War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2292
ตอนที่ 2,292 : ณ จุดที่เมฆหายนะบรรจบ!
“จ้าววังวิญญาณอสุรางั้นเหรอ?”
แทบจะพร้อมกันกับที่จ้าวววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง หันมาจับจ้อง ต้วนหลิงเทียนก็เห็นได้ชัดเจนถึงเจตนาฆ่าฟันที่ฉายชัดในแววตา แถมรังสีสังหารนั่นราวกับจะพุ่งยิงออกมาจากลูกตาก็ไม่ปาน!
“คิดหนีงั้นเหรอ!?”
เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียน มุมปากฉีหนานฟงยกแสยะกล่าวค่อนแคะออกมา ด้วยคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะหนี
เหตุผลที่มันคิดแบบนี้ย่อมเป็นธรรมดา เพราะมันลองคาดคิดจากมุมมองของต้วนหลิงเทียน
ในสายตามัน
ต้วนหลิงเทียนสมควรรู้สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างดี
ภายในวังเซียนสัญจร ก็ถูกจ้าววังอย่างอววี่เหวินฮ่าวเฉินเพ่งเล็ง หากออกนอกวังเซียนสัญจร ก็เป็นมันจ้าววังวิญญาณอสุราผู้นี้ที่คอยท่า!
ตอนนี้ด้านอวี่เหวินฮ่าวเฉินกลับชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมา และอีกไม่นานก็จะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของผู้ที่กำลังจะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ มันไม่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนยังจะหาญกล้าอยู่ในวังเซียนสัญจรสืบไป!
เช่นนั้นมันจึงคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องกำลังคิดจะหลบหนีออกไปจากวังเซียนสัญจรแน่นอน!
“ไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนละสายตาจากร่างฉีหนานฟงจ้าววังวิญญาณอสุรา ก่อนที่จะกล่าวบอกทุกคน ทั้งหอบหิ้วร่างสตรีทั้ง 3 เหินออกไป
เผิงไหลที่ได้ยินคำต้วนหลิงเทียน ก็เร่งรุดตามติดมาไม่ห่าง
“หืม…ทิศทางนี่มัน มิใช่ทิศทางที่ตั้งคฤหาสน์ท่านจ้าววังหรือไร!?”
ทว่าหลังเหินร่างติดตามต้วนหลิงเทียนไปพักหนึ่ง เผิงไหล ที่มองไปเบื้องหน้า สูงขึ้นไปบนฟ้าก็เห็นแพเมฆหายนะสู่สวรรค์!
สถานที่พวกมันกำลังจะไป มิคาดกลับเป็นที่ตั้งคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจร!!
แต่เดิมเผิงไหลคิดว่านายท่านของมันจะตีฝ่าวงล้อมหลบหนีออกจากวังเซียนสัญจร แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่านายท่านของมันผู้นี้กลับกำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจร!!
จังหวะนี้มันอดไม่ได้ที่จะสับสนขึ้นมา
อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่มันคนเดียวที่ไม่เข้าใจ
“สารเลวน้อยนั่นมันคิดทำอะไรอีก! คิดจะไปรอรับความตายรึไง?!”
จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ที่คิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องหลบหนีออกจากวังเซียนสัญจรแน่ แต่มันกลับพบว่าต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่ไม่คิดจะหนีออกนอกวัง แต่กลับยังมุ่งไปยังจุดศูนย์กลางของวังเซียนสัญจร!
แถมที่นั่นยังเป็นที่ตั้งคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจร!
“หืม? คนผู้นั้น…ต้วนหลิงเทียน รองจ้าววังคนใหม่ของวังเซียนสัญจรมิใช่รึ?”
ขณะเดียวกัน คนของ 1 วัง 6 ตำหนักที่รั้งอยู่ ก็พบเห็นต้วนหลิงเทียนกับกลุ่ม
“รองจ้าววังคนใหม่ของวังเซียนสัญจรอันใด! เจ้านั่นมันคือนายน้อยตำหนักเมฆาครามขุมพลังของพวกมนุษย์สวะ!!”
“อะไรกัน!? นั่นมันคิดจะไปที่ใด…ทิศทางที่มันกำลังมุ่งหน้าไป มิใช่ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของวังเซียนสัญจรรึไร? ไยมันไม่รีบหนีแต่กลับเลือกไปที่นั่น?”
“หรือว่า…มันจะไม่รู้ทาง?”
“เหลวไหล! เรื่องพรรค์นั้นไหนเลยจะเป็นไปได้? มันอยู่ในวังเซียนสัญจรมา 3 ปี แม้เวลาส่วนใหญ่จะปิดด่านบ่มเพาะ แต่กับอีแค่ทิศทางออกกจากวังเซียนสัญจรอยู่ทางใด ไหนเลยมันจะยังไม่รู้ได้!”
“ข้าก็ว่างั้น”
…
ความเคลื่อนไหวนี้ของต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่ทำให้เผิงไหลกับฉีหนานฟงอึ้ง กระทั่งคนของ 1 วัง 6ตำหนักที่เหลือยังตะลึงงง!
ด้วยไม่ทราบจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะทำอะไรกันแน่!
ในบรรดาผู้ที่ลอยล่องบนฟ้าดูเรื่องราวยังมีอาวุโสของวังเซียนสัญจรอยู่ด้วยไม่กี่คน ตอนนี้พอเห็นต้วนหลิงเทียนกำลังมุ่งหน้ายังเคหะสถานของจ้าววัง พวกมันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะทำอะไร
“ทางที่มันกำลังเหินมุ่งไป…ไม่ใช่ที่ตั้งของคฤหาสน์ท่านจ้าววังหรือไร?”
“หรือมันคิดจะไปสวามิภักดิ์กับท่านจ้าววัง และหวังให้ท่านจ้าววังของพวกเราละเว้นชีวิตมัน?”
…
ถึงแม้พวกมันจะบังเกิดความคิดที่ว่าขึ้นมา แต่พวกมันก็ยากจะเชื่อได้ลงคอว่าต้วนหลิงเทียนคิดกระทำเช่นนั้นจริงๆ
แล้วไฉนต้วนหลิงเทียนถึงทำแบบนี้?
อีกฝ่ายคิดไปที่นั่นทำอะไร?
แล้วคิดจะทำอะไรกันแน่?
‘รู้สึกว่า…ยิ่งเข้าใกล้สถานที่ๆเมฆหายนะกำลังมาบรรจบกันมากเท่าไหร่ พลังสุริยันที่ผสานกับพลังเซียนต้นกำเนิดของข้าก็ยิ่งพุ่งพล่านปั่นป่วนมากขึ้น ราวกับใจกลางที่เมฆหายนะสู่สวรรค์มาบรรจบกันนั่น มีบางสิ่งกำลังเรียกหามันอยู่? แต่ไม่ว่าจะคืออะไรคำตอบทั้งหมดต้องอยู่ใจกลางนั่น!’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างลับๆ ขณะเหินร่างพร้อมพาเค่อเอ๋อกับลูกสาวรวมถึงก่านหรูเยี่ยนมุ่งหน้าไปยังใจกลางวังเซียนสัญจร
‘แถมในระหว่างที่เข้าใกล้มัน…สำนึกรู้ฟ้าดินกลับค่อยๆลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด!’
‘ถึงแม้ความเร็วในการเข้าใจจะไม่ได้รวดเร็วมากนัก แต่ทั้งหมดเป็นเพราะข้าพึ่งทะลวงผ่าน…กระนั้นสำนึกรู้ฟ้าดินของข้าตอนนี้ ก็เหนือกว่าผู้ที่พึ่งทะลวงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนไปไม่กี่ปีแล้ว…’
‘ที่สำคัญ…ยิ่งเข้าไปใกล้ใจกลางนั่นเท่าไหร่ สำนึกรู้ต่อฟ้าดินของข้าก็ยิ่งยกระดับความเร็วในการเข้าใจ ถึงแม้จะแค่เล็กน้อย แต่มันก็ยังเพิ่มพูนขึ้นตลอดเวลา’
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงเลือกที่จะพาทั้ง 3 รวมถึงเผิงไหล ไปยังใจกลางที่มฆหายนะสู่สวรรค์นั่นมาบรรจบ!
เขาสังหรณ์ใจอย่างประหลาด ว่าสถานที่แห่งนั้นจะมอบผลเลิศล้ำให้เขา
กระทั่งผลลัพธ์ยังไม่ใช่เล็กน้อย
มองจากความเร็วในการสำนึกกรู้ฟ้าดินแล้ว ก็พิสูจน์เรื่องนี้ได้ชัดเจน
‘ด้วยสำนึกรู้ฟ้าดินของข้าตอนนี้…หากใช้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดล่ะก็…’
พอคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้นมา ก่อนที่มวลพลังสุดไพศาลขุมหนึ่งจะปะทุออกจากฝ่ามือ ทันใดนั้นความว่างเปล่าโดยรอบก็ถึงกับสะท้านสะเทือนขึ้นมาทันใด
‘ไม่ผิดจริงๆ! มันทรงพลังขึ้นอย่างมาก!!’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ชัดเจน
พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดที่เขาเร่งเร้าออกมา คล้ายมีสายใยที่มองไม่เห็นประการหนึ่งเชื่อมโยงกับฟ้าดินอย่างลึกซึ้ง!
การเชื่อมต่อตอนนี้แม้จะยังอ่อนแอ แต่ก็มีอยู่จริง!
‘เหตุผลที่ข้ารู้สึกว่าความเชื่องโยงนี่ยังอ่อนแอ เป็นเพราะสำนึกรู้ฟ้าดินของข้ายังไม่ถ่องแท้พอ…อย่างตอนจ้าววังเซียนสัญจรนั่นขณะมันลงมือต่อสู้ พลังเซียนต้นกำเนิดของมันกลับสั่นพ้องกับพลังฟ้าดินอย่างมาก ทำให้อานุภาพพลังเซียนต้นกำเนิดของมันทวีความร้ายกาจมากขึ้นถึงขนาดนั้น’
ต้วนหลิงเทียนยังจดจำฉากเรื่องราวเมื่อ 3 ปีก่อนได้อย่างชัดเจน
กระบี่ที่เขาใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด กลับถูกอวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้ฝ่ามือพลังหยุดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ราวกับของเด็กเล่น!
จากนั้นอวี่เหวินฮ่าวเฉินเพียงใช้นิ้วดีดกระบี่เขากลับมาอย่างไร้เรื่องราว หากแต่พลังอำนาจที่แฝงอยู่ในกระบี่กลับไม่ใช่ชั่ว สร้างความตกตะลึงให้เขานัก!
วินาทีนั้นเขาสัมผัสได้ชัดเจนดี ถึงความน่าสะพรึงกลัวของเซียนสววรรค์ 9 เปลี่ยน ที่มีสำนึกรู้ฟ้าดินในระดับหนึ่ง!
และเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสำนึกรู้ฟ้าดินของอวี่เหวินฮ่าวเฉินในตอนนั้น เจียนถึงขีดจำกัดเต็มที!
หาไม่แล้วมันคงไม่สามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ให้ปรากฏกได้ในเวลาแค่ 3 ปี!
ถึงแม้ว่าจะต้องการ ‘โอกาส’ ที่เหมาะสมในการชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์
หากแต่โอกาสที่ว่า หากมิใช่ผู้ที่มีสำนึกรู้ฟ้าดินถึงในระดับหนึ่ง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะพบพานโอกาสดังกล่าว!
‘จากคฤหาสน์ที่ข้าเคยอยู่ ระยะทางก็ไม่ได้ไกลอะไร…แต่สำนึกรู้ฟ้าดินของข้ากลับรรลุถึระดับนี้แล้ว’
ในระหว่างที่หงายมือเร่งเร้าพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดออกมา ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของมันที่เพิ่มพูนขึ้นตามระดับสำนึกรู้ฟ้าดินของเขา
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจดจ่ออยู่กับการเชื่อมโยงอันลึกซึ้งบางประการจากพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดกับฟ้าดิน จนไม่ได้แยแสจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ที่เหินร่างติดตามมาแม้แต่น้อย
เพราะเขารู้ดีว่าตราบใดที่เขายังอยู่ในเขตวังเซียนสัญจร ให้ฉีหนานฟงมีความกล้ามากกว่านี้อีก 10เท่ามันก็ไม่กล้าลงมือ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อวี่เหวินฮ่าวเฉิน จ้าววังเซียนสัญจร กำลังจะทะลวงถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะในอีกไม่กี่วัน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉีหนานฟงยังจะกล้าลงมือใดๆ!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์เรื่องราวอย่างกระจ่าง
ตราบใดที่เขาไม่ออกนอกเขตวังเซียนสัญจร ฉีหนานฟงก็ไม่มีวันกล้าทำร้ายเขา
สำหรับจ้าววังเซียนสัญจรอย่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่อาจไม่หวั่นเกรง แต่เขาก็ต้องการทำตามความต้องการของพลังสุริยันที่กำลังพุ่งพล่านในร่าง ราวกับมันถูกบางสิ่งเรียกหา!
ดูเหมือนว่า ณ จุดที่เมฆาหายนะสู่สวรรค์มาบรรจบกันนั่น มีอะไรบางอย่างกำลังเพรียกหาพลังสุริยัน!
ในใจเขาบังเกิดลางสังหรณ์อันแรงกล้าประการหนึ่ง!
เขาไม่อาจพลาดโอกาสนี้ไปได้เด็ดขาด!
‘พลังสุริยันนั้นมาจากผู้เฒ่าหั่ว และยังเป็นพลังอำนาจของระนาบเทวโลก เป็นพลังที่เหนือล้ำยิ่งกว่าพลังใดๆในระนาบโลกียะทั้งมวล มีอำนาจหนุนเสริมให้พลังของข้าเหนือล้ำกว่าขอบเขตเดียวกันอย่างทาบไม่ติด…’
‘ตอนนี้ ณ ใจกลางที่เมฆาหายนะสู่สวรรค์อันถูกอวี่เหวินฮ่าวเฉินชักนำมาไปบรรจบกัน…กลับมีบางอย่างกำลังเพรียกหาพลังสุริยันอย่างประหลาด…’
‘และยิ่งข้าเข้าใกล้จุดที่เมฆหายนะสู่สวรรค์มาบบรรจบกันมากเท่าไหร่ ไม่เพียงแต่พลังสุริยันในร่างยิ่งปั่นป่วนพุ่งพล่านราวกับกำลังจะเดือด สำนึกรู้ฟ้าดินของข้ายังเพิ่มพูนสูงขึ้นเรื่อยๆ’
‘สถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนจะมีแต่ผลดีกับข้า ไม่มีอันตรายใดๆ’
…
ในระหว่างเหินร่างไป ต้วนหลิงเทียนก็ได้ชั่งน้ำผลได้ผลเสียในใจ
เขาเองก็ได้คิดทบทวนเรื่องจะไปยัง ณ จุดนั้น…
กับเรื่องที่จะถอยหนีออกไปจากที่นี่!
เขาไม่ใช่ตัวโง่งมที่คิดจะไปรนหาที่ตาย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ข้างกายยังมีภรรยากับลูกสาวของเขาอยู่ด้วยแบบนี้!!
“นี่เจ้าคิดจะทำบ้าอะไรกันแน่…ตอนนี้เจ้าไม่เพียงแต่จะไม่พาพวกเราหนีออกจากวังเซียนสัญจร แต่เจ้ายังมุ่งหน้าไปทางคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจรนั่นอีก!หากเจ้าอยากตายก็ไปตายคนเดียว อย่าได้ลากซือหลิงกับเค่อเอ๋อให้ตายตกไปกับเจ้า!!”
ก่านหรูเยี่ยนที่อดทนมานาน
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจรไม่เลิก นางก็ทนไม่ไหวสืบไป ระเบิดโพล่งออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
“พี่หญิง ข้าเชื่อว่าที่พี่เทียนกระทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล…ท่านอย่าได้กังวลเลย”
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ก่านหรูเยี่ยนร้อนใจจนทนไม่ไหวระเบิดโพล่งออกมานั้น เค่อเอ๋อก็กล่าวปลอบนางออกมาทันที เห็นได้ชัดว่านางเชื่อใจต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไข
“ใช่แล้วท่านป้า ท่านพ่อไม่คิดร้ายกับพวกเราหรอก”
ต้วนซือหลิงยังหันไปพยักหน้ากล่าวกับก่านหรูเยี่ยน
เห็นแบบนี้ก่านหรูเยี่ยนถึงกับอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองก่านหรูเยี่ยนเล็กน้อย แต่ไม่คิดจะตอบอะไรนาง
‘ด้วยพลังของข้าตอนนี้หากไม่ใช้ตราผนึกมาร ข้าไม่ใช่คู่มือของจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงกับจ้าววังเซียนสัญจรอวี่เหวินฮ่าวเฉินแน่นอน! และต่อให้ใช้ตราผนึกมารจริง โอกาสฆ่าพวกมันได้กับฆ่าไม่ได้ก็แทบจะพอๆกัน…’
‘เกิดข้าเลือกหนีไปแล้วดันใช้ตราผนึกมารฆ่าฉีหนานฟงไม่ได้ขึ้นมา งั้นจะหนีไปตอนนี้หรือจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆอวี่เหวินฮ่าวเฉินอยู่ ผลลัพธ์มันก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย…’
‘แถมตอนนี้จะอย่างไรอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็ยังไม่ใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ ถ้าตราผนึกมารสามารถฆ่าฉีหนานฟงได้ นั่นหมายความว่ามันก็สามารถฆ่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินได้เช่นกัน! ในเมื่อจะหนีไปหรือจะเข้าไปยังจุดศูนย์กลาง ก็มีผลลัพธ์ไม่แตกต่างกันแบบนี้…’
‘ถ้างั้นทำไมข้าจะไม่ลองทำตามเสียงเรียกหาพลังสุริยัน? มุ่งหน้าไปยังใจกลาง ณ จุดที่เมฆหายนะสู่สวรรค์มาบรรจบกันดูสักครา…’
‘บางที…ที่นั่นอาจจะมีวาสนาบางประการรอข้าอยู่ก็เป็นได้?’