บทที่ 995 เจียงเจวี๋ยซื่อปะทะเต้าจื้อจุน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 995 เจียงเจวี๋ยซื่อปะทะเต้าจื้อจุน

ณ สนามต่อสู้กลางห้วงอวกาศ หานมิ่งในชุดดำเรียกมีดบินเล่มหนึ่งออกมา ลอยวนอยู่กลางฝ่ามือเขา

เบื้องหน้าเขา ไกลออกไปร้อยลี้มีอริยะมหามรรคคนหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างคล้ายมนุษย์ สวมชุดนักพรตเต๋าขนนกสีเขียว แต่ช่วงศีรษะกลับดูคล้ายวิหคปีศาจชนิดหนึ่ง

“อริยะเสรีอย่างนั้นหรือ เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้เถอะ ประเมินตัวเองบ้าง ข้ารู้ว่าเจ้ามาจากสำนักซ่อนเร้น ได้ยินว่าเป็นน้องชายแท้ๆ ของอริยะสวรรค์เกรียงไกรเช่นนั้นหรือ”

อริยะชุดนักพรตเอ่ยขึ้นมา สุ้มเสียงราบเรียบ ไม่ได้ดูแคลนและไม่ได้กริ่งเกรง

หานมิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ามมีนามว่าหานมิ่ง ข้าเข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาลเพื่อตัวข้าเอง อีกทั้งข้าก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นตัวแทนอริยะสวรรค์เกรียงไกรได้ มาเถอะ ต่อให้พ่ายแพ้ เจ้าก็ต้องทำลายข้าจนร่างสิ้นจิตสลาย ทำให้ข้าไม่หลงเหลือความอาลัย”

ห้วงมิตินี้ติดตั้งค่ายกลพิเศษไว้ เมื่อตกอยู่ในความเป็นความตายจะปกป้องเสี้ยววิญญาณสายหนึ่งของบุตรแห่งสวรรค์ไว้

พออริยะชุดนักพรตได้ฟังก็ไม่เสแสร้งเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้ทันที

หานมิ่งพลันแปลงกาย กลายเป็นกระแสวิญญาณมุดเข้าไปในมีดบิน เขาคือเทพมารวิญญาณ เมื่อต่อกรกับอริยะมหามรรคก็มีแต่ต้องใช้มหามรรควิญญาณเข้าสู้!

มีดบินแยกร่างออกมานับไม่ถ้วน พุ่งเข้าโจมตีอริยะชุดนักพรตจากทิศทางที่ต่างกันไป

อริยะชุดนักพรตไม่ตระหนกแม้แต่น้อย ยกมือขึ้นสำแดงพลังวิเศษ มือขวาวาดเป็นวงด้านหน้า แสงทองวงหนึ่งปรากฏขึ้นมา

หานมิ่งที่กลายเป็นมีดบินนับไม่ถ้วนเห็นว่าจู่ๆ อริยะชุดนักพรตก็หายตัวไป แต่วงแสงสีทองยังคงอยู่

มีดบินนับไม่ถ้วนหมุนวนเวียนอย่างบ้าคลั่ง วนเวียนรอบวงแสงสีทอง ต้องการตามหาอริยะชุดนักพรต

“ผิดปกติ เขาไม่ได้หลบซ่อนตัว!”

หานมิ่งพลันรู้สึกตัวขึ้นมา ควบคุมมีดบินทั้งหมดให้พุ่งเข้าหาวงแสงสีทอง เวลานี้เอง วงแสงสีทองพลันหดตัวเลือนหายไป

อีกด้านหนึ่งของห้วงมิติ อริยะชุดนัดพรตรวบแขนเสื้อ อันที่จริงเขาไม่ได้หลบซ่อนตัวเลย แต่เขาใช้วิธีลักฟ้าเปลี่ยนตะวัน เคลื่อนย้ายหานมิ่งเข้าสู่มิติพลังวิเศษของตน

“จบลงเช่นนี้แล้วกัน นับว่าไว้หน้าอริยะสวรรค์เกรียงไกรด้วย”

อริยะชุดนักพรตพึมพำ น้ำเสียงสบายๆ

หานเจวี๋ยที่อยู่ในห้องโถงรู้สึกพูดไม่ออกเลย วางท่าเหลือเกิน!

ไยจะต้องกล่าวออกมาด้วย เช่นนี้ก็คือต้องการให้พวกเขาได้ยินกระมัง

แถมยังพูดตั้งสองรอบด้วย!

ยอดมหามรรคคนหนึ่งที่อยู่ด้านล่างยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เป็นเด็กน้อยของบ้านใดกันถึงได้มิรู้ความเช่นนี้ อริยะสวรรค์เกรียงไกรจำเป็นต้องให้เขาช่วยไว้หน้าด้วยหรือ”

พอเขาเอ่ยมาเช่นนี้ ผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ก็พากันเอ่ยเสียดสีเช่นกัน ดูคล้ายจะหยอกล้อแต่ความจริงกำลังเหน็บแนมอยู่

ผู้อาวุโสของอริยะชุดนักพรตรีบลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “อริยะสวรรค์โปรดอย่าถือโทษเลย ศิษย์ข้าปิดด่านมาตลอด ทัศนวิสัยคับแคบไม่เปิดกว้าง รอเขาสิ้นสุดการแข่งขันแล้ว ข้าจะสั่งสอนเขาแน่นอน!”

หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย ท่าทางไม่ใส่ใจ

สายตาของเขากลับไปมองจอบนฟากฟ้าอีกครั้ง การต่อสู้ยังไม่ได้จบสิ้น

ขณะที่อริยะชุดนักพรตรอให้การแข่งขันสิ้นสุดลงอยู่นั้นเอง พลันมีหมอกดำเล็ดรอดออกมาจากแขนเสื้อ กลายสภาพมาจากวิญญาณ ดูราวกับหนอนที่เริ่มชอนไชพัวพันร่างกายเขา เขาตกใจกระตุ้นพลังเวททันที คิดจะกำจัดทิ้ง

มหามรรควิญญาณตรงเข้าโจมตีวิญญาณของเขาที่อยู่ในส่วนลึก

ม่านตาของอริยะชุดนักพรตหดตัววูบ เงาร่างของหานมิ่งส่องสะท้อนออกมาจากด้านใน

“ไม่จบลงง่ายดายปานนั้นหรอก!”

“อริยะมหามรรคเช่นนั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเคยประลองกับอริยะมหามรรคมามากน้อยเพียงใดแล้ว”

เสียงของหานมิ่งแว่วดังขึ้นในหูของอริยะชุดนักพรต ทำให้อริยะชุดนักพรตหน้าเปลี่ยนสี

ผู้ทรงพลังภายในห้องโถงถูกการต่อสู้ในสนามนี้ดึงดูดแล้ว

อริยะเสรีต่อกรกับอริยะมหามรรค ล้วนจะปิดฉากลงอย่างรวดเร็วทั้งสิ้น ไม่คิดเลยว่าการต่อสู้นี้จะเกิดตัวแปรขึ้น

หานเจวี๋ยเอ่ยถามเสียงเบา “หลิงเอ๋อร์ เจ้าว่าผลตัดสินจะเป็นอย่างไร”

หานหลิงตอบไปว่า “หาน…ท่านอาจะแพ้เจ้าค่ะ ระดับห่างชั้นกันเกินไป พลังวิเศษยากจะชดเชยช่องว่างได้”

หานเจวี๋ยไม่ได้เอ่ยต่อ ยอมรับการวิเคราะห์ตัดสินโดยปริยาย

เสียงของเทพมหาทัณฑ์แว่วดังขึ้น “ต่อให้แพ้ แต่เขาก็แสดงศักยภาพของตนให้ประจักษ์แล้ว นอกเหนือจากคุณสมบัติในการบำเพ็ญแล้ว พรสวรรค์ในการต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ข้าคิดว่าสามารถเข้ามาเป็นเทวทัณฑ์ที่หกได้”

วาจาของเขาทำให้ผู้ทรงพลังทั้งหมดมีสีหน้าตกตะลึง

เทวทัณฑ์ นั่นคือตำแหน่งที่สูงกว่าดวงจิตมหามรรคเสียอีก เพียงแต่มีอำนาจไม่เท่าดวงจิตมหามรรคเท่านั้น ถึงอย่างไรดวงจิตมหามรรคต่างก็ดูแลปกครองอาณาเขตแต่ละแห่ง

เหล่าผู้ทรงพลังนึกอิจฉาอยู่ในใจ ทว่าไม่กล้าพูดอะไร ถึงอย่างไรหานมิ่งก็เป็นน้องชายของอริยะสวรรค์เกรียงไกร อีกอย่างหานมิ่งก็แสดงศักยภาพให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่ามีคุณสมบัติเพียงพอจริงๆ

การต่อสู้ดำเนินอยู่ครึ่งชั่วยาม ในที่สุดหานมิ่งก็พ่ายแพ้

อันที่จริงก็ไม่ได้เหนือไปจากความคาดหมายเลย อีกทั้งคู่ต่อสู้ก็มิใช่อริยะมหามรรคทั่วไป เดิมทีก็เป็นบุตรแห่งสวรรค์ผู้เลิศล้ำที่ฝ่าฟันเหยียบย่ำโครงกระดูกมากมายจนมาถึงวันนี้ได้

หลังจากหานมิ่งถูกส่งตัวกลับมายังเมืองทศพิธ เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นก็พากันออกไปต้อนรับ หลังจากทราบผลก็ไม่ได้ปลอบใจอะไร กลับยินดีในความโชคร้ายของเขา หานมิ่งจึงไม่ได้รับแรงกดดันเลย

คนที่เอ่ยถากถางเขามากที่สุดก็คือไก่คุกรัตติกาล ไก่คุกรัตติกาลขุ่นเคืองฉุนเฉียว รู้สึกว่าหานมิ่งสมควรตกรอบมาเป็นเพื่อนมันตั้งนานแล้ว

เข้าใกล้อันดับร้อยศักดาเข้าไปเรื่อยๆ แล้ว

หลายวันต่อมา ในที่สุดก็ผลตัดสินร้อยศักดาก็ปรากฏแล้ว

มีอริยะมหามรรคไม่น้อยที่ถูกจัดการไปล่วงหน้า ออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าอนาถ แต่ในบรรดานี้ไม่มีศิษย์สำนักซ่อนเร้นเลย ศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นที่มาถึงจุดนี้แทบจะเป็นผู้ครองมหาโชคและเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งสิ้น ไหนเลยจะพ่ายแพ้ได้

พอตัดสินอันดับร้อยศักดาได้ รายชื่อก็ปรากฏขึ้นที่เมืองทศพิธ

เทพมหาทัณฑ์ตั้งใจให้ร้อยศักดาได้พักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งเดือน แล้วจะเริ่มประลองกันในเดือนถัดไป

จากนี้จะเป็นการประลองกันตัวต่อตัว พ่ายแพ้จะตกรอบไป เฟ้นหาสิบยอดฟ้า ในระหว่างนั้นสามารถท้าทายข้ามขั้นได้ แต่ผู้ที่ท้าทายข้ามขั้นจะไม่ได้เป็นสิบยอดฟ้าในทันที เมื่อถึงเวลาจะต้องเลือกประลองกับผู้ชนะคนหนึ่งแบบตัวต่อตัว

เมื่องานชุมนุมฟ้าบุพกาลดำเนินมาถึงจุดนี้ ทุกการต่อสู้ล้วนจะกลายเป็นการต่อสู้ดุเดือดที่สะท้านเทือนอดีตและปัจจุบันได้

เทพมหาทัณฑ์สร้างสนามประลองขึ้นมาเพียงแห่งเดียว เพื่อให้สรรพสิ่งในเมืองทศพิธได้ชมความสง่างามทรงพลังของบุตรแห่งสวรรค์ร้อยศักดาอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน

ผู้ที่ได้ประลองเป็นอันดับแรกคือหานทั่ว ส่วนคู่ต่อสู้ของเขาคือเทวทัณฑ์อีกคนหนึ่ง

ฐานะของทั้งสองฝ่ายทำให้ผู้ชมฮือฮาขึ้นมา เทพมหาทัณฑ์จงใจเช่นนั้นหรือ

กลัวคนนอกจะครหาว่าเขาทำตัวมีนอกมีในหรือไร

แต่เช่นนี้ก็โหดร้ายเกินไปแล้ว!

เมื่อสองเทวทัณฑ์มองเห็นกันและกันก็ตะลึงงันไป

หานทั่วหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “น้องสี่ สถานการณ์เช่นนี้พวกเราต่างคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว มาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะดีใจยิ่ง!”

เฮยฝาเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ขอรับ ถึงแม้จะเคยประลองกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ข้าก็อยากเอาชนะเจ้ามาตลอด!”

หานทั่วลงมือก่อน เขาทราบดีว่าหากเขาไม่ลงมือ ทั้งสองฝ่ายก็จะเอาแต่เกรงใจกันไปมา

ห้าเทวทัณฑ์งามสง่าน่าเกรงขาม ไหนเลยจะทำตัวเหมือนเด็กน้อยต่อหน้าคนอื่นได้

พลังของทั้งสองมีความห่างชั้นกัน ผลลัพธ์จึงไม่เหนือไปจากที่คาดการณ์ไว้

คนที่หานเจวี๋ยให้ความสนใจคือหานฮวง หวงจุนเทียน จ้าวซวงเฉวียนและชิงเทียนเสวียนจี

สองคนหลังถึงตบะจะไม่นับว่าเลิศล้ำ แต่ในแง่ของภูมิหลังยังคงยิ่งใหญ่กว่าอู๋เซียงเทียนเซี่ยมากนัก โดยเฉพาะจ้าวซวงเฉวียน

หลายวันต่อมา การแข่งขันในหมู่ร้อยศักดาผ่านไปเจ็ดรอบแล้ว

มาถึงรอบที่แปด

เจียงเจวี๋ยซื่อปะทะเต้าจื้อจุน!

ศึกนี้ได้รับความสนใจจากคนมากมายยิ่ง รวมถึงหานเจวี๋ยด้วย

“ทั้งสองล้วนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง”

หานหลิงพึมพำ นางเคยพบเจียงเจวี๋ยซื่อมาแล้ว แต่เพิ่งเคยเห็นเต้าจื้อจุนเป็นครั้งแรก

หานเจวี๋ยก็มีสีหน้าคาดหวังเช่นกัน

ช่วงที่ผ่านมาเต้าจื้อจุนฝึกบำเพ็ญอยู่ในโลกมหามรรคอวิชชามาตลอด ดูเหมือนจะได้ผลจริงๆ

อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคปะทะมหาโชคแต่กำเนิด!

ท่ามกลางห้วงอวกาศ ทั้งสองสบตากันจากระยะไกล

เจียงเจวี๋ยซื่อและเต้าจื้อจุนเคยพบกันมาแล้ว แต่เคยพูดคุยกันน้อยยิ่ง ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกันเร็วขนาดนี้

เต้าจื้อจุนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องเจียง หลายปีมานี้เจ้ามีชื่อเสียงเลื่องฟ้าบุพกาลไม่น้อยเลย อย่าทำให้ศิษย์พี่ผิดหวังเสียเล่า ข้าก็คิดเช่นเดียวกับหานทั่ว หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าก็ดีใจยิ่ง!”

เจียงเจวี๋ยซื่อยกมือขวาขึ้นมา ยิ้มพลางกล่าวไปว่า “ศิษย์พี่เต้า พวกเรามาจากสำนักเดียวกัน ข้าก็ไม่เกรงใจท่านแล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะมีชัย ก็หวังว่าจะสร้างแรงกดดันให้ศิษย์น้องหวงได้บ้าง อย่าปล่อยให้เขาคว้าตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคไปครองได้ง่ายๆ!”