บทที่ 969 ไม่ว่าใครก็เหมือนกันหมด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 969 ไม่ว่าใครก็เหมือนกันหมด

บทที่ 969 ไม่ว่าใครก็เหมือนกันหมด

กู้ฉวนลู่จ้องมองนางและพูดอย่างไม่พอใจ “ถ้าปล่อยให้นางเข้าใจเรื่องของเหวินเอ๋อร์ผิดก็อย่าโทษว่าข้าเป็นพ่อที่โหดเหี้ยม”

ในท้ายที่สุด ไม่ว่ากู้ฉวนลู่จะใส่ใจกู้ซินเถามากแค่ไหน เขาก็ไม่ต้องการทำให้อนาคตของกู้จือเหวินล่าช้าออกไปเพราะกู้ซินเถา

สายตาของกู้ฉวนลู่ที่มองซุนซื่อเป็นครั้งสุดท้ายนั้นเฉียบคม มันเลวร้ายเสียจนราวกับว่าร่างกายของซุนซื่อตกลงไปในน้ำแข็ง

นางแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่และถอยหลังไป โชคดีที่มีโต๊ะข้างหลังขวางไว้ นางจึงไม่ล้มลง

“หัวหน้าครอบครัว ซินเถาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าเช่นกัน” จากนั้นก็เห็นว่ากู้ฉวนลู่ไม่หันกลับมามองและเดินออกไป ซุนซื่อก็พิงโต๊ะและส่งเสียงโอดครวญอย่างโศกเศร้า

นางทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลรินราวกับสร้อยลูกปัดที่ด้ายขาด ตัวเองไม่ควรให้กำเนิดกู้ซินเถาออกมาเลย

ในสายตาของกู้ฉวนลู่ ทั้งซุนซื่อและกู้ซินเถาไม่สามารถเทียบกับกู้จือเหวินได้

ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบใดที่ขวางกั้นอนาคตของกู้จือเหวิน เขาก็จะเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้

แม้ว่าคนคนนี้จะเป็นลูกสาวของเขา ภรรยาของเขา เขาก็สามารถลงมือได้อย่างไร้ความปรานี

ถ้อยคำที่กู้ฉวนลู่พูดออกมานั้นช่างทำให้คนฟังเสียใจ

โชคดีที่กู้ซินเถาไม่ได้อยู่ที่นี่ในขณะนี้ หากนางได้ยินคำพูดดังกล่าว เกรงว่านางอาจจะตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกับกู้ฉวนลู่ทันที

ซุนซื่อยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่กู้ฉวนลู่พูดในเมื่อครู่ กู้จือเหวินคือเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง และกู้ซินเถาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางเช่นกัน

หากสิ่งเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับกู้ซินเถา มันจะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อกู้จือเหวิน แต่สำหรับกู้ซินเถาคือชั่วชีวิต

ซุนซื่อเช็ดน้ำตา นางลุกขึ้นจากพื้นทันทีและกลับไปที่ห้อง เก็บของอย่างลวก ๆ แล้วออกจากบ้านไป

สมาชิกสามคนของครอบครัวใหญ่ของตระกูลกู้ แต่ละคนมีความคิดซ่อนเร้น ออกไปเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และบนถนนสายนี้ ยิ่งเดินก็ยิ่งไกลขึ้นเรื่อย ๆ

ทันทีที่กู้ซินเถาได้ยินว่าฉินเย่จือกลับมา นางก็มีความสุขมาก นางออกจากบ้านและไปที่สวนกู้ แต่หลังจากเดินไปหลายสิบก้าว นางก็ตระหนักได้ว่าฉินเย่จือเคยปฏิบัติต่อตัวเองอย่างเย็นชา ดังนั้นจึงหยุดทันที เปลี่ยนทิศทางและวิ่งไปที่ตระกูลเจียง

กู้ซินเถาเป็นน้องสาวคนสนิทของหลิวเทียนฉือ และเป็นผู้หญิงคนโปรดของเจียงหย่วน ฮูหยินเจียงจึงต้องหลับตาข้างหนึ่ง

หลิวเทียนฉือไม่ได้พูดอะไรและเข้ากันได้ดีกับกู้ซินเถา แล้วแม่สามีในอนาคตเช่นนางจะสนใจอะไร

อย่างไรก็ตาม นางจะแค่แต่งงานเข้ามาในฐานะอนุภรรยาเท่านั้น หาใช่ภรรยาเอกไม่

ฮูหยินเจียงจึงหลับตาข้างหนึ่ง และแสร้งทำไม่ได้สนใจสิ่งใด

ผู้คนในตระกูลเจียงต่างก็ยอมรับในความสัมพันธ์ของเจียงหย่วนกับกู้ซินเถา

เมื่อเห็นกู้ซินเถากำลังมา คนรับใช้ที่ประตูก็พยักหน้าทันที เขาคำนับและเดินนำกู้ซินเถาเข้าไป

กู้ซินเถาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาหาเจียงหย่วน แต่คราวนี้นางมาหาหลิวเทียนฉือ

เมื่อมาถึงลานบ้านของหลิวเทียนฉือก็ได้ยินเสียงชามกระเบื้องแตกพร้อมกับเสียงตวาดอันดุร้าย “เจ้าทำอะไรลงไป ซุ่มซ่ามอะไรเช่นนี้ น้ำร้อนขนาดนั้น นี่เจ้าจะลวกคุณหนูของข้าให้ตายอย่างนั้นหรือ?”

เป็นเสียงของเสี่ยวเถา

สาวรับใช้บ้าคนนี้กำลังอาศัยบารมีของเจ้านายคอยเที่ยวรังแกคนอื่นอีกแล้ว

กู้ซินเถาและเสี่ยวเถาไม่ถูกกันมาโดยตลอด

เช่นเดียวกับเสี่ยวเถาที่ไม่ชอบกู้ซินเถาเช่นกัน

เสี่ยวเถาเท้าสะเอวตักเตือนสาวรับใช้สองคนอย่างเย่อหยิ่ง และมีถ้วยชาที่แตกกระจายอยู่บนพื้น

ท่าทางได้ใจของเสี่ยวเถาทำให้นางดูเหนือกว่าคนอื่น

“หึ ไม่ว่าเจ้าจะหยิ่งยโสเพียงใด เจ้าก็ยังเป็นสาวรับใช้คนหนึ่งและจะไม่มีวันหลุดพ้นสถานะทาสได้” กู้ซินเถาตะคอกอย่างเย็นชาในหัวใจ เสียงถอนหายใจอย่างเย็นชาและแววตาคู่นั้นตกอยู่ในสายตาของเสี่ยวเถา

เมื่อเห็นว่าเป็นกู้ซินเถาที่เดินเข้ามา เสี่ยวเถาก็ตะคอกอย่างเย็นชาพลางชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว “โอ้ นี่เป็นคุณหนูตระกูลไหนกันที่มาที่นี่แต่เช้าเพื่อทักทายคุณหนูของข้า สาวรับใช้ยังไม่ขยันเท่านี้เลย”

เสี่ยวเถาเปรียบเทียบกู้ซินเถากับสาวรับใช้

กู้ซินเถาโกรธเป็นอย่างยิ่ง

นางเปรียบตัวเองกับสาวรับใช้เลยหรือ? สาวใช้ต่ำต้อยคนนี้สมควรถูกลงโทษ

ขณะที่กู้ซินเถากำลังจะโต้กลับ นางก็ได้ยินเสียงที่เข้มงวดของหลิวเทียนฉือดังมาจากภายใน “เสี่ยวเถา ตบปากตัวเอง!”

หลิวเทียนฉือสวมเสื้อผ้าสีแดงสดและมีลวดลายดอกบัวขนาดใหญ่ปักอยู่ ราวกับนางฟ้าดอกบัวที่โผล่ออกมาจากระลอกคลื่นสีคราม พร้อมกับรัศมีนางฟ้าทั่วร่าง

ช่างงดงามที่สุด

กู้ซินเถาไม่เคยเห็นคนอื่นที่สวยกว่านาง แต่คราวนี้นางต้องตกอยู่ในอาการตกตะลึง มองดูหลิวเทียนฉือก้าวออกจากห้องอย่างสง่างาม ความงามนั้นราวกับภาพวาดหมึกที่ทำให้คนเห็นประทับใจ

“คุณหนู!” เสี่ยวเถาไม่คาดคิดว่าหลิวเทียนฉือจะให้นางตบปากตัวเอง และรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย นางจ้องเขม็งไปยังกู้ซินเถา หากแต่ไม่ขยับเขยื้อน

กู้ซินเถามองกลับไป และรอให้นางตบปาก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กู้ซินเถาทำในขณะนี้ทำให้หลิวเทียนฉือรู้สึกว่ากู้ซินเถาเป็นคนไม่เข้าใจหัวอกของคนอื่น

เพียงคิดว่าหลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น นางจะตัดขาดกับกู้ซินเถาทันที

คนอย่างกู้ซินเถาเป็นเหมือนปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง เมื่อมีประโยชน์ แม้จะเป็นมีดทื่อก็สามารถเชือดคนถึงตายได้ แต่เมื่อมันไร้ประโยชน์ก็เป็นแค่เศษขยะ และบางทีอาจจะทำลายเรื่องที่ดีของนางก็ได้

เมื่อเห็นหลิวเทียนฉือจ้องมองที่เสี่ยวเถาโดยไม่พูดอะไร กู้ซินเถาก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “เสี่ยวเถา ท่านพี่หลิวบอกให้เจ้าตบปากตัวเองนี่ ทำไมเจ้าถึงไม่รีบทำ?”

หลังจากพูดจบ นางก็วิ่งไปคำนับต่อหน้าหลิวเทียนฉือ

หลิวเทียนฉือมองเสี่ยวเถาตบปากตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าและอยากจะตบหน้าซินเถา

“เจ้ามาที่นี่ทำไม?” หลิวเทียนฉือไม่ต้องการเห็นหน้ากู้ซินเถาอีกต่อไป และก่อนจะหันหลังกลับนางก็ส่งสัญญาณให้เสี่ยวเถา แล้วหันหลังกลับเข้าไปในห้อง

กู้ซินเถาตามเข้าไปข้างใน โดยลืมไปเสียสนิทว่าเสียงตบด้านหลังนางได้หยุดลงแล้ว

“ท่านพี่หลิว ท่านรู้ไหมว่าวันนี้ข้าเจอใคร?” กู้ซินเถายิ้มอย่างมีเลศนัย และเดินตามหลังหลิวเทียนฉือไป

“ใคร?” หลิวเทียนฉือถามอย่างอย่างเบื่อหน่าย

“วันนี้ข้าได้พบกับฉินเย่จือ” กู้ซินเถาพูดในขณะที่ระงับความตื่นเต้นของตัวเอง

——————————————-