ตอนที่ 231-1 วั่งซูยอดกล้าหาญ
บุรุษตัวใหญ่สองคนถูกเด็กน้อยคนนั้นนั่งทับจนล้มแผละลงกับพื้น คิดดูแล้วก็น่าขายหน้าอยู่มาก คนเชิดสิงโตทั้งสองคนที่แบกจิ่งอวิ๋นอยู่ปรายตามองสหายของตนด้วยความดูแคลน คิดในใจว่าจะช่วยพยุงหรือหนีไปก่อนดี สุดท้ายก็เลือกอย่างหลัง
สิงโตพาจิ่งอวิ๋นไปอย่างรวดเร็ว
หรงมามาเห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบโก่งคอตะโกนร้องว่า “เขาเอาตัวจิ่งอวิ๋นไปแล้ว! พวกเจ้ายืนเฉยกันอยู่ไย รีบตามไปสิ!”
ทั้งบ่าวไพร่และองครักษ์วิ่งกรูกันตามไป!
ตงเหมยส่งตัวหลิวเกอร์ให้หญิงรับใช้ที่เฝ้าประตูอยู่ก่อนจะยกเท้าตามไปอีกคน!
อันที่จริงวั่งซูไม่เข้าใจเท่าไรนักว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นทุกคนวิ่งไป นางจึงวิ่งตามไปบ้าง
หรงมามายื่นมือไปจะคว้าตัวนางไว้ แต่น่าเสียดายที่คว้าไว้ไม่ทัน เด็กอ้วนผู้นี้ก้ไม่รู้วิ่งอย่างไรของนาง เร็วกว่าผู้ใหญ่เสียอีก หรงมามาร้อนใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง “ไป! รีบไปรายงานนายท่าน!”
มีบ่าวรีบวิ่งไปทางเรือนถง
คนกลุ่มนั้นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก คนหนึ่งใช้เสื้อคลุมห่อตัวจิ่งอวิ๋นไว้ อีกคนหนึ่งใช้เสื้อคลุมคลุมชุดสิงโตเอาไว้ ดูจากข้างหลังคล้ายอุ้มเด็กเอาไว้คนละคน จากนั้นตรงทางแยกก็แยกกันไปสองทาง แล้วใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นชายคาบ้านไป
วั่งซูเป็นคนแรกที่วิ่งไปถึงทางแยก นางไม่รู้ว่าควรตามไปทางไหนดี ในเวลานั้นเองชายชุดดำในร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหานางช้าๆ จากทางด้านข้าง
“วั่งซู” เขายิ้มพลางเรียกชื่อนาง
วั่งซูหันไปตามเสียงก็เห็นบุรุษคนหนึ่งที่ตัวใหญ่ประมาณท่านพ่อ แต่ดูไม่ดีเท่าท่านพ่อ บนใบหน้าบุรุษผู้นั้นมีรอยแผลเป็นจากคิ้วซ้ายเฉียงผ่านสันจมูกยาวไปจนถึงใบหน้าด้านขวา เด็กทั่วไปหากเห็นคนหน้าตาเช่นนี้ บางทีอาจจะตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่ในความทรงจำของวั่งซู บนใบหน้าของเฉินต้าเตาก็มีรอยแผลเป็นเช่นกัน ดังนั้นบุรุษผู้นี้ในสายตานางจึงไม่เพียงไม่น่ากลัว แต่ยังมีความสนิทสนมอยู่เล็กน้อยอีกด้วย
นางเรียกขานอีกฝ่ายว่าท่านอา
ชายชุดดำยิ้มกว้างขึ้น ย่อตัวลงมาให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับนาง “ข้าพาเจ้าไปหาพี่ชายเจ้าดีหรือไม่”
ท่านอาต้าเตามีแผลเป็น ท่านอาต้าเตาเป็นคนดี ท่านอาท่านนี้ก็มีรอยแผลเป็น ดูแล้วท่านอาผู้นี้คงเป็นคนดีเช่นกัน
วั่งซูพยักหน้า
ชายชุดดำไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะหลอกง่ายเพียงนี้ แม้แต่ขนมยังไม่ต้องให้ เขายังคิดว่าหากใช้ขนมแล้วยังไม่สำเร็จ จะตีให้สลบก่อนแล้วค่อยว่ากัน แล้วเด็กในเมืองก็หลอกง่ายจริงๆ เสียด้วย
ชายชุดดำผิวปาก ม้าสูงใหญ่ตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้าเขา เขาคิดจะอุ้มวั่งซูขึ้นหลังม้า แต่กระนั้นพอจะอุ้มกลับอุ้มไม่ขึ้น จะอุ้มอีกก็ไม่ขึ้นอีก พอลองครั้งที่สาม เขาเดินกำลังภายใน แล้วในที่สุดก็เอาตัวเด็กน้อยขึ้นไปวางแปะบนหลังม้าได้เสียที
แต่ทันใดนั้นก็เห็นเกือกม้าตัวนั่นซวนเซเล็กน้อยจนเกือบยืนไม่อยู่ หนักเกินไปแล้ว!
พอชายชุดดำขึ้นหลังม้าบ้าง ครานี้ม้าก็ถึงกับออกเดินไม่ไหว
ชายชุดดำหวดแส้หนักๆ ลงไปหลายครั้ง นอกจากต้นขาม้าที่สั่นไหวแล้วก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้นอีก ชายชุดดำจึงล้มเลิกแผนที่จะขี่ม้า อุ้มวั่งซูลงมาแล้วใช้วิชาตัวเบาวิ่งจี๋เข้าไปในตรอก
ยังดีที่วิชาตัวเบาของเขาล้ำเลิศ ไม่นานก็ทิ้งห่างองครักษ์บ้านตระกูลจีไปไกลลิบ
เขาอุ้มวั่งซูเลี้ยวเข้าไปในซอยเก่าๆ ผุๆ ซอยหนึ่ง พอพ้นจากซอยก็ไปถึงจุดที่นัดไว้กับสหายร่วมงาน ทางฝั่งเด็กชายผู้นั้นคิดว่าน่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น รอเพียงเขากับเด็กหญิงมาถึงก็สามารถกลับไปรายงานตัวกับผู้เป็นนายได้แล้ว
แต่กระนั้นสิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ ในขณะที่เขาใกล้จะเดินพ้นจากซอยนั้น มีเงาสีขาวเงาหนึ่งกระโจนจากหลังคาลงมารวดเร็วราวกับสายฟ้า อุ้งมือที่คมกริบข่วนเข้าที่คอเขาอย่างไร้ซึ่งปราณี!
เขาพลันรู้สึกเจ็บที่ท้ายทอย ตัวกระแทกเข้ากับกำแพง วั่งซูหล่นลงจากอ้อมแขน ล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
ชายชุดดำหันไปหาคนที่ลอบทำร้ายเขา แต่กลับเห็นเพียงพอนหิมะตัวน้อยตัวหนึ่ง สายตาของเพียงพอนหิมะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เงื้อกรงเล็บขึ้นตะปบอีกฝ่ายอย่างไร้ซึ่งปราณี!
เพียงพอนหิมะรวดเร็วเกินไป เขายังไม่ทันได้ควักกริชออกมาก็ถูกอุ้งมือของมันตะปบจนลงไปกองกับพื้น! จากนั้นเพียงพอนตัวนั้นก็กระโดดขึ้นมาอยู่บนตัวเขา แล้วงับเข้าที่คอเขาอย่างรุนแรงทันที!
ชายชุดดำถูกกัดจนสลบไป
“เสี่ยวไป๋ เจ้ามาได้อย่างไร” วั่งซูวิ่งตุบตับๆ เข้าไปหา อุ้มเสี่ยวไป๋ขึ้นมาจากตัวชายชุดดำผู้นั้น เมื่อเห็นชายชุดดำถูกเสี่ยวไป๋กัดจนได้แผล ในใจก็มีความรู้สึกผิดปะทุขึ้นมา ท่านอาเป็นคนดีเพียงนี้ จะพานางไปหาพี่ชาย รู้ว่านางไม่ชอบเดินก็ยังอุ้มนางมาตลอดทาง แต่เสี่ยวไป๋ของนางกลับกัดท่านอาจนได้แผล “ท่านอา ท่านวางใจเถิด ข้าจะช่วยท่านเอง ต้าไป๋ก็เคยกัดพี่หงซิ่งบาดเจ็บมาก่อน ข้ารู้ว่าท่านแม่รักษาให้พี่หงซิ่งอย่างไร”
ท่านแม่เป็นหมอเทวดา นางเป็นบุตรสาวของหมอเทวดา เมื่อคิดดูแล้วนางก็เป็นหมอเทวดาตัวน้อยเช่นกัน
“ก่อนอื่นต้องให้ท่านไปนอนลงบนเตียงคนป่วยเสียก่อน” วั่งซูเอ่ยอย่างมีท่ามีทาง
แถวนี้ไม่มีเตียงคนป่วย แต่มีบ้านหลังหนึ่งที่ไม่มีคนพักอาศัยอยู่ ประตูใหญ่งับอยู่หลวมๆ วั่งซูลากตัวชายชุดดำเข้าไปในเรือน หาห้องห้องหนึ่งแล้วอุ้มชายผู้นั้นขึ้นไปบนเตียง
“จากนั้นข้าจำเป็นต้องใช้กรรไกรตัดเสื้อท่านออก” วั่งซูพูดอย่างเชียวชาญยิ่งนัก
วั่งซูหาไปทั่วห้องก็ไม่เจอกรรไกรสักเล่ม จึงใช้มือฉีกคอเสื้อเขาเสียเลย
บาดแผลของเขามีแค่ที่คอ เป็นรอยเล็บหลายรอยกับรอยกัดรอยหนึ่ง แผลที่ถูกกัดดูเหวอะหวะเล็กน้อย มีเลือดทะลักออกมาให้เห็น
“ตอนนี้ข้าต้องห้ามเลือดให้ท่าน” วั่งซูเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง
วั่งซูจำได้ว่าตอนท่านแม่ห้ามเลือดให้พี่หงซิ่ง ท่านแม่ใช้ผ้าป่านสีขาวผืนหนึ่ง ท่านแม่เอาผ้าพันไปที่ขาของพี่หงซิ่ง แล้วขาของพี่หงซิ่งก็ไม่เจ็บอีก
วั่งซูกฉีกผ้าผืนหนึ่งออกมาจากเสื้อชายชุดดำแล้วเอามาพันไว้กับคอเขา พอออกแรงดึง ชายชุดดำก็เจ็บจนได้สติทันที ชั่วขณะที่ตื่นมาเขารู้สึกว่าคอของตนจะหักเสียให้ได้ หลอดลมถูกบีบตัวอย่างรุนแรงจนหายใจไม่สะดวก เขาอยากพูดบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออกสักคำ
เขาเอามือจับคอด้วยความเจ็บปวด สองตาเบิกกว้าง
วั่งซูร้องว้าวทีหนึ่ง “ได้ผลจริงๆ ด้วย ท่านอาตื่นแล้ว! ท่านอา ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ดีขึ้นมากเลยใช่หรือไม่”
ดี…ดีกับผีน่ะสิ…รีบเอาผ้าออกไป…ข้าหายใจจะไม่ไหวอยู่แล้ว…
วั่งซูเอยอย่างอ่อนหวานว่า “เสี่ยวไป๋ไม่ได้ตั้งใจกัดท่านนะ ท่านอย่าได้โกรธมันเลย จริงๆ แล้วมันเชื่องมาก”
เชื่องก็บ้าแล้ว!
รีบเอาผ้า…ออกไปสิ…
สีหน้าชายชุดดำม่วงไปหมดแล้ว พออากาศเข้าไปไม่ทันจึงสลบเหมือดไปอีกครั้ง!
วั่งซูเอามือเท้าคางอย่างใสซื่อ “เสี่ยวไป๋ ข้าห้ามเลือดให้เขาแล้ว เหตุใดเขาถึงยังสลบไปอีก ใช่เพราะเขาบาดเจ็บหนักมากหรือไม่ เช่นนี้ควรทำอย่างไรดี”
วั่งซูนั่งลงบนบันได สีหน้าดูเป็นกังวลอย่างหนัก
พอคิดอะไรได้ ตานางก็พลันเป็นประกาย “หรือไม่พวกเราไปหาท่านตาก็แล้วกัน ท่านตาต้องรักษาเขาได้แน่!”
วั่งซูรู้สึกว่าวิธีการของนางดีมากทีเดียว ดึงนั้นจึงลากตัวชายชุดดำลงจากเตียง คว้าคอเสื้อเขาแล้วลากกระแทกโน่นกระแทกนี่ไปจนกระทั่งถึงหอหลิงจือ ระหว่างทางศีรษะของชายชุดดำกระแทกกับกำแพงไปห้าครั้ง แขนก็กระแทกถูกเสาไปแปดที แขนถูกรถม้าทับไปครั้งหนึ่ง ก้นกระแทกปักๆๆ ลงมาตามบันได น่าจะแปดสิบครั้งเห็นจะได้ กว่าจะไปถึงหน้าประตูหอหลิงจือ ตัวของชายชุดดำก็ไม่มีส่วนใดที่ไม่มีแผลอีก ส่วนที่โหดร้ายที่สุดเป็นตรงก้นที่ถูจนได้มาสองรูใหญ่ เนื้อขาวๆ โผล่ออกมาอยู่ข้างนอก ซ้ำยังปวดแสบปวดร้อนอีกด้วย
ชายชุดดำไม่รู้เลยว่าตนเองควรปิดหน้าหรือปิดก้นก่อนดี
วั่งซูมัวแต่ตั้งใจตามเสี่ยวไป๋ไป จึงยังไม่รู้ว่าคนป่วยของตนได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ข้าช่างเป็นแม่หญิงน้อยที่น้ำใจงามจริงๆ!
วั่งซูปาดเหงื่อบนหน้าผาก คิดด้วยความภูมิใจ
เฉียวเจิงเพิ่งส่งคนไข้คนสุดท้ายกลับไป ในขณะที่กำลังจะปิดประตูก็ได้ยินเสียงใสร้องเรียกว่า “ท่านตา!”
เฉียวเจิงเดินออกไปด้วยความดีใจ “วั่งซู!” พอสิ้นเสียง สายตาเขาก็เหลือบมองไปด้านหลังหลานสาว จึงเห็นชายชุดดำที่ถูกวั่งซูใช้มือข้างหนึ่งลากถูลู่ถูกังมาจนสภาพดูไม่ได้ สีหน้าเฉียวเจิงดูอึ้งไป “นี่คือ…อะไรหรือ?”
วั่งซูเล่าเรื่องที่คุณอาใจดีจะพาตนไปหาพี่ชายแต่สุดท้ายกลับถูกเสี่ยวไป๋ตะปบจนบาดเจ็บให้ท่านตาฟัง เฉียวเจิงยังจะมีอะไรไม่เข้าใจอีก ชายคนนี้เป็นพวกเดียวกับคณะเชิดสิงโตนั้นมาตั้งแต่แรก พวกเขามาโดยมีเป้าหมายเป็นวั่งซูกับจิ่งอวิ๋น วั่งซูจับพลัดจับผลูจัดการชายคนนี้ได้ ช่างขอบคุณฟ้าขอบคุณดินโดยแท้!
แค่ไม่รู้ว่าทางด้านจิ่งอวิ๋นนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
เฉียวเวยอุ้มวั่งซูขึ้นมา “เสี่ยวไป๋ จูเอ๋อร์ รีบไปตามหาจิ่งอวิ๋น!”
เสี่ยวไป๋กับจูเอ๋อร์วิ่งฉิวไปทันที เจ้าสองตัวคุ้นเคยกับกลิ่นของจิ่งอวิ๋นกับต้าไป๋เป็นอย่างดี พวกมันแยกกันหาเป็นสองทาง แล้วในที่สุดก็ตามหาจิ่งอวิ๋นที่ถูกกลุ่มชายชุดดำรุมล้อมอยู่ที่หน้าตลาดจนพบ
ชายชุดดำมีจำนวนสิบกว่าคน ต้าไป๋ผู้ดุดันจัดการจนล้มไปได้หกเจ็ดคน เสี่ยวไป๋แยกเขี้ยวยิงฟันจนเห็นเป็นเขี้ยวเล็กแหลม แล้วพุ่งเข้าหาคนผู้นั้นด้วยความรวดเร็วเช่นกัน!
ชายชุดดำที่พุ่งเข้าไปหาจิ่งอวิ๋นถูกเสี่ยวไป๋โผเข้าหาจนล้มไป
จูเอ๋อร์วิ่งถือกระทะเหล็กใบเล็ก กระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่จิ่งอวิ๋นอย่างรวดเร็ว
ชายชุดดำที่ถูกเสี่ยวไป๋โถมเข้าใส่ล้มกลิ้งอยู่กับพื้นไปหลายตลบ ก่อนจะกลิ้งกลับไปอยู่ข้างเท้าจิ่งอวิ๋นอีกครั้ง เขาซวนเซยืนขึ้น แต่ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันยืนได้นิ่ง ก็ถูกจูเอ๋อร์ใช้กระทะฟาดจนสลบไป!
เมื่อมีเสี่ยวไป๋กับจูเอ๋อร์เข้ามาร่วมด้วย สถานการณ์การต่อสู้จึงพลันกลับตาลปัตร ชายชุดดำค่อยๆ ล้มลงทีละคน ตรงปากตลาดมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น แต่กระนั้นผ่านไปไม่เท่าไร จู่ๆ ก็มีเงาดำนับสิบกระโดดเข้ามาจากทั่วสารทิศ หนำซ้ำวรยุทธ์แต่ละคนยังเหนือกว่าชายชุดดำเหล่านั้นอีกด้วย
เมื่อพวกเขาเข้ามาผสมโรง สถานการณ์จึงพลิกผันไปอย่างรวดเร็ว
ต่อให้ต้าไป๋ดุดันเพียงใดก็อายุยังไม่ถึงสองขวบดีเท่านั้น ส่วนเสี่ยวไป๋ยิ่งเป็นเพียงพอนละอ่อนที่ยังโตไม่เต็มที่ตัวหนึ่ง หากเป็นการสู้กับยอดฝีมือทั่วไปบางทีอาจไม่เท่าไร แต่คนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะรูปร่างหรือวรยุทธ์ ล้วนเหนือชั้นกว่ายอดฝีมือของจงหยวนมากนัก