ตอนที่ 945 ไมตรีของสองแคว้น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 945 ไมตรีของสองแคว้น

ขุนนางที่คัดค้านการเข้าเรียนในสำนักศึกษาและสอบเป็นขุนนางของสตรีเท่ากับคัดค้านการขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีของไป๋ชิงเหยียน

ขุนนางของต้าโจวไม่กล้าคัดค้าน ทว่า ราชโองการฉบับนี้ทำให้ทูตของต้าเยี่ยน เซียวหรงเหยี่ยน ทูตของซีเหลียงและหลี่จือเจี๋ยตกใจมาก

หลี่จือเจี๋ยกำหมัดแน่น ฐานะสตรีของแคว้นซีเหลียงสูงกว่าสตรีของแคว้นต้าจิ้น ทว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงก็ยังไม่กล้าคิดใช้งานสตรีและประกาศออกมาให้ทั่วหล้ารับรู้อย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เลย

ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งขึ้นครองราชย์แท้ๆ กลับกล้าทำเช่นนี้ ความกล้าเช่นนี้ของหญิงสาวเป็นเพราะมั่นใจว่ากุมชัยชนะไว้ในมือแล้วหรือเอาแต่ใจตัวเองคิดว่าเป็นจักรพรรดินีแล้วจะทำสิ่งใดก็ได้กันแน่นะ

เซียวหรงเหยี่ยนซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ‘อ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยน’ กวาดสายตามองไปรอบกาย เขาเห็นสีหน้าของขุนนางกว่าครึ่งของต้าโจวเคร่งขรึมลง เซียวหรงเหยี่ยนลอบปาดเหงื่อแทนไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนใจร้อนกับเรื่องการใช้งานสตรีเกินไป

การใจร้อนไม่ใช่เรื่องดี จีโฮ่วมารดาของเซียวหรงเหยี่ยนเคยเสนอเรื่องการยกระดับฐานะของสตรีและอนุญาตให้สตรีเข้ารับราชการเช่นเดียวกัน ทว่า บัณฑิตของต้าเยี่ยนต่างออกมาคัดค้านจนเรื่องเลยเถิดไปถึงพวกเขาออกมาประท้วงหน้าวังหลวง ด่าทอว่ามารดาของเขาทำให้แคว้นเสื่อมเสีย

เหอตงอ๋องก้มหน้าลงพลางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ไป๋ชิงเหยียนคิดยกระดับฐานะของสตรีจริงๆ ด้วย

เช่นนี้การที่เขาส่งคนไปเป่าหูเหล่าบัณฑิตในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ก็ไม่เสียเวลาเปล่าแล้ว เขาสามารถหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นได้

เมื่อขุนนางอ่านราชโองการจบ บรรดาขุนนางของต้าโจวต่างคุกเข่าคำนับแนบพื้น

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ต้าโจวเจริญรุ่งเรืองหมื่นปี!”

พิธีบรมราชาภิเษกเสร็จสิ้นลงท่ามกลางความตกตะลึงของทูตจากแคว้นต่างๆ

เมื่อพิธีสิ้นสุดลง ถัดมาคืองานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตของทุกแคว้น ครอบครัวของบรรดาขุนนางรออยู่ที่ตำหนักเซวียนหมิงซึ่งเป็นตำหนักสำหรับจัดงานเลี้ยงแล้ว พวกนางนั่งสนทนากันอยู่ตรงที่นั่งของตัวเองเบาๆ

เมื่อสตรีตระกูลสูงศักดิ์ที่มีความรู้เรื่องบทกวีและวรรณกรรมได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนจะเปิดสำนักศึกษาสำหรับสตรีและอนุญาตให้สตรีเข้ารับราชการก็ตื่นเต้นจนมือทั้งสองข้างสั่นระริก ทว่า มารยาทที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดีเป็นเวลาหลายปีทำให้พวกนางควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ พวกนางนั่งยิ้มอยู่ตรงที่นั่งของตัวเอง ในใจเอาแต่คิดว่าในที่สุดพวกนางก็จะได้เข้ารับราชการเหมือนบิดาและทำให้ท่านภูมิใจได้เสียที

บรรดาฮูหยินของตระกูลสูงศักดิ์ล้วนเป็นคนรู้ความ พวกนางรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังจะยกฐานะของสตรีในแคว้นให้สูงขึ้น สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผลเพราะไป๋ชิงเหยียนเองก็เป็นสตรีเช่นเดียวกัน

ภายในตำหนักเซวียนหมิงเต็มไปด้วยเสียงถกเถียงเรื่องการปกครองระบอบใหม่ของไป๋ชิงเหยียนและเรื่องการอนุญาตให้สตรีเข้ารับราชการ

การปกครองระบอบใหม่มีข้อหนึ่งสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ หากสตรีหม้ายมีบุตร ห้ามคนในตระกูลบรรพบุรุษของสามีแย่งสมบัติของสามีนางไปจากนางเด็ดขาด หากพ่อแม่สามีของสตรีหม้ายยังมีชีวิตอยู่แล้วสตรีหม้ายคิดแต่งงานใหม่ สินเดิมจะตกเป็นของสตรีหม้ายทั้งหมด ส่วนสมบัติของสามีจะถูกแบ่งให้พ่อแม่สามีครึ่งหนึ่ง หากสตรีหม้ายไม่คิดแต่งงานใหม่ สินเดิมและสมบัติของสามีจะตกเป็นของสตรีหม้ายทั้งหมด เมื่อเริ่มมีการผลักดันใช้การปกครองระบอบใหม่นี้ เหล่าบัณฑิตต่างก่นด่าว่าการกระทำเช่นนี้ขัดต่อศีลธรรมเดิมของแคว้น ทว่า ชาวบ้านกลับตื่นเต้นกับการปกครองระบอบนี้มาก

ทว่า เหล่าขุนนางรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนทำเช่นนี้เพราะต้องการเพิ่มจำนวนประชากรของแคว้น ตอนนี้ทุกแคว้นกำลังทำสงครามกันอยู่ เหล่าทหารเสียชีวิตในสงครามไปมากมาย สตรีหม้ายมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นมาก

สตรีต้องดูแลบุตรและต้องจัดการดูแลไร่นาของตัวเอง หลายครอบครัวขาดแรงงานหลักประจำบ้านไปจนไร่นากลายเป็นที่ดินแล้ง

สตรีจำนวนไม่น้อยถูกตระกูลบรรพบุรุษของสามีแย่งสมบัติไปหลังจากสามีเสียชีวิตลงจนนางและบุตรเสียชีวิตลงเพราะความอดอยากตามข้างถนน แม้กระทั่งตระกูลไป๋เองยังเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้เหมือนกัน

การปกครองระบอบใหม่ของไป๋ชิงเหยียนทุกข้อล้วนทำลายผลประโยชน์ของตระกูลเก่าแก่ เรียกได้ว่าส่งผลกระทบมหาศาลทีเดียว

หลี่หมิงรุ่ยอธิบายรายละเอียดของการปกครองระบอบใหม่เหล่านี้ให้ชาวบ้านฟังด้วยตัวเอง เขาสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่เพื่อความอยู่รอดของตัวเองและบุตร แม้ทุกคนจะเข้าใจเหตุผลดี ทว่า บุรุษคนใดในใต้หล้ายินดีให้ภรรยาของตัวเองหอบบุตรและสมบัติของตัวเองไปแต่งงานใหม่กัน

บรรดาสตรีที่นั่งอยู่ในตำหนักต่างถกเถียงกันอย่างตื่นเต้น พวกนางอยากลองเข้าร่วมการสอบขุนนางดูสักครั้งว่าจะสอบติดหรือไม่

สตรีหม้ายคนหนึ่งในตระกูลบรรพบุรุษไป๋มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ในฐานะเชื้อพระวงศ์ นางกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นด้วยใจที่เต้นรัว

ตอนที่กฎหมายใหม่ที่สนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ถูกประกาศใช้ หญิงสาวนึกว่าคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ทว่า วันนี้ไป๋ชิงเหยียนประกาศว่าจะเปิดสำนักศึกษาสำหรับสตรีและอนุญาตให้สตรีสอบคัดเลือกขุนนางเพื่อรับราชการทันทีที่ขึ้นครองราชย์สำเร็จ นางจะถือโอกาสนี้หนีไปจากตระกูลบรรพบุรุษไป๋ดีหรือไม่นะ ญาติผู้พี่ของนางยังไม่ได้แต่งงานใหม่นับตั้งแต่สูญเสียภรรยาของตัวเองไปเพราะรอนางอยู่ หากนางสามารถแต่งงานใหม่กับญาติผู้พี่ของตัวเองได้ พวกนางจะได้ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความเสียดายอีก

ฝ่ามือของสตรีหม้ายชื้นไปด้วยเหงื่อ หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดออก นางบอกกับตัวเองว่าห้ามรีบร้อน ควรรอให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยเสนอเรื่องนี้ออกมา

ไม่นานบรรดาทูตของแคว้นต่างๆ และขุนนางต้าโจวต่างทยอยกันเดินเข้าไปในตำหนัก บรรดาสตรีรีบใช้พัดกลมปิดบังใบหน้าของตัวเองจนเห็นเพียงแค่ดวงตา พวกนางมองไปทางอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนและอ๋องหน้ากากผีที่ต่างสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าด้วยความสนใจ

ทุกคนสนใจอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนเพราะอดีตจักรพรรดิต้าเยี่ยนมู่หรงอวี้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งของใต้หล้า อย่างน้อยตอนนี้สตรีที่นั่งอยู่ในตำหนักก็ยังไม่เคยพบบุรุษคนใดที่รูปงามไปกว่ามู่หรงอวี้อีกแล้ว พวกนางอยากรู้ว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากของอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนจะเหมือนกับพี่ชายของเขามากน้อยเพียงใด

ทุกคนสนใจอ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋เพราะได้ยินมาว่าใบหน้าของเขาอัปลักษณ์มาก บรรดาสตรีตระกูลสูงศักดิ์ที่ไม่ค่อยเห็นโลกภายนอกสักเท่าใดอยากรู้ว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากของเขาจะอัปลักษณ์สักเพียงใด

ส่วนหลี่จือเจี๋ย บรรดาสตรีที่นั่งอยู่ในตำหนักแห่งนี้เคยพบเขามาก่อนแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงไม่ได้สนใจใคร่รู้มากนัก

หลี่จือเจี๋ยถือโอกาสที่ต้าเยี่ยนเคยบอกซีเหลียงว่าต้าเยี่ยนตกลงทำสัญญากับหรงตี๋ไว้ผูกมิตรกับต้าเยี่ยน เขาสนทนาเรื่องการปกครองระบอบใหม่ของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวกับอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยน

“จักรพรรดินีแห่งต้าโจวเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์แท้ๆ กลับประกาศใช้การปกครองระบอบใหม่ที่ทำลายประเพณีและผลประโยชน์ของตระกูลเก่าแก่เช่นนี้ นางใจร้อนเกินไปจนขาดความรอบคอบ หากไม่ใช่เพราะมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ นางคงยากที่จะอยู่บนบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงแน่” หลี่จือเจี๋ยนั่งอยู่หน้าโต๊ะเล็กพลางใช้พัดกลมพัดไปมาเป็นพักๆ

อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนสวมหน้ากากนั่งอยู่ข้างๆ กัน เขากล่าวออกมาช้าๆ “จักรพรรดิของแคว้นใดไม่ได้ขึ้นครองราชย์สำเร็จเพราะมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือบ้าง ตอนที่ซีเหลียงเกิดความวุ่นวาย หากเหยียนอ๋องไม่ได้นำทัพไปคุ้มกันจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง เกรงว่านางคงนั่งบนบัลลังก์ได้ไม่มั่นคงเช่นเดียวกัน”

หลี่จือเจี๋ยหัวเราะออกมาเบาๆ เขากวาดสายตามองไปยังร่างของเซียวหรงเหยี่ยนที่นั่งอยู่ทางด้านหลังมู่หรงเหยี่ยน “ได้ยินว่าเซียวเซียนเซิงผู้นี้หมั้นหมายกับจักรพรรดินีแห่งต้าโจวแล้ว วันนี้ท่านอ๋องเก้าพาเซียวเซียนเซิงมาด้วยเพราะต้องการเชื่อมไมตรีกับต้าโจวหรือพ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดทรงไม่ให้จักรพรรดิแห่งต้าเยียนพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เซียวเซียนเซิงเล่าพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้สองแคว้นจะได้เชื่อมไมตรีกันได้”

หลี่จือเจี๋ยต้องการผูกมิตรกับเซียวหรงเหยี่ยน เขาก้มศีรษะทักทายชายหนุ่มยิ้มๆ

*****************************