ตอนที่ 948 ลอบสังหาร

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 948 ลอบสังหาร

ไป๋ชิงเหยียนคือสตรีที่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี บัดนี้หญิงสาวกำลังปฏิรูปการปกครองระบอบใหม่ในแคว้นของตัวเอง สิ่งที่ต้องกังวลที่สุดก็คือความมั่นคงในราชสำนัก

เมื่ออวิ๋นเทียนเอ้าเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้มีท่าทีสนใจเมืองที่ซีเหลียงมอบให้เหล่านั้น มือของเขาจึงเริ่มสั่นระริกทันที เขาหลับตาลงนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่คุณชายสิบเจ็ดร้องเพลงประจำกองทัพไป๋ออกมาแม้ใกล้ตาย เขาจะพ่ายแพ้เด็กที่อายุเพียงสิบขวบได้อย่างไรกัน!

อวิ๋นเทียนเอ้าสูดหายใจเข้าปอดลึก ลุกขึ้นยืน…

“นั่งลง! ทำตัวเหิมเกริมต่อหน้าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเช่นนี้ได้อย่างไร!” สีหน้าของหลี่จือเจี๋ยเปลี่ยนไปทันที เขารีบกดบ่าให้อวิ๋นเทียนเอ้านั่งลงตามเดิม

อวิ๋นเทียนเอ้าเงยหน้ามองหลี่จือเจี๋ย หลี่จือเจี๋ยเบนสายตาหนี จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยรอยยิ้มเช่นเดียว เขาปล่อยมือออกจากบ่าของอวิ๋นเทียนเอ้าพลางกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “ในสนามรบดาบไม่มีตา แม้แม่ทัพอวิ๋นจะทำเกินเลยไปบ้าง ทว่า เมื่อสองแคว้นทำสงคราม พวกเราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชัยชนะมาครอบครอง ฝ่าบาทคือแม่ทัพที่เคยออกรบ ฝ่าบาทน่าจะทรงเข้าใจเหตุผลนี้ดีพ่ะย่ะค่ะ”

“ไร้สาระ!” ไป๋จิ่นเจากล่าวเสียงเย็น “ถึงแม้กองทัพไป๋ของข้าจะทำศึกแบบไม่หน่ายเล่ห์ ทว่า พวกเราไม่เคยใช้วิธีที่ไร้ความเป็นมนุษย์เช่นนี้ กองทัพและแม่ทัพของแคว้นศัตรูทุกคนคือคนที่น่ายกย่องสำหรับกองทัพไป๋ ทว่า การกระทำของอวิ๋นพั่วสิงไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ เขายังกล้าเรียกตัวเองว่าแม่ทัพได้อย่างไรกัน ช่างทำให้คำว่าแม่ทัพเสื่อมเสียจริงๆ!”

ไป๋ชิงเหยียนยกมือสื่อให้ไป๋จิ่นเจาอย่าเพิ่งอารมณ์ร้อน จากนั้นหญิงสาวหันไปเห็นหลิ่วหรูซื่อชูสาสน์ในมือขึ้นพลางลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวขึ้นยิ้มๆ “หากซีเหลียงทำเพราะต้องการขอโทษ ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าต้าโจวสามารถรับเมืองทั้งสิบแปดนี้ไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ ส่วนเรื่องทำสัญญาผูกมิตร…คงต้องดูความจริงใจของซีเหลียงพ่ะย่ะค่ะ”

หลิ่วหรูซื่อชูสาสน์ในมือขึ้นด้วยมือข้างเดียงพลางมองไปทางหลีจือเจี๋ยยิ้มๆ “กระหม่อมได้ยินว่าหรงตี๋ต้องการบุกโจมตีซีเหลียง อีกทั้งทำสัญญากับต้าเยี่ยนไว้แล้วว่าต้าเยี่ยนห้ามเข้ามาเกี่ยวข้องในสงครามครั้งนี้ ทำได้เพียงมองดูเฉยๆ เท่านั้น! ซีเหลียงมอบดินแดนสิบแปดแห่งเป็นของขวัญให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวในวันขึ้นครองราชย์เช่นนี้เพราะรู้แน่ว่าเมื่อหรงตี๋ทำสัญญากับต้าเยี่ยนแล้ว พวกเขาต้องโจมตีซีเหลียงแน่นอน บังเอิญว่าพวกเราดันมีสัญญาสามปีกับอวิ๋นพั่วสิงอยู่พอดี ซีเหลียงกลัวว่าตัวเองจะถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่ายขณะทำสงครามกับหรงตี๋อยู่จึงตัดสินใจมอบดินแดนสิบแปดแห่งนี้ให้ต้าโจวใช่หรือไม่”

หลี่จือเจี๋ยหันไปมองหลิ่วหรูซื่อ หลิ่วหรูซื่อก้มศีรษะคำนับน้อยๆ

หลี่จือเจี๋ยเกลียดหลิ่วหรูซื่อผู้นี้เข้ากระดูกดำ ชายหนุ่มรู้สึกว่าหลิ่วหรูซื่อไม่ได้หน้าตาหล่อเหลาเหมือนที่เคยคิดอีกแล้ว ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเกลียดขี้หน้าเขามากขึ้นทุกที

“สิ่งที่ใต้เท้าหลิ่วกล่าวมาถือเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง” หลี่จือเจี๋ยกล่าวจบจึงหมุนกายไปทางไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นกล่าวอย่างอ่อนน้อม “เมื่อต้าโจวปราบต้าเหลียงได้สำเร็จ ต้าโจวกลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่เหนือแคว้นอื่นอย่างไม่มีข้อกังขา บัดนี้ซีเหลียงเป็นเพียงแคว้นเล็กๆ ที่อ่อนแอ พวกเราสูญเสียทหารยอดฝีมือนับแสนไปในสงครามที่หุบเขาเวิ่ง บัดนี้พวกเราไม่มีอำนาจต่อกรกับต้าโจวได้อีกแล้ว ส่วนต้าโจวเพิ่งยึดครองต้าเหลียงมาได้ อีกทั้งเพิ่งเกิดความวุ่นวายภายในแคว้น ที่สำคัญราชวงศ์ใหม่เพิ่งถูกสถาปนาขึ้น ต้าโจวกำลังปฏิรูปการปกครองภายในแคว้นใหม่คงต้องการการพักฟื้นเช่นเดียวกัน เมื่อสองแคว้นทำสัญญาสงบศึก พวกเราจะได้อยู่อย่างสันติสุขกันทั้งสองฝ่ายขอรับ”

“เหยียนอ๋องต้องการจะสื่อว่าต้าโจวของเรากลัวซีเหลียงบุกมาโจตีอย่างนั้นหรือ” หลิ่วหรูซื่อหัวเราะเสียงเย็น “เช่นนั้นเหตุใดเหยียนอ๋องต้องตัดใจยกเมืองสิบแปดเมืองให้ต้าโจวด้วย ให้อวิ๋นพั่วสิงนำทัพบุกมาโจมตีต้าโจวเลยก็สิ้นเรื่อง!”

อวิ๋นเทียนเอ้าผุดลุกขึ้นยืน จากนั้นถลาเข้าไปคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นกลางท้องพระโรง หลี่จือเจี๋ยรั้งเขาไว้ไม่ทัน

ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตามองอวิ๋นเทียนเอ้าอย่างรู้ดีว่าเขาต้องการทำสิ่งใด หญิงสาวหันไปมองเว่ยจง…

เว่ยจงพยักหน้า จากนั้นลอบเดินลงไปจากบันไดของบัลลังก์ช้าๆ

“กระหม่อมคืออวิ๋นเทียนเอ้าหลานชายของอวิ๋นพั่วสิงพ่ะย่ะค่ะ ครั้งนี้กระหม่อมติดตามเหยียนอ๋องมามอบดินแดนทั้งสิบแปดเมืองให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวเพื่อทำสัญญาเป็นพันธมิตรกัน หากจักรพรรดินียังไม่หายแค้นเรื่องของคุณชายสิบเจ็ดแห่งตระกูลไป๋ ท่านปู่ของกระหม่อมทำกับคุณชายสิบเจ็ดของตระกูลไป๋เช่นไร วันนี้กระหม่อมก็จะทำเช่นนั้นกับตัวเองเพื่อระบายความโกรธแค้นในใจของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว หวังว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะเห็นแก่ชาวบ้านของทั้งสองแคว้น ยอมรับเมืองที่ซีเหลียงมอบให้เพื่อให้ชาวบ้านของทั้งสองแคว้นได้อยู่กันอย่างสงบสุขด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบอวิ๋นเทียนเอ้าล้วงกริชออกมาจากอกพลางแทงไปที่ท้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว

“เพล้ง!”

กริชของอวิ๋นเทียนเอ้ายังไม่ทันแทงลงไปที่ท้องของตัวเองก็ถูกอาวุธลับที่ไม่รู้ลอยมาจากทางทิศใดกระแทกจนกระเด็นออกไปไกลเสียก่อน ร่างของอวิ๋นเทียนเอ้าถูกกระแทกอย่างแรงจนล้มลงบนพื้น

ฮูหยินสองหลิวซื่อที่เหม่อลอยอยู่ได้สติขึ้นมาเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันตรงหน้าทันที นางรีบเอื้อมมือไปจับฮูหยินสี่หวังซื่อแน่นเพราะกลัวว่าหวังซื่อผู้อ่อนแอจะตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้า หวังซื่อลูบมือที่กำสร้อยพระอยู่ไปที่หลังมือของหลิวซื่อเบาๆ จากนั้นกุมไว้หลวมๆ สื่อให้หลิวซื่อรับรู้ว่าตนสบายดี

หลิวซื่อจึงได้สตินึกขึ้นได้ว่าตอนนี้น้องสะใภ้สี่ของนางไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแล้ว อาเจวี๋ยกลับมาแล้ว

หลิวซื่อนึกถึงคุณชายสามไป๋ชิงที่ฉีคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินห้าฉีซื่อพลางกอดมารดาของตัวเองแน่นทั้งน้ำตาเมื่อครู่…

นึกถึงคุณชายเก้าไป๋ชิงอวิ๋นที่พยายามลุกขึ้นจากรถเข็นเพื่อคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินสามหลี่ซื่อ

บัดนี้บุตรชายของครอบครัวนายท่านสาม นายท่านสี่และนายท่านห้ากลับมาอย่างละคนแล้ว แล้วบุตรชายของนางเล่า! บุตรชายของครอบครัวนายท่านใหญ่เล่า! พวกเขาจะกลับมาเช่นเดียวกันใช่หรือไม่

หลิวซื่อที่ดวงตาบวมก่ำมองไปทางร่างของต่งซื่อที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงสุดกับไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นต่งซื่อยังมีสีหน้าราบเรียบปกติ หลิวซื่อจึงพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเช่นเดียวกัน บุตรชายของครอบครัวนายท่านใหญ่ไม่ได้กลับมา ต่งซื่อยังทนได้ นางก็ต้องทนให้ได้เช่นเดียวกัน!

หลิวซื่อเชื่อว่าในเมื่ออาฉี อาเจวี๋ยและอาอวิ๋นกลับมาได้ ทายาทคนอื่นของตระกูลไป๋ที่ยังไม่เห็นศพก็ต้องกลับมาได้เช่นเดียวกัน อาอวี๋ของพี่สะใภ้ใหญ่ อาฉยง อาเวิน อาฮุย อาเฟิงของนางก็ต้องกลับมาได้เช่นเดียวกัน!

บัดนี้อาเป่าขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแล้ว บรรดาอาสะใภ้อย่างพวกนางต้องคอยช่วยเหลืออาเป่า ไม่ให้บรรดาอ๋องที่คิดว่าตัวเองอาวุโสกว่าอาเป่ารังแกอาเป่าได้!

อวิ๋นเทียนเอ้ายังไม่ทันได้หยิบกริชขึ้นมาอีกครั้งก็ถูกเสิ่นคุนหยางจับกุมตัวไว้เสียก่อน เขาถูกกดลงบนพื้นกระเบื้องที่ถูกขัดจนมันวาวของตำหนักใหญ่

“เหยียนอ๋อง ซีเหลียงคงไม่ได้ต้องการทำสัญญาสงบศึกแล้วกระมัง…” ไป๋ชิงเหยียนจับขอบโต๊ะทั้งสองข้างแน่น ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ซีเหลียงต้องการทำให้เราเสียหน้าในเวลาเช่นนี้ต่างหาก!”

นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋ชิงเหยียนใช้คำว่า “เรา” ในฐานะจักรพรรดินี แววตาของหญิงสาวเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

หลี่จือเจี๋ยคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ อวิ๋นเทียนเอ้าเป็นคนใจร้อน เขาอยากปกป้องแคว้นของตัวเองมากเกินไป ฝ่าบาทได้โปรดอภัยให้เขาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นที่เหยียนอ๋องให้ไป๋สุ่ยอ๋องยืมมือสังหารของซีเหลียง ให้พวกเขาแฝงตัวอยู่ในตำหนักเฉียนคุนเพื่อลอบสังหารเราก็เป็นเพราะใจร้อน อยากปกป้องแคว้นของตัวเองด้วยสินะ!”

หลี่จือเจี๋ยกำหมัดแน่นพลางแสร้งแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา “เหตุใดฝ่าบาทจึงตรัสเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหวาดกลัวและไม่เข้าใจจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“หวาดกลัวอย่างนั้นหรือ เก็บความหวาดกลัวของท่านไว้ก่อน วันหน้าท่านได้ใช้มันแน่!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งไป๋จิ่นซิ่ว “พาตัวไป๋สุ่ยอ๋องเข้ามา!”

สีหน้าของเหอตงอ๋องเคร่งเครียดลงทันที ไป๋สุ่ยอ๋องก่อกบฏ คิดสังหารฝ่าบาทในตำหนักเฉียนคุนอย่างนั้นหรือ!

ไป๋ชิงเหยียนจงใจใส่ร้ายไป๋สุ่ยอ๋องเพื่อหาข้ออ้างกำจัดอ๋องอย่างพวกเขาหรือไป๋สุ่ยอ๋องต้องการอาศัยกองทัพของอ๋องทั้งห้าที่รออยู่ที่นอกเมืองขึ้นครองราชย์เองกันแน่นะ

เขานึกถึงภาพที่ไป๋จิ่นซิ่วพากองทัพไป๋เดินออกมาจากตำหนักเฉียนคุนขึ้นมาได้ทันที เสื้อผ้าของทหารบางคนยังมีรอยเลือดติดอยู่เลย

“หากฝ่าบาททรงต้องการกำจัดอ๋องอย่างพวกกระหม่อมก็ตรัสมาตามตรงได้เลยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมนั่งลงปรึกษากับฝ่าบาทก็สิ้นเรื่อง เหตุใดจึงต้องใส่ร้ายไป๋สุ่ยอ๋องเช่นนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” กว่างอันอ๋องกล่าวเสียงเย็น

——————————-