น

ซื่อเลี่ยงพาเจี้ยนหงออกไปข้างนอก แล้วเริ่มต้นออกเดตอันแสนหวานฉ่ำ

ในยุคนี้สังคมยังไม่ค่อยเปิดกว้างมากนัก

เวลาออกไปเที่ยวด้วยกัน ก็ทำได้แค่เดินข้างกันเท่านั้น ไม่มีจับมงจับมือหรอก

ยิ่งสองชายหญิงที่แสนทึมทื่อด้วยแล้ว แค่เดินข้างกันเฉย ๆ ก็หวานชื่นได้

ส่วนคนอื่น ๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง

เสี่ยวเถียนกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง เธอคุ้ยหาหม้อปรุงอาหาร จากนั้นก็เอาไก่แก่มาทำ ใส่ยาบำรุงสำหรับสตรีมีครรภ์ แล้วเคี่ยวเอาไว้

เธอทำให้หลินหลินกิน

สุขภาพร่างกายของพี่สะใภ้ดีขึ้นมาหลังจากได้พักฟื้น แต่การคลอดลูกจะส่งผลให้ร่างกายทำงานหนัก เสี่ยวเถียนจึงคิดว่าทำอาหารบำรุงไปให้ดีกว่า

จะปล่อยให้ร่างกายพังอีกรอบไม่ได้

หลังจากวางหม้อเตาและเคี่ยวช้า ๆ เธอก็หยิบหนังสือแล้วเดินไปอ่านที่เรือนกระจก

เรือนดอกไม้ของเสี่ยวเถียนได้รับการตกแต่งอย่างงดงามตามประสาคนชอบทำงานอดิเรก แล้วเจ้าตัวก็ยินดีเอนกายนอนเกลือกกลิ้งบนพื้นด้วย

หลังจากเลี้ยงดูต้นคลีเวียมา เธอรู้สึกว่าที่นี่เหมาะแก่การใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ

เธอปลูกพวกมันเพื่อหารายได้ก็จริง แต่เรือนกระจกที่ทำก็ต้องสร้างเพื่อให้ใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้ด้วย เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรอบบ้านก็ยังดี

เพราะงั้นตนจึงเดินทางไปซื้อดอกอื่น ๆ ที่ตลาดดอกไม้กลับมาด้วย

เธอซื้อเฉพาะดอกที่จะบานในฤดูกาลนี้ และตอนนี้มันก็ผลิดอกอย่างดี

เสี่ยวเถียนหาเงินได้ด้วยตัวเอง คนที่บ้านก็ไม่เคยยุ่งเรื่องนี้เลยสักนิด

และเมื่อเทียบกับคลีเวียแล้ว ดอกไม้ชนิดอื่น ๆ ใช้เงินไม่เท่าไรเอง

ตอนนี้มีดอกไม้อยู่ประมาณเจ็ดแปดสิบกระถาง มันถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบในเรือนกระจก แล้วก็มีภูเขาเทียมแซมตะไคร้สูงหนึ่งเมตรอีกกระถางด้วย

เสี่ยวเถียนใช้ความสามารถและสติปัญญาที่มีในการติดตั้งอุปกรณ์ทางน้ำบนภูเขาเทียม

หลังจากการปรับปรุงบางส่วน เรือนกระจกในตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว

เธอวางเก้าอี้หวายตัวเล็กไว้ตรงหน้าต่างที่สูงติดเพดาน และโต๊ะกาแฟตัวน้อยไว้ข้าง ๆ

เธอชงชาหอมกรุ่นแล้วนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจ

ฤดูนี้อากาศไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป เธอนั่งในเรือนกระจกสูดดมกลิ่นหอมดอกไม้พร้อมอ่านหนังสือเงียบ ๆ

ชีวิตช่างมหัศจรรย์จริง ๆ

ตกเย็น ขณะที่กำลังเตรียมอาหาร คนที่บ้านก็กลับมาถึง

เสี่ยวเถียนรีบไปต้อนรับ ก่อนจะพบใบหน้ายิ้มแย้มของผู้เป็นย่า

แม้ท่านจะเหนื่อย แต่มีก็ความสุขมาก

เธอมองก็รู้แล้วว่าพี่สะใภ้คลอดหลานแล้ว

“คุณย่า พี่สะใภ้คลอดแล้วหรือคะ?”

“คลอดแล้ว ๆ ตัวอ้วนเชียว หนักเจ็ดจินน่ะ แม่กับเด็กปลอดภัยดี”

จากนั้นแกก็ตรงดิ่งเข้าครัวทันที

เสี่ยวเถียนสับสน เกิดอะไรขึ้น?

เหมือนเป็นครั้งแรกเลยนะที่ย่าพูดด้วยไม่กี่คำแล้วก็ไปน่ะ

หรือเพราะมีเหลน ตำแหน่งหลานรักอย่างเธอเลยตกกระป๋อง?

เพราะตอนนี้ตนไม่ใช่หลานคนสุดท้องแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว

เสี่ยวเถียนรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

และความโศกเศร้าก็อยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น

เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และรักหลาน ๆ ให้มากเท่ากับที่คนในบ้านรักเธอด้วย

ทีแรกเด็กสาวตั้งใจจะไปถามแม่ใหญ่ว่าไปโรงพยาบาลเป็นยังไงบ้าง แต่ไม่เห็นอีกฝ่ายเลย

“แม่ แม่ใหญ่ยังไม่กลับมาหรือคะ?”

เหลียงซิ่วที่กำลังล้างมือได้ยินลูกสาวถามก็ยิ้มออกมา “ทำไมคิดถึงแม่ใหญ่ขึ้นมาล่ะ? เธอไปดูพี่สะใภ้กับหลานของหนูอยู่ไง คงไม่มีเวลากลับมา”

“หนูอยากไปเยี่ยมพี่สะใภ้เหมือนกันค่ะ” เสี่ยวเถียนว่า “อยากเจอหลานชายด้วย”

“ย่าเข้าครัวแล้วน่ะสิ ไว้รอไปพร้อมพี่สามเขานะ”

เหลียงซิ่วไม่ได้คัดค้านอะไร

เธอรู้สึกว่า ดีเสียอีกที่ครอบครัวจะได้สนิทสนมกัน

เสี่ยวเถียนได้รับความรักจากทุกคนมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ถึงตาเธอส่งมอบความรักเป็นทอด ๆ ต่อไป เส้นทางแห่งครอบครัวจะได้ยาวนาน